4 พ.ย. เวลา 04:40 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
1. ครั้งแรกในชีวิตที่เรารู้จักคำว่า "รหัส" คือสมัยเรียนม.ปลาย จากการที่คุณแม่แราสอนวิธีเปิดตู้นิรภัยที่บ้าน ตอนนั้นเราได้เรียนรู้หลักการเรื่องรหัสจากตู้นิรภัยว่า ต้องครบองค์ประกอบ 3 คือ ต้องรู้ว่า "ตู้นิรภัยใบไหน (1)" ต้องรู้ที่เก็บ "กุญแจตู้นิรภัยแต่ละใบ (2)" และต้องรู้ "รหัสและวิธีหมุนรหัส (3)" เราจึงจะสามารถเข้าไปถึงหัวใจชั้นในสุดได้ ซึ่งก็คือ "ของมีค่าที่แม่เก็บไว้" สังเกตว่า หากขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง เราจะไม่สามารถเข้าไปถึงหัวใจชั้นในสุดได้
จากนั้น มันก็เกิดวิวัฒนาการการเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกสู่ดิจิตอลในกาลต่อมา ซึ่งตัวเราเองจำเป็นต้องซื้อตู้นิรภัยมาใช้ส่วนตัว ทำให้เราสะดวกขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องครบองค์ประกอบ 3 มีเพียง 2 องค์ประกอบ นั่นคือ "ตู้นิรภัยใบไหน" และ "รหัสตัวเลข" สำหรับเปิดมันออกมา คุณจะสังเกตว่า "ระบบดิจิตอล มาทำหน้าที่แทนกุญแจ ข้อดีคือไม่ต้องพกและซ่อนกุญแจให้ยุ่งยากอีกต่อไป" แต่ที่น่าวิตกคือ "ระบบดิจิดตอล มันกำลังรุกคืบ แต่ไม่มีใครคิดจะตั้งคำถาม เพราะความสะดวกสบายนั่นเอง ที่มาแทนที่ จนสมองคุณหยุดทำงานหยุดตั้งคำถาม
2. ต่อมา สมัยเราทำงานในแวดวงสถาบันการเงิน เราคือเจ้าแม่โปรเจค GenX แม้เราจะไม่ได้เรียบจบไอทีมาโดยตรง แต่เหมือนถูกสร้างตัวตนมากับ "Digital Age"ทุกโปรเจค ของเราในตอนนั้น คือการทำลายกำแพงขั้นตอนและกระบวนที่อืดอาดล่าช้า แถมตรวจสอบย้อนกลับได้ยาก ผู้คนโยนความผิดให้กันไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้ เราได้หลักการมาจาก "ตู้นิรภัยของแม่" ทันทีที่กุญแจ + รหัส ไปอยู่ในมือใคร คนนั้นคือผู้รับชอบเต็มๆ ไม่สามารถโต้งแย้งถกเถียงได้อีกต่อไปแล้ว!
ผลงานของเราทำให้เกิดผลกระทบ
จนหลายหน่วยงานต่างบ่นกันขรมว่า
ทุกวันนี้ต้องรับผิดชอบถือกุญแจและรหัสเป็นสิบๆตัว
ในขณะที่กระบวนการทำงานรวดเร็วแม่นยำ
และมีประสิทธิภาพขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และการตรวจสอบย้อนกลับก็มีความแม่นยำ
และสามารถหาตัวผู้รับผิดชอบได้ในทุกกระบวนการ
แต่นี่คือสมัยตั้งแต่ 15 ปีที่แล้วนะคะ
3. นับจากนั้นเราจึงกลายเป็นผู้คร่ำหวอดการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมการเงิน จากที่มีจุดเริ่มต้นเพียงธุรกรรมทางการเงินผ่านเว็บไซต์สำหรับนิติบุคคล (Cooperate E -Banking) มาสู่ธุรกรรมที่บุคคลทั่วไป ก็สามารถทำกันเองได้ ผ่านมือถือตัวเอง ขอเพียงต้องรับผิดชอบความเสียหายนั้น "ด้วยตัวเอง"
แต่ผู้คนก็ตื่นเต้นไปกับมัน
บนความง่าย สะดวก รวดเร็ว มิใช่หรือ?
......................
สมองเรา ไม่เคยเรียนรูู้เลยว่า
อะไรที่ได้มาง่ายๆ ไวๆ สะดวกรวดเร็ว
มีความน่ากลัว และอันตรายแฝงอยู่เสมอ
และมันก็ย่อมจะต้องมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ
ให้อย่างไร โลกนับจากนี้
ก็ยังจะต้องมีรหัสเฉพาะบุคคลเสมอ
และมันจะต้องถูกกดันให้เปลี่ยนผ่านไปสู่
การยืนยันตัวตนอย่างเต็มสูบ
ด้วยเทคโนโลยีไบโอเมทริกซฺ (Biometric)
................................
ถึงจุดนี้เต็มสูบเมือ่ไหร่
โลกจะวุ่นวายและน่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
AI จะรู้ไปถึงสันดานที่นอนเนื่องของเราเลยทีเดียว
มีความเป็นไปได้สูงมากที่เราจะกลายเป็น
เพียงสัตว์เชื่องๆ ตัวหนึ่ง ในสายตาของ AI
............................
คำถามคือ จนถึงตอนนี้
คุณกล้าพอที่จะเลิกใช้มีอถือได้หรือเปล่า?
โฆษณา