3 พ.ย. เวลา 16:36 • การศึกษา

ใครที่อยากเรียนสิ่งแวดล้อม ชีววิทยา คุณมาถูกทางแล้ว

ในปี 2569 ประเทศไทยจะบังคับใช้ พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ( กฎหมายโลกร้อน ) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานใหม่ และเพิ่มอัตราการจ้างงาน ในสายสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล ทั้งในระดับผู้ปฏิบัติงานและผู้เชี่ยวชาญ
โดย ตรีเทพ ปาลกวงศ์ ณ อยุธยา ประธานบริษัท GCC ประเมินว่าตลาดไทจะต้องการงานสายสิ่งแวดล้อมอีก 50,000 ตำแหน่ง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
โดยเฉพาะใน 4 กลุ่มงานหลัก
คือ 1.กลุ่มงานพัฒนาความยั่งยืนองค์กร เช่น เจ้าหน้าที่พัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่พัฒนาความยั่งยืนด้านสังคม เจ้าหน้าที่พัฒนาความยั่งยืนด้านธรรมาภิบาลซึ่งในปัจจุบันหลายบริษัท โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทมหาชนเริ่มมีการเปิดตำแหน่งดังกล่าวเพื่อรับคนเข้าทำงานมาพักใหญ่แล้ว
.
2.กลุ่มที่ปรึกษาและนักวิเคราะห์ด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก เช่น ที่ปรึกษาด้านการประเมินก๊าซเรือนกระจก ที่ปรึกษาความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อออกแบบมาตรการในการลดผลกระทบ (Mitigation) และรับมือ (Adaptation) เจ้าหน้าที่โครงการพลังงานหมุนเวียน นักวิเคราะห์ด้านความยั่งยืน
.
3.กลุ่มงานตรวจสอบและทวนสอบรายงานการประเมินก๊าซเรือนกระจกValidator หรือ Verifier ซึ่งทำหน้าที่คล้ายคลึงกับ Audit ของฝั่งบัญชี แต่เปลี่ยนมาทำหน้าที่ตรวจสอบรายงานก๊าซเรือนกระจกหรือสิ่งแวดล้อมให้แก่บริษัทต่างๆ โดยตรง
.
และ 4. กลุ่มงานการจัดการและซื้อขายคาร์บอนเครดิต เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจวัดบัญชีคาร์บอนเพื่อการลด และชดเชย ผู้จัดการด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
.
“จะมีหลายตำแหน่งงานที่จะประสบปัญหาบุคลากรขาดแคลน เช่น ผู้ตรวจสอบ หรือ Validator ผู้ทวนสอบ หรือ Verifier เพราะนิติบุคคลในไทยกว่า 800,000 รายทั่วประเทศ จะต้องทำการประเมิน บันทึกการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์และจัดทำรายงาน โดยมีทั้งที่ปรึกษา ผู้ตรวจสอบและผู้ทวนสอบเข้ามาดูแลทุกปี
ประเทศไทยกำลังขาดแคลนบุคลากรในสายงานตรวจสอบและทวนสอบคาร์บอน (Validator / Verifier) อย่างรุนแรง เนื่องจากมีนิติบุคคลกว่า 800,000 ราย ที่ต้องจัดทำรายงานการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นประจำทุกปี แต่บุคลากรที่ได้รับใบอนุญาตมีจำกัดมาก ได้แก่
• ที่ปรึกษา (Consultant) มีเพียงราว 530 คน (ทั้งบุคคลและนิติบุคคล)
• ผู้ตรวจสอบและผู้ทวนสอบ (Validator / Verifier) มีเพียงประมาณ 100 กว่าคน
• บริษัทที่ได้รับการรับรอง (VB / VVB) มีแค่ราว 20 กว่าบริษัททั่วประเทศ
บางบริษัทมีบุคลากรเพียงพอสามารถทำได้ทั้งการตรวจสอบและทวนสอบ เช่น โครงการ T-VER, ขณะที่บางบริษัททำได้เพียงงานทวนสอบสำหรับรายงาน CFO หรือ CFP เท่านั้น
คาดการณ์ว่าสถานการณ์นี้จะคล้ายคลึงกับหลายประเทศที่บังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้นแล้ว เช่น บางประเทศในกลุ่มอียู ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือสิงค์โปร์ ที่ประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรในสายงาน ที่ปรึกษา (GHG Consult) ผู้ตรวจสอบและทวนสอบ (Validator & Verifier)
.
ส่งผลให้เกิดการกระจุกตัวของการดำเนินการตลอดกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ต่อนิติบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มนิติบุคคลที่ยังคงมีการดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง ไปจนถึงธุรกิจที่ส่งผลต่อการสร้างก๊าซเรือนกระจก หรือ Green House Gas มีประมาณ 140,000 กว่าราย
.
อาทิ ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป ธุรกิจร้านอาหารภัตตาคาร ธุรกิจการผลิตขายส่งอุปกรณ์เครื่องจักร ธุรกิจขนส่งขนถ่ายสินค้า ธุรกิจโรงแรมและห้องชุด
.
ซึ่งในอนาคตหากใครมีความรู้ด้าน Sustainability จะมีโอกาสได้งานสูง และผู้ตรวจสอบบัญชีก็ต้องรู้เรื่องภาษีคาร์บอน ถ้าลูกหลานท่านหัวไปทางด้านสิ่งแวดล้อม ชีววิทยา นิเวศวิทยา ขอให้สนับสนุนเขาเรียนด้านนี้ เพราะสายงานเหล่านี้เป็นที่ต้องการของประเทศไทยและตลาดโลก อีกทั้งในตลาดโลก โดยเฉพาะยุโรปมีความต้องการสายสิ่งแวดล้อมมาก
จากสถิติข้อมูลปี 2567 พบว่ามีผู้สำเร็จการศึกษาด้านชีววิทยาและสิ่งแวดล้อม 7992 คน นับว่าหากจบการศึกษาสายนี้ การันตีการหางานได้แน่นอน
หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านในลิงก์
อ่านบทความนี้แบบละเอียดได้บนเว็บไซต์เวิร์คพอยท์ทูเดย์ https://www.workpointtoday.com/gcc-climatechange-779000-2
.
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
โฆษณา