Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
4 พ.ย. เวลา 13:54 • นิยาย เรื่องสั้น
ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน คดีหอจ้งเซิง 2/3
.
เหตุการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี จนกระทั่งคืนวันหนึ่งที่สุสานของเมิ่งตงเหล่าดูราวมีชีวิต ฝนตกฟ้าคะนองน่ากลัว สายฟ้าฟาดลงมาจนผืนดินสะเทิอน
แล่วในตอนสายที่วัดกวงจ้าวก็มีผู้พบห่อศพของสตรี ในเวลาไล่เลี่ยกันก็มีผู้พบห่อศพของสตรีที่วัดหนานหยวน วัดปี้เฉิง และ วัดหลิงตั้ง
.
ศพทั้ง4เป็นเช่นเดียวกันกับศพของกวนจื่อจวินเมื่อ40ปีที่แล้วนั่นคือไม่มีกระดูก เนื้อคนถูกชำแหละแล้วใส่ในห่อผ้าที่เป็นชนิดเดียวกันกับในอดีตทุกอย่าง
.
จากการสอบสวนเจ้าอาวาสวัดกวงจ้าว ในตอนเช้าที่เปลี่ยนเครื่องบูชายังไม่พบห่อศพ หลูหลิงเฟิงสั่งให้สอบสวนชาวบ้านที่มาเมื่อเช้า
เร่งหาเบาะแสทั้งจากพระลูกวัด ขอทานที่มาพักแรม และ ผู้มาพักที่นี่เพื่อเตรียมสอบรับราชการ ผู้ใดที่มาที่นี่เมื่อเช้าต้องถูกบันทึกชื่อ สืบหาคนหายและติดประกาศ
.
นักชันสูตรที่มีเพียงผู้เดียวของอำเภอขอลาออกด้วยเหตุผลว่า เมื่อ40ปีที่แล้วบิดาของเขาเป็นผู้ชันสูตรศพของกวนจื่อจวิน
ต่อมาไม่ถึงเดือนบิดาของเขาก็ถูกแขวนคอด้วยวัย42ปี ตอนนี้เขาก็อายุ42 จึงขอลาออกไม่เสี่ยงดีกว่า
.
อำเภอจวี๋มีนักชันสูตรเพียงคนเดียว เมื่อคนก่อนตายไปก็ไม่มีนักชันสูตรอยู่หลายปี จนเมื่อลูกชายของเขาโตขึ้นได้มาทำงานต่อจากพ่อ
เมื่อเขาลาออกไปก็ไม่มีใครแล้ว หลูหลิงเฟิงจึงต้องชันสูตรเองแล้วก็ประสบปัญหาดังเช่นที่ซูอู๋หมิงคาดไว้
ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เซวียหวนจะมากับหลูหลิงเฟิง ซูอู๋หมิงจึงสั่งไว้ว่า "คนอย่างหลูหลิงเฟิงนั้นสิ่งที่ยากที่สุดคือ การเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ ดังนั้นหากเจ้าเห็นว่าเขาต้องการคนช่วย ก็จงให้คนนำส้ม 1 ตระกร้ามาให้ข้า"
.
ในเวลาต่อมาซูอู๋หมิง เฟ่ยจี และ สี่จวินจึงเดินทางมาที่อำเภอจวี๋ เมื่อได้ซูอู๋หมิงมาช่วยชันสูตร หลูหลิงเฟิงจึงมีเวลาไปเสาะหาเบาะแสอื่น แล้วพบว่าวัดทั้ง4ที่พบศพมีพยานยืนยันว่าพบผู้ต้องสงสัย
.
ติดเพียงแต่รูปพรรณที่บอกมานั้นแตกต่างกัน บางคนบอกว่าเป็นชายชรา บางคนว่าเป็นหญิงชรา แถมมีคนบอกว่าเป็นขอทานผู้หนึ่งอีกด้วย แต่ก็ได้เบาะแสคนหายมาคนหนึ่งชื่อ ฮุ่ยเหนียง เป็นภรรยาน้อยของ เฉียนเสี่ยวอี้
.
เฉียนเสี่ยวอี้ผู้นี้เป็นเจ้าของโรงจำนำฟู่เจี่ยของอำเภอนี้ การหายไปของฮุ่ยเหนียงได้รับการบอกเล่าจากเฉียนเสี่ยวอี้ว่าเขาสงสัยภรรยาของเขา
เพราะเมื่อครึ่งเดือนก่อนภรรยาของเขาได้ใช้มีดไล่ฟันฮุ่ยเหนียง ดีที่เขาขวางเอาไว้มิเช่นนั้นฮุ่ยเหนียงคงโดนหั่นเป็นชิ้นแล้ว
.
ภรรยาของเฉียนเสี่ยวอี้เดิมทีนางมีอาชีพช่วยบิดาเชือดหมู บิดาของนางคือ หูอี้เตา เป็นผู้ที่เชือดหมูมากที่สุดในอำเภอนี้ เขาเป็นพ่อค้าขายเนื้อที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้อีกด้วย
.
ไม่แต่เจ๊อ้วนผู้เป็นภรรยา เฉียนเสี่ยวอี้ก็เป็นผู้ต้องสงสัยเช่นกัน เพราะชาวบ้านร้านตลาดต่างรู้กันทั่วว่าเขาตั้งใจจะเลิกรากับฮุ่ยเหนียงแต่นางไม่ยอม
.
ผ่านไป2ชั่วยาม(4ชั่วโมง) ซูอู๋หมิงได้สั่งให้เซวียหวนไปแจ้งหลูหลิงเฟิงว่า มีศพสตรีนางหนึ่งที่อกด้านขวามีไฝแดง และกำชับเซวียหวนไม่ให้สี่จวินมาช่วยเขา เนื่องจากศพเหล่านี้ไม่มีกระดูกนางอาจกลัวได้
.
เฉียนเสี่ยวอี้ยืนยันว่าฮุ่ยเหนียงมีไฝแดงที่อกด้านขวา จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 1 ใน 4 ศพนั้นคือฮุ่ยเหนียงภรรยาน้อยของเฉียนเสี่ยวอี้
ข่าวนี้ทำให้เจ๊อ้วนภรรยาหลวงของเฉียนเสี่ยวอี้ดีใจชนิดไม่ต้องปิดไม่ต้องบังให้เสียเวลา
.
หลูหลิงเฟิงถามเจ๊อ้วนว่า "ทำไมต้องพกมีดติดตัว" (ตอบว่า เป็นความเคยชินก็นางเป็นคนเชือดหมูนี่)
.
หลูหลิงเฟิง "เมื่อเย็นวันก่อนอยู่ที่ใด" (ตอบว่า ให้อาหารหมูเสร็จก็กลับบ้าน ช่วงนี้ท่านพ่อไม่สบายข้าเป็นลูกสาวคนเดียวจึงต้องคอยดูแลท่าน)
.
หลูหลิงเฟิง "บิดาของท่านเป็นผู้มีชื่อเสียง เมื่อเขาป่วยก็สมควรที่ข้าจะไปเยี่ยม"
.
หูอี้เตาฆ่าหมูมาตั้งแต่อายุ 11 ปี ปัจจุบันอายุ 51 ปี ตอนนี้เขากำลังเป็นโรคร้ายแรงจากการเป็นโรคปวดศีรษะที่คร่าชีวิตชาวเมืองในแต่ละปีไปหลายคน
.
หลูหลิงเฟิง "เมื่อเย็นวันก่อนบุตรสาวของท่านทำอะไรให้กิน(ตอบ-วันนั้นไปที่บ่อนทั้งคืนเลยไม่ได้กิน)
.
ถึงตอนนี้เจ๊อ้วนผู้เป็นลูกก็เอ็ดพ่อ "ไม่สบายขนาดนี้ยังจะไปเล่นการพนันอีก"
.
หูอี้เตา "ก็จะให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อข้าติดพนัน อีกไม่นานข้าก็ตายแล้ว ถึงตายไปความติดพนันนี้มันก็จะติดตัวข้าไป แต่ตอนนี้ข้าปวดหัวเหลือเกิน ฮือๆๆๆ"
.
มามุขนี้เจ๊อ้วนผู้เป็นลูกก็โกรธพ่อไม่ลงรีบดูแลพ่อทันที หลูหลิงเฟิงและหัวหน้ามือปราบจึงใช้โอกาสนี้เดินไปดูเนื้อหมูที่หูอี้เตาชำแหละไว้เพื่อเตรียมขาย
.
หลูหลิงเฟิงต้องยอมรับว่าฝีมือการชำแหละเนื้อของหูอี้เตา เรียบเนียนไม่มีที่ติ เรียบเนียนเหมือนเหยื่อทั้ง4
หลูหลิงเฟิงจึงปักใจเชื่อว้า หูอี้เตาคือฆาตกรเมื่อ40ปีที่แล้วทั้งที่เพิ่งอายุ11ปีก็ฆ่า
คนเป็นแล้ว
.
และหากเมื่อ40ปีที่แล้วเป็นเขา แน่นอนว่าเหยื่อทั้ง4รายนี้ก็ต้องเป็นเขา เพราะเหยียนซานฉีฆาตกรบ้ากามตายไปแล้ว แต่อะไรเล่าคือมูลเหตุจูงใจของหูอี้เตา
.
ทันใดก็มีแมว3สีกระโดดขึ้นมาบนแผงวางเนื้อหมูที่ชำแหละไว้เตรียมขาย เจ๊อ้วน
จึงไล่ไปพร้อมกับบ่นว่า "แมวที่อื่นกินปลา มีแต่แมวบ้านนี้ที่กินหมู"
.
ทันทีที่ออกจากบ้านของหูอี้เตา หลูหลิงเฟิงก็สั่งให้หัวหน้ามือปราบตรวจสอบทุกบ่อนในเมืองนี้ว่าหูอี้เตาพูดจริงหรือไม่ ส่วนตัวเขาไปติตตามความคืบหน้าของการชันสูตร
.
ซูอู๋หมิงใช้เวลาถึง4ชั่วยาม(8ชั่วโมง)แต่พบเบาะแสเพียงศพทั้ง4ไม่มีร่องรอยข่มขืน ไม่มีร่องรอยการทุบตีหรือถูกพิษ
พวกของนางถูกฆ่าด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว อาวุธสังหารและแยกชิ้นส่วนศพก็ไม่อาจแยกแยะได้ เพราะมือสังหารมีมีดทุกแบบ ชำนาญการใช้ จิตใจเย็นยะเยือก
.
หลูหลิงเฟิงนึกถึงภาพเนื้อหมูที่หูอี้เตาชำแหละไว้เพื่อเตรียมขาย เขาก็ยิ่งเชื่อมั่นว่าหูอี้เตาเป็นฆาตกร
แล้วยิ่งเมื่อมีสายมารายงานว่าหูอี้เตาหนีไปแล้ว หลูหลิงเฟิงจึงรีบขี่ม้าออกไปจับตัวด้วยตนเอง
.
ที่ว่าการอำเภอจวี๋ หูอี้เตาตัวสั่นงันงกเอาแต่ร้องคร่ำครวญว่า "ไว้ชีวิตข้าเถิดขอรับ ข้ายอมรับว่าได้ไปหาแม่นางฮุ่ยจริงแต่ไม่ได้สังหารนาง"
.
หูอี้เตาเล่าว่าลูกสาวมาร้องไห้ร้องห่มฟ้องว่า เฉียนเสี่ยวอี้มีภรรยาน้อยที่สวยกว่าสาวกว่าข้อสำคัญรูปร่างดีกว่า "ฮือๆๆท่านพ่อข้าจะทำไงดี"
.
หูอี้เตาคว้าได้มีดเชือดหมูออกจากบ้านไปหาแม่นางฮุ่ย เขาตามหาที่พักของนางจนเจอ และได้เห็นเฉียนเสี่ยวอี้ผู้เป็นลูกเขยทะเลาะกับแม่นางฮุ่ย หูอี้เตาจึงซ่อนตัวดูเหตุการณ์
.
เฉียนเสี่ยวอี้ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนางอีก และ ได้พูดชมทั้งภรรยาและพ่อตาว่าดีกับเขามาก แล้วเขาได้จ่ายเงินให้ก้อนหนึ่ง เมื่อแม่นางฮุ่ยได้เงินแล้วจึงเดินไป
.
เดิมทีหูอี้เตาตั้งใจเล่นงานลูกเขยด้วยแค่สั่งสอนเท่านั้น เมื่อได้ยินลูกเขยพูดเช่นนี้จึงดีใจมากและได้ไปซื้อสุราอาหารเพื่อไปกินกับลูกเขย
มิคาดว่าจะไปเจอพวกปากมากกำลังนินทาลูกเขย เขาจึงเข้าเล่นงาน เผอิญมากที่มีมือปราบผ่านมา เขาจึงถูกขังคุก 1 คืน
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วทำไมวันนั้นเจ้าไม่พูด"
.
หูอี้เตา "มันเป็นเรื่องน่าอับอาย"
.
หลูหลิงเฟิง "แล้วทำไมเจ้าต้องหนี"
.
หูอี้เตา "ข้ามีหนี้พนันมากจนไม่มีปัญญาจ่าย ท่านก็ดูหน้าที่ถูกทำร้ายของข้าเองก็แล้วกันว่าอยู่ในสภาพใด"
.
หัวหน้ามือปราบ "เป็นเรื่องจริงขอรับ บ่อนที่ข้าไปสืบต่างยืนยันว่าหูอี้เตาเป็นหนี้พนันเยอะมาก"
.
ซูอู๋หมิง "หูอี้เตา แมวที่เจ้าเลี้ยงมีสีอะไรบ้าง"
.
หูอี้เตา "แมวที่ข้าเลี้ยงเป็นแมวลายเสือตัวหนึ่งขอรับ"
.
หลูหลิงเฟิง "ถูกต้อง"
.
ซูอู๋หมิงเดินไปหาหัวหน้ามือปราบ "เจ้าไปหาเฉียนเสี่ยวอี้ บอกให้เขาใช้หนี้แทนพ่อตาทั้งหมด"
.
"ถ้าเขาไม่ยอม"
.
ซูอู๋หมิง "บอกเขาว่าข้าจะจับเขาเข้าคุกเรื่องคดีแม่นางฮุ่ย"
.
หลูหลิงเฟิง "ได้ด้วยหรือ"
.
ซูอู๋หมิง "ข้าเป็นผู้ดูแลของหนานโจวทำไมจะไม่ได้
.
หัวหน้ามือปราบ "ข้าจะรีบไปจัดการ"
.
หูอี้เตา "ขอบคุณท่านผู้ดูแล ข้าไปละ"
.
ซูอู๋หมิง "ช้าก่อน หูอี้เตา เจ้าต้องรับปากก่อนว่าจะเลิกเล่นการพนัน มิเช่นนั้นข้าจะไม่อภัยให้เจ้า"
.
คืนนั้นหลูหลิงเฟิงสงสัยที่ซูอู๋หมิงถามเรื่องแมวกับหูอี้เตา ซูอู๋หมิงตอบว่าเขาพบขนแมว5เส้นมีสีเหลือง สีดำ และ สีขาว นอกจากนี้ผ้าห่อศพมีกลิ่นสมุนไพรแรงมาก จะเป็นชนิดใดนั้นต้องให้เฟ่ยจีเป็นคนดม
.
คืนนั้นเช่นกันที่หอจ้งเซิง เฟ่ยจีเมาหลับไม่รู้เรื่อง "เฟ่ยฉือซาน" เป็นเสียงเรียกของชายชรา ในความเคลิ้มฝันเฟ่ยจีเดินไปตามเสียงนั้น แล้วไปหยุด ณ ที่แห่งหนึ่งเป็นเรือนไม่2ชั้น บริเวณโดยรอบเป็นสวน เขาเห็นชายแก่ผมขาวสั่งให้เดินไปหา
.
เฟ่ยจี "ศิษย์พี่"
.
ชายผมขาว "ไม่กี่สิบปี ทำไมเจ้าถึงแก่งั่กปานนี้"
.
เฟ่ยจี "ท่านกล้าว่าข้าเรอะ ท่านลองดูตัวเองสิ แก่กว่าข้าอีกนะ"
.
ชายผมขาว "เจ้ามาหอจ้งเซิง เหตุใดไม่มาเคารพข้า ลืมแล้วหรือเมื่อเจ้ายังเด็ก ข้ารับฝ่ามืออาจารย์แทนเจ้าตั้งกี่ครั้ง"
.
เฟ่ยจีหัวเราะ "เฒ่าเมิ่งผู้แปลกประหลาด ผ่านไปตั้งกี่ปีแล้วเหตุใดจึงพูดถึงเรื่องนี้อีก"
.
ชายผมขาว "เจ้าลืมลงแต่ข้าลืมไม่ลง เจ้าเคยรับปากจะอยู่เขียนตำราเป็นเพื่อนข้าไปตลอดชีวิต ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็อย่าคิดจะไปอีกเลย ไป๊"
.
แล้วเขาจับตัวเฟ่ยจีเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ เฟ่ยจีส่งเสียงร้องแล้วสะดุ้งตื่นวิ่งออกจากห้อง เฟ่ยจีวิ่งออกมาจนถึงลานหน้าบ้านโดยมีเซวียหวนวิ่งตามมาด้วย
.
เสียงเอะอะโวยวายของเฟ่ยจีปลุกทุกคนตื่นหมด เฟ่ยจีถามซูอู๋หมิงว่า "ที่นี่ใช่หอจ้งเซิงหรือไม่ เคยเปิดเป็นร้านขายยาและรักษาคนใช่หรือไม่ นายท่านของที่นี่คง
ไม่ได้ชื่อ เมิ่งตงเหล่า หรอกนะ"
.
เมื่อเฟ่ยจีรู้ว่าทุกคำถามของเขาคำตอบคือ ใช่ เฟ่ยจีก็ขอให้พาเขาไปพบ หลูหลิงเฟิงบอกว่าทำเช่นนั้นมิได้เพราะเมิ่งตงเห่าตายไปกว่าปีแล้ว
.
เฟ่ยจี "ตายแล้ว เหตุใดเขาถึงตาย..." แล้วสายตาของเขาก็เห็นสวนหลังบ้านที่วันนี้ประตูไม่ได้ปิด เฟ่ยจึรู้ได้ทันทีว่าเคยเดินมาที่นี่ มันไม่ใช่ความฝันแล้วถ้าอย่างนี้
.
เฟ่ยจีเดินผ่านประตูสวนแล้วเดินต่อจนไปหยุดที่เรือนไม้2ชั้น "เมื่อครู่ข้าได้มาที่แห่งนี้" เขาบอก
.
เซวียหวน "ท่านจะมาได้อย่างไรเหล่าเฟ่ย ในเมื่อท่านนอนที่เตียงตลอดข้าก็เห็นอยู่ แม้แต่ตอนที่ท่านละเมอวิ่งออกจากห้อง"
.
เฟ่ยจี "จริงๆนะ เมิ่งตงเหล่าอยู่ที่นี่"
.
สีหน้าของสี่จวินและเซวียหวนตื่นตะลึง หลูหลิงเฟิงจึงบอกว่าเฟ่ยจีดื่มสุรามากเกินไปควรกลับไปนอน เพราะสิ่งที่พูดทำให้สี่จวินกลัว แต่เฟ่ยจีก็ยังยืนยันอยู่นั่นแหละกว่าจะนึกได้
.
ทุกคนต่างพากันกลับยกเว้นซูอู๋หมิงที่อยู่ต่อ เขาพิจารณาบ้านหลังนั้นอย่างครุ่นคิด และเมื่อมารู้จากหลูหลิงเฟิงว่าภายในบ้านมีสุสานของเมิ่งตงเหล่า เขาก็บอกเพียงว่า
.
"เฟ่ยจีและเมิ่งตงเหล่าคงเป็นสหายเก่า ตอนที่รู้ว่าเจ้าต้องมาที่อำเภอจวี๋วันนั้นเฟ่ยจีก็สติแตก เขาคงรู้ว่าเมิ่งตงเหล่าอยู่ที่นี่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดาเป็นแน่"
.
หลูหลิงเฟิง "ดูท่าว่าเหล่าเฟ่ยจะยังมีความลับที่ไม่ได้บอกอีกมาก"
.
วันรุ่งขื่นยกเว้นเฟ่ยจีที่ยังคงนั่งซึมกะทือแล้ว คนอื่นต่างออกมาส่งซูอู๋หมิงเดินทางกลับหนานโจว หลูหลิงเฟิงแปลกใจว่าเหตุใดสี่จวินจึงไม่กลับไปด้วย
.
ซูอู๋หมิง "ข้าจะทิ้งนางไว้ที่นี่เพื่อดูแลคดีแทนข้า"
.
"สี่จวินจะดูแลให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ ผู้ดูแลโปรดวางใจ"
.
ซูอู๋หมิง "นายอำเภอหลู เจ้าต้องรายงานความคืบหน้าของคดีในทุกวันให้สี่จวินทราบ" แล้วซูอู๋หมิงก็ขึ้นม้าขี่ออกไปท่ามกลางรอยยิ้มของสี่จวิน
นางเป็นผู้ขอร้องพี่บุญธรรมให้ทิ้งนางไว้เองเพราะห่วงใยคนรัก มีหรือซูอู๋หมิงจะกล้าขัดใจน้องlove
.
หลูหลิงเฟิงแม้จะดีใจที่คนรักมาอยู่ใกล้ๆแต่ก็ห่วงใยนางจึงทำฟอร์มว่าไม่พอใจ "เจ้าจะดูแลอันใดเพิ่มปัญหามากว่า"
.
เซวียหวน "อาจารย์ คุณหนูข้าดูแลท่านได้ขอรับ ท่านยุ่งจนลืมกินข้าวเสมอ"
.
หลูหลิงเฟิง "หยุดเลยนะเซวียหวน ออกไปได้"
.
สี่จวิน "ท่านโกรธหรือ"
.
หลูหลิงเฟิง "เรื่องนี้อาจทำให้ข้าถูกผู้ร่วมงานเยาะเย้ย"
.
สี่จวิน "เยาะเย้ยเรื่องอันใด ในเมื่อข้าช่วยงานท่านได้"
.
หลูหลิงเฟิง "ช่วยงานอันใดได้"
.
สี่จวิน "ยินว่ามีผู้เห็นคนนำห่อศพไปวางที่วัด ข้าจะลองวาดออกมา"
.
หลูหลิงเฟิงดวงตาเป็นประกาย "เหตุใดข้านึกไม่ถึง" แล้วยกมือขึ้นคารวะ "ข้าขอรบกวนคุณหนูเผย ไม่ใช่สิผู้ตรวจสอบเผย"
.
สี่จวินยิ้มอย่างยินดียกมือขึ้นคารวะตอบ "นายอำเภอมิต้องเกรงใจเจ้าค่ะ"
.
จบตอน2/3 ภาพปกจาก เรื่องลึกลับแปลกประหลาดจากทั่วโลก นี่คือใบหน้าของ "โจนาธาน" เต่าบกวัย 193 ปี เจ้าของสถิติสัตว์บกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
.
โจนาธานเกิดราวปี 1832 ทำให้มันได้ผ่านเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่การล่าอาณานิคมในแอฟริกาไปจนถึงสงครามโลกทั้งสองครั้ง
.
ปัจจุบันมันยังคงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่บนเกาะเซนต์เฮเลนา บ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ตั้งแต่ปี 1882 และเป็นเกาะเดียวกับที่นโปเลียนเคยถูกเนรเทศ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย