Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 04:00 • หนังสือ
ผู้หยุดสงครามโลกครั้งที่สาม
แม้หนังหนัง A House of Dynamite จะเป็นเรื่องแต่ง แต่ในความจริง ก็เคยเกิดเหตุทำนองนี้ขึ้น
โลกมีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 12,000 ลูก พอจะทำลายทั้งโลกได้หลายรอบ ดังนั้นแต่ละประเทศจึงมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง
คืนวันที่ 26 กันยายน 1983 นาวาอากาศโท สตานิสลาฟ เยฟกราโฟวิช เปตรอฟ (Stanislav Yevgrafovich Petrov) อยู่เวรที่ศูนย์ดาวเทียมควบคุมสัญญาณเตือนภัย เรียกเป็นรหัสว่า Oko ตั้งอยู่ที่เขตทหาร Serpukhov-15 ใกล้กรุงมอสโก
เปตรอฟวัยสี่สิบสี่ มีหน้าที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของขีปนาวุธของอเมริกา
เวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับโซเวียตอยู่ในขั้นเลวร้ายมาก ต่างงัดเอาอาวุธมาข่มกัน
เมื่อโซเวียตติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง SS-20/RSD-10 สิบสี่ลูก นาโตก็งัดหัวรบ Pershing II 108 ลูกออกมาใช้ในยุโรป พร้อมถล่มภาคตะวันออกของโซเวียตได้ในเวลาแค่สิบนาที นอกจากนี้ยังเพิ่มหัวรบพิสัยไกล BGM-109G เข้าไปอีก
โลกเข้าใกล้จุดเดือด ทั้งสองฝ่ายหันขีปนาวุธเข้าหากัน
ในวันที่ 23 มีนาคม 1983 ประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ประกาศทางโทรทัศน์ เสนอความคิดโครงการ The Strategic Defense Initiative หรือที่สื่อเรียกว่า ‘สตาร์ วอร์ส’ สร้างอาวุธที่สามารถสอยขีปนาวุธของศัตรูลงมา ก่อนที่มันจะถึงเป้าหมาย
แม้ ‘สตาร์ วอร์ส’ ไม่ประสบความสำเร็จ แต่โซเวียตก็เชื่อว่าสหรัฐฯมีศักยภาพที่จะทำได้ เช่นที่เคยระดมนักวิทยาศาสตร์ทำระเบิดปรมาณู
สำเร็จมาแล้ว
โซเวียตเชื่อว่าสหรัฐฯทำโครงการ ‘สตาร์ วอร์ส’ เพื่อใช้จัดการฝ่ายตน และสหรัฐฯจะยิงขีปนาวุธก่อนแน่
สตานิสลาฟ เปตรอฟ เกิดในครอบครัวทหารอากาศ พ่อเป็นนักบินในสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเรียนสายวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันวิศวกรรมเทคนิควิทยุชั้นสูงของกองทัพอากาศ แล้วรับราชการที่กองทัพอากาศในปี 1972 ทำงานด้านระบบเตือนภัยขีปนาวุธข้ามทวีปที่มาจากประเทศกลุ่มนาโต
หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย คอมพิวเตอร์บอกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เครื่องรายงานว่ามีขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปลูกหนึ่ง พุ่งตรงมาที่โซเวียต ต้นทางคือสหรัฐฯ
ใจเขาเต้นแรงขึ้น
สหรัฐฯจะก่อสงครามเช่นนั้นหรือ? ในเวลานี้? ด้วยหัวรบเพียงลูกเดียว?
เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ เหตุผลเพราะหากสหรัฐฯจะโจมตีโซเวียตก่อน ไม่น่าจะใช้หัวรบเพียงลูกเดียว มันควรจะเป็นหลายร้อยลูก เพราะลูกเดียวไม่สามารถชนะโซเวียตได้ หากจะจู่โจมหวังผล ก็ต้องทำลายโซเวียตให้ราบเป็นหน้ากลอง สหรัฐฯย่อมรู้ดีว่า หากไม่พิชิตอีกฝ่ายให้ราบคาบก่อน พวกโซเวียตจะยิงขีปนาวุธสวนกลับไปแน่นอน
อีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขาเชื่อว่าคอมพิวเตอร์อ่านค่าผิดคือ ดาวเทียมดวงนี้เคยรวนมาก่อน อีกทั้งไม่ปรากฏการตรวจจับขีปนาวุธจากทางอื่น
นาทีนั้นเขาสรุปว่ามันเป็นการเตือนภัยที่ผิดพลาด จึงยังไม่แจ้งผู้บังคับบัญชาทันที แต่ในใจเขาก็ระทึก หากมันไม่ผิดเล่า? ถ้ามันเป็นขีปนาวุธจริงล่ะ?
เขาเฝ้ารอต่อไป
ผ่านไปหลายนาที จนเมื่อถึงกำหนดที่ขีปนาวุธควรเดินทางมาถึงแล้ว เขาก็รู้ว่าไม่มีการจู่โจมจากสหรัฐฯ คอมพิวเตอร์เตือนภัยรวน
ผ่านไปอีกไม่นาน คอมพิวเตอร์เตือนอีกว่ามีขีปนาวุธสี่ลูกมาจากสหรัฐฯ มุ่งหน้ามาที่โซเวียต เขาเชื่อว่าคอมพิวเตอร์รวนอีกรอบ
เขาเห็นว่าการเตือนครั้งนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มันผ่านการตรวจสอบสามสิบขั้นตอนเร็วผิดปกติ จึงเชื่อว่าเครื่องคอมพิวเตอร์อ่านค่าผิด
เขาเชื่อว่ามันเป็นการเตือนผิดพลาด จึงตัดสินใจไม่รายงานเบื้องบนทันทีที่เกิดเหตุ
ต่อมามีการยืนยันว่าคอมพิวเตอร์รวนจริง มันเกิดจากการอ่านภาพการวางตัวของแสงอาทิตย์บนเมฆชั้นสูงเหนือรัฐนอร์ธ ดาโกตา กับวงโคจรของดาวเทียมโซเวียต ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แต่มันก็เกิดขึ้น
เปตรอฟทำให้โลกพ้นจากสงครามอย่างหวุดหวิด โดยใช้ไหวพริบ สติ และปัญญา
ถ้าเขารายงานการพบหัวรบครั้งนี้ขึ้น มีโอกาสสูงที่เบื้องบนจะสั่งยิงตอบโต้ เพราะสถานการณ์การเผชิญหน้าสูงยิ่ง
นี่คือสามัญสำนึก สัญชาตญาณ ปฏิภาณ การวิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ และอ่านเกมไปพร้อมกัน
เขาบอกเบื้องบนภายหลังว่า การที่สหรัฐฯโจมตีด้วยหัวรบเพียงห้าลูกนั้นไม่สมเหตุสมผล
หลังเกิดเหตุ นายพล ยูรี โวตินท์เซฟ ผู้บัญชาการหน่วยป้องกันภัยขีปนาวุธทางอากาศ ได้รับรายงาน และกล่าวชมเชยเขาที่ตัดสินใจถูกต้อง สมควรได้รับรางวัล
2
แต่ต่อมา นอกจากจะไม่ได้รับรางวัล เปตรอฟกลับถูกเบื้องบนตำหนิ และถูกเบื้องบนสอบสวนอย่างหนัก ถูกย้ายไปทำงานตำแหน่งที่ต่ำลง
2
เขาเชื่อว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าระบบเตือนภัยของโซเวียตมีปัญหา ทำให้เจ้าหน้าที่ชั้นสูงและนักวิทยาศาสตร์เสียหน้า ทางการจึงชมเชยเขาไม่ได้ เพราะหากเขาได้รับคำชม คนเหล่านั้นก็ต้องถูกลงโทษ
2
ในปี 1984 เขาย้ายไปทำงานในสถาบันค้นคว้าด้านการเตือนภัย และลาออกก่อนเกษียณ บอกว่าจะไปดูแลภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็ง
มีรายงานว่าเขาบอกว่า “ผมเป็นแพะรับบาป” และมีอาการทางประสาท
1
แล้วเรื่องก็จบลงเพียงนั้น
เรื่องนี้ไม่เป็นข่าว จนหลายปีต่อมา มีการตีพิมพ์บันทึกของนายพล ยูรี โวตินท์เซฟ ในปี 1988 สื่อต่าง ๆ ทั่วโลกจึงเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทั้งซีไอเอและเคจีบีที่เปิดเผยภายหลังชี้ว่า โซเวียตยังไม่สามารถรับมือกับขีปนาวุธ Pershing II จึงเชื่อว่าสหรัฐฯเอาแน่
ระบบเตือนภัยรวนที่เกิดขึ้นมาในจังหวะที่เลวร้ายที่สุด เข้มข้นที่สุด ในช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ของสองประเทศตกต่ำที่สุด โซเวียตเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯจะโจมตี
“ในเมื่อสหรัฐฯจะโจมตี เราก็ควรเล่นงานพวกนั้นก่อน”
ดังนั้นสถานการณ์ในคืนนั้นจึงอันตรายอย่างยิ่ง
ผู้เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ในสหรัฐฯหลายคนเชื่อว่า เหตุการณ์นี้เฉียดสงครามนิวเคลียร์มากที่สุดแล้ว เพราะพวกโซเวียตเชื่อว่าสหรัฐฯจะจู่โจมก่อน โดยเฉพาะจากประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ที่แข็งกร้าว
หลังจากโลกรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สตานิสลาฟ เปตรอฟ ได้รับคำชมและยกย่องจากองค์กรและสถาบันต่าง ๆ โดยเฉพาะจากโลกตะวันตกและสหประชาชาติ
1
ในปี ค.ศ. 2006 องค์การสหประชาชาติมอบรางวัล World Citizen Award ให้เขา
ปี 2013 เยอรมนีมอบรางวัล The Dresden Peace Prize ให้เขา
เดรสเดนเป็นเมืองในเยอรมนีที่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยมในปี 1945 ด้วยเครื่องบิน 1,249 ลำ ระเบิดกว่า 3,900 ตันในคืนเดียว เมืองทั้งเมืองถูกเผาราบเรียบ ดังนั้นมันจึงเป็นเครื่องเตือนความเลวร้ายของสงครามล้างโลก
สองปีหลังจากเหตุการณ์นี้ มิคกาอิล กอร์บาชอฟ ขึ้นเป็นผู้นำโซเวียต ได้พบกับประธานาธิบดี รอนัลด์ เรแกน ที่ไอซ์แลนด์ และเจรจาหาทางแก้ปัญหา
โดยตกลงค่อย ๆ ลดการผลิตอาวุธ นิวเคลียร์
1
สตานิสลาฟ เปตรอฟ ถึงแก่กรรมในวันที่ 19 พฤษภาคม 2017 และได้รับรางวัล Future of Life Award ที่นิวยอร์ก โดยบุตรสาวเป็นผู้รับรางวัลแทนพ่อ
ในพิธีมอบรางวัล บันคีมุน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่าสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับโซเวียตเกือบได้เกิด หากมิใช่เพราะการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของ สตานิสลาฟ เยฟกราโฟวิช เปตรอฟ ด้วยเหตุผลนี้ เขาสมควรได้รับคำขอบคุณอย่างสูงจากชาวโลก และสมควรที่ชาวโลกทำงานด้วยกันเพื่อจะได้โลกที่ปราศจากความกลัวอาวุธนิวเคลียร์ และจดจำวิจารณญาณที่กล้าหาญของ สตานิสลาฟ เปตรอฟ
เปตรอฟบอกเสมอว่าเขาไม่ใช่วีรบุรุษ
“เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงหน้าที่การงานของผม ผมแค่ทำงานของผม ผมเพียงอยู่ถูกที่ถูกเวลา ก็แค่นั้น”
2
เขาบอกว่าเขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟัง
เธอเคยถามเขาว่า “คุณทำอะไรหรือเปล่า?”
เขาตอบว่า “เปล่า ผมไม่ได้ทำอะไร”
ย่อความจากหนังสือสารคดี วีรบุรุษที่เราลืม
1
แจกฟรีเมื่อซื้อชุดสารคดี ประวัติศาสตร์ที่เราลืม เล่ม 1-5 (5 เล่ม)
เหมาะสำหรับเก็บประจำบ้าน ให้ลูกหลานประกอบการเรียน
1,000 บาท จากราคาปก 1,605.-
แต่ละเล่มหนา 256 หน้า (รวม 1,536 หน้า)
118 เรื่อง = เรื่องละ 8.4 บาท (ไม่คิดค่าส่ง)
ทุกเล่มมีลายเซ็นนักเขียน เหมาะเป็นของขวัญ
หนังสือหมดเมื่อไร จะไม่ตีพิมพ์ใหม่แล้ว
สั่งทาง Shopee
https://shope.ee/30QSjhDgNg?share_channel_code=6
สั่งทางเว็บ
https://www.winbookclub.com/store/detail/176/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20%E0%B9%91-%E0%B9%95%20+%20%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9
6 บันทึก
17
2
7
6
17
2
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย