Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
“วันละเรื่องสองเรื่อง”
•
ติดตาม
3 พ.ย. เวลา 07:41 • การเมือง
💸 “คนละครึ่ง” หรือ “ผลักภาระครึ่ง”
เมื่อนโยบายที่ดี พังเพราะ “ต้นทุนแฝง” ที่รัฐมองไม่เห็น
ถอดรหัสความล้มเหลวของวิธีคิดระดับรากหญ้า ทำไมร้านค้าบางร้านถึงฉวยโอกาส “ขึ้นราคา” และ “ลดปริมาณ” จนกลไกรัฐตรวจสอบไม่ทัน?
====
💥 จากนโยบายประชานิยมสู่เสียงสะท้อนของความไม่เท่าเทียม?
“คนละครึ่งพลัส” เคยเป็นหนึ่งในนโยบายที่สร้างความหวังมากที่สุดของรัฐบาลยุคใหม่ ด้วย แนวคิด “รัฐจ่ายครึ่ง ประชาชนจ่ายครึ่ง เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากหมุนเวียนและช่วยพยุงค่าครองชีพของคนตัวเล็กได้จริง”
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เสียงชื่นชมเริ่มเบาลง และถูกแทนที่ด้วยเสียงบ่นที่ดังขึ้นทุกครั้งที่มีการเปิดเฟสใหม่ เช่น
“ร้านค้าบวกราคาเพิ่ม 7–10% อ้างค่าภาษี” “ของลดปริมาณแต่ราคาคงเดิม” “ร้านค้าส่งดีดราคาขึ้นอีก 10% ก่อนขายให้รายย่อย” “ตอนนี้ไม่อยากใช้คนละครึ่งแล้ว ของแพงเกินจะคุ้ม”
เสียงเหล่านี้สะท้อนปัญหาเชิงระบบมากกว่าพฤติกรรมส่วนบุคคล และคือภาพจำลองขนาดเล็กของเศรษฐกิจไทยที่ “ตั้งใจดีแต่ลงมือผิด” เพราะสุดท้ายภาระทั้งหมดกลับถูกผลักไปอยู่บนบ่าของผู้บริโภค
====
🧩 เมื่อ “ต้นทุนแฝง” กลายเป็นตัวทำลายนโยบาย?
1. ต้นทุนของการเข้าสู่ระบบ (The Cost of Formalization)
* ร้านค้าหาบเร่ แผงลอย และร้านโชห่วยจำนวนมากเคยอยู่นอกระบบภาษีโดยสมบูรณ์ แต่การเข้าร่วมโครงการ “ถุงเงิน” ทำให้รายได้ทุกบาทถูกบันทึกและตรวจสอบโดยกรมสรรพากร “ค่าภาษี” ที่ไม่เคยต้องจ่ายกลายเป็นต้นทุนใหม่ทันที พวกเขาจึงเลือก “ผลัก” ไปยังลูกค้าผ่านการบวกราคาเพื่อรักษากำไรเดิม
รัฐอยากให้ร้านค้าเข้าสู่ระบบ แต่ลืมออกแบบแรงจูงใจให้พวกเขาอยู่รอดในระบบนั้น
2. ต้นทุนจากห่วงโซ่อุปทาน (The Supply Chain Squeeze)
* ร้านค้าปลีกรายย่อยไม่ได้ผลิตสินค้าเอง พวกเขาพึ่งพาร้านค้าส่งหรือโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ เมื่อความต้องการเพิ่มจากนโยบาย ผู้ค้าส่งก็ปรับราคาขึ้นทันทีเพื่อทำกำไร ร้านค้าปลีกจึงถูกบีบจากทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ และสุดท้ายผู้บริโภคต้องรับภาระแทน
3. กลไกตรวจสอบที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง (The Failure of Enforcement)
* แม้จะมีสายด่วน DIT 1569 และประกาศเตือนทุกช่องทาง แต่เจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอจะตรวจร้านค้าหลายแสนแห่งทั่วประเทศ กฎที่ไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง กลายเป็นเพียง “ป้ายประกาศบนกระดาษ” เปิดช่องให้พฤติกรรมเอาเปรียบกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่โดยปริยาย
“เมื่อไม่มีใครกลัวกฎหมาย กฎก็กลายเป็นแค่คำแนะนำ”
====
📉 เมื่อ “เงินหมุน” ไม่ถึงมือคนตัวเล็กจริง?
หัวใจของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจคือแนวคิด “Velocity of Money” หรือความเร็วในการหมุนของเงินในระบบฐานราก หมายความว่า เงินที่รัฐอัดฉีดออกไปควรถูกใช้ ซื้อ ขาย และหมุนกลับเข้าสู่ระบบให้มากที่สุดภายในเวลาสั้นที่สุด เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้หลายต่อในชุมชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับนโยบายนี้กลับเริ่มออกไปทางตรงกันข้าม เพราะเงินจำนวนมหาศาลเริ่มถูกดูดกลับขึ้นไปยังต้นน้ำก่อนจะสร้างประโยชน์ให้คนขายตัวเล็กจริงๆ
ตัวอย่างเช่น
* เงินจากรัฐที่ควรช่วยให้ SME มีสภาพคล่อง กลับไหลย้อนสู่ร้านค้าส่งรายใหญ่ผ่านการขึ้นราคาต้นน้ำ บางรายถึงขั้น “แพ็กสินค้าใหม่” เพื่อบวกกำไรเพิ่มโดยไม่ผิดเงื่อนไข
* ร้านค้าปลีกรายย่อยหลายแห่งผลักภาระภาษีมาที่ลูกค้า โดยเพิ่มราคาสินค้าแทนที่จะรับต้นทุนเอง ทำให้ราคาสินค้าปลายน้ำสูงขึ้น เมื่อประชาชนรู้สึกว่าใช้สิทธิแล้วไม่คุ้ม พวกเขาก็ลดการใช้จ่ายลงทันที
* ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มเลือก “เก็บสิทธิไว้ไม่ใช้” หรือใช้เฉพาะของจำเป็น ผลคือยอดหมุนเวียนจริงของเงินในระบบลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายพันล้านบาท
ในบางพื้นที่ เช่น ตลาดสดและร้านอาหารขนาดเล็ก ยอดขายลดลงกว่า 15–20% หลังผ่านช่วงสัปดาห์แรกของโครงการ เพราะราคาที่ปรับสูงขึ้นทำให้กำลังซื้อหดตัวอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ร้านค้ารายใหญ่ในเมืองกลับได้อานิสงส์จากปริมาณลูกค้าที่หันไปซื้อของที่มีราคาคงที่และเชื่อถือได้แทน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง “เงินคนละครึ่งพลัส” ที่ตั้งใจจะช่วยหมุนในชุมชนเล็ก กลับกลายเป็น “เงินครึ่งเดียว” ที่หายไปในระบบค้าส่งและห่วงโซ่กำไรของรายใหญ่ นโยบายจึงไม่สามารถสร้างการหมุนเวียนที่แท้จริงในระดับรากหญ้าได้
“นโยบายที่ดีจะไร้ค่า หากเงินอุดหนุนไม่เคยถึงมือคนที่ควรได้รับจริงๆ”
====
🧠 จากเศรษฐศาสตร์เชิงตัวเลข สู่เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม (Behavioral Design for Policy)
“คนละครึ่งพลัส” ในครั้งนี้เริ่มแสดงว่า การออกแบบนโยบายเศรษฐกิจต้องเริ่มจากการเข้าใจ “พฤติกรรมของมนุษย์” มากกว่าการวางสูตรเศรษฐศาสตร์บนกระดาษ เพราะทุกระบบที่เกี่ยวข้องกับคน ต้องการแรงจูงใจ ไม่ใช่เพียงงบประมาณ
รัฐไม่ควรแค่ “แจกเงิน” แต่ต้อง “ออกแบบแรงจูงใจ” อย่างชาญฉลาด
* ให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีหรือเครดิตภาษีแก่ร้านค้าที่รักษาราคามาตรฐาน
* ตั้งระบบตรวจสอบราคาอัตโนมัติผ่านแอป “ถุงเงิน” ที่แจ้งเตือนเมื่อราคาขึ้นเกินเกณฑ์
* เปิดเผยรายชื่อร้านค้าที่รักษามาตรฐานราคา (Public Positive List) เพื่อให้ประชาชนเลือกใช้สิทธิอย่างโปร่งใส
* จัดระบบ “ลงโทษทางชื่อเสียง” (Reputation Sanction) แก่ร้านที่โก่งราคา เช่น การตัดสิทธิ์จากเฟสถัดไป
นโยบายที่ดีควรสร้าง “สมการแห่งความไว้ใจ” ระหว่างรัฐ ผู้ค้า และผู้บริโภค ไม่ใช่แค่สมการทางการเงินบนเอกสารราชการ
====
🌍 ดังนั้น อย่าให้ “ความตั้งใจดี” กลายเป็น “ภาระดีๆ ที่ไม่มีใครอยากได้”
“คนละครึ่งพลัส” ไม่ใช่แค่โครงการ แต่มันคือภาพจำลองของระบบเศรษฐกิจไทยที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง เรามักหวังว่าเงินจากรัฐจะสร้างการเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่ออกแบบระบบรองรับ มันก็เพียงแค่ “เงินที่ไหลผ่านมือคนจนไปสู่คนรวยอีกรอบ”
สิ่งที่รัฐควรเรียนรู้คือ การเปลี่ยนจาก “นโยบายแจกเงิน” ไปสู่ “นโยบายสร้างระบบ” ทำให้ระบบที่คนขายอยู่ได้ คนซื้อมั่นใจ และเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานรากได้จริง ไม่ใช่แค่ผ่านมือแล้วหายไปในบัญชีของรายใหญ่
“นโยบายที่ดี ไม่ใช่แค่ แบ่งครึ่งภาระ แต่ต้อง แบ่งปันโอกาส อย่างเท่าเทียม”
====
📊 ตัวเลข & ข้อเท็จจริงล่าสุด (อัปเดต พ.ย. 2568)
* ร้านค้าที่เข้าร่วม “คนละครึ่งพลัส” มากกว่า 780,000 ร้าน มียอดใช้จ่ายสะสมกว่า 5,400 ล้านบาท ในช่วงเปิดใช้ 2 สัปดาห์แรก – [Matichon Online, 2568]
* วันแรกของการใช้สิทธิ มีเงินสะพัด 752 ล้านบาท หมวดอาหาร/เครื่องดื่มคิดเป็น 52% ของทั้งหมด – [Bangkok Biz News]
* ร้านค้าธงฟ้า‑ประชารัฐเข้าร่วมกว่า 148,509 ร้าน หรือ กว่า 90% ของเครือข่ายทั่วประเทศ – [กระทรวงพาณิชย์]
* กรมการค้าภายในเผย มีผู้ร้องเรียนกรณี “ขายราคาไม่เท่ากัน” เข้าสู่ระบบ 1569 แล้ว 5 กรณี ในช่วงเปิดใช้เฟสล่าสุด – [IT24hrs]
* ปี 2564 มีผู้ร้องเรียนราคาสินค้า 4,200 เรื่อง (ลดลงจาก 5,432 เรื่อง ในปีก่อนหน้า) โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มยังคงมากที่สุด – [Bangkok Biz News]
* ราคาสินค้าพื้นฐาน (ต.ค. 2568): ไก่สด ≈ 80 บ./กก., หมูชำแหละ ≈ 122 บ./กก., ผักคะน้า ≈ 32.5 บ./กก. – [กรมการค้าภายใน]
* ร้านที่บวกราคาหรือขายราคาไม่เท่ากันระหว่างเงินสดกับการใช้สิทธิ มีโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 140,000 บาท – [JS100]
หมายเหตุ: ตัวเลขทั้งหมดอ้างอิงจากรายงานของหน่วยงานรัฐและสื่อเศรษฐกิจ ณ เดือนพฤศจิกายน 2568 ควรตรวจสอบซ้ำก่อนตีพิมพ์เพื่อความเที่ยงตรง
====
#วันละเรื่องสองเรื่อง #คนละครึ่ง #นโยบายสาธารณะ #เศรษฐกิจไทย #SME #เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม #การคลัง #ปัญหาปากท้อง
คนละครึ่ง
คนละครึ่งเฟส3
รัฐบาล
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย