7 พ.ย. เวลา 05:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🕰️ “ชิงช้าสวรรค์แสง” เทคนิคใหม่ทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ในระดับอะตอม

“เวลา” สามารถเดินช้าลงได้! นี่คือหนึ่งในแนวคิดที่น่าทึ่งที่สุดจากทฤษฎีสัมพัทธภาพของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่ปฏิวัติความเข้าใจของเราต่อจักรวาล เขาแสดงให้เห็นว่านาฬิกาที่กำลังเคลื่อนที่จะเดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่นิ่ง หรือหากคุณเร่งความเร็วมากพอ เวลาที่คุณวัดได้ก็จะ “ยืดออก” (Time Dilation)
ปรากฏการณ์นี้ถูกพิสูจน์แล้วนับครั้งไม่ถ้วนกับวัตถุขนาดใหญ่ (เช่น ดาวเทียม GPS ที่ต้องปรับเวลาให้ตรงกับโลก) ...แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราพยายามทดสอบทฤษฎีนี้กับสิ่งที่เล็กที่สุดเท่าที่เราจะควบคุมได้ อย่าง อะตอม หรือ โมเลกุล?
นี่คือพรมแดนที่ยังไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน ที่ซึ่งกฎของไอน์สไตน์ (แรงโน้มถ่วง) ต้องมาเผชิญหน้ากับกฎของโลกจิ๋ว (ควอนตัม) และล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ก็ได้เสนอวิธีการทดลองที่น่าทึ่งเพื่อค้นหาคำตอบนั้น
✨ “ชิงช้าสวรรค์แห่งแสง”
A rotating optical Ferris-wheel trap can be realized in the minimum beam waist w 0 of the superposition of L G p , ℓ and L G p , − ℓ beams copropagating along the z direction, as shown here for ℓ = 1 and p = 0
เพื่อศึกษาการหมุนและเวลาของวัตถุที่เล็กที่สุด นักวิจัยได้หันไปหาดินแดนแห่งความหนาวเย็นสุดขั้ว ที่อุณหภูมิเพียงไม่กี่ส่วนในล้านขององศาเหนือศูนย์องศาสัมบูรณ์ ที่ซึ่งคุณสมบัติทางควอนตัมและการเคลื่อนที่ของอะตอมสามารถถูกควบคุมได้อย่างแม่นยำด้วยเลเซอร์
วาสซิลิส เลมเบสซิส (Vassilis Lembessis) และทีมงาน ได้ออกแบบการทดลองโดยใช้สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ชิงช้าสวรรค์แห่งแสง” (optical Ferris wheel)
มันไม่ใช่ชิงช้าสวรรค์จริงๆ แต่เป็นเทคนิคการปรับจูนลำแสงเลเซอร์ให้กักขังอะตอมไว้ และ “หมุน” พวกมันให้เคลื่อนที่เป็นรูปทรงกระบอก
⏱️ นาฬิกาที่เล็กที่สุดในจักรวาล
แล้วเราจะวัดเวลาของอะตอมที่กำลังหมุนได้อย่างไร? ทีมวิจัยเสนอให้ใช้โมเลกุลไนโตรเจนเป็นตัวทดสอบ โดยมองว่าการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนภายในโมเลกุลนั้น คือ “การติ๊ก” ของนาฬิกาภายในตัวมันเอง
จากการคำนวณของพวกเขา หากทฤษฎีสัมพัทธภาพยังคงเป็นจริงในระดับควอนตัมนี้ “ชิงช้าสวรรค์แห่งแสง” จะสามารถหมุนโมเลกุลไนโตรเจน และทำให้นาฬิกาภายในของมันเดินช้าลงได้จริง!
ผลกระทบนี้แม้จะเล็กน้อยมาก แต่พวกเขาก็คำนวณว่ามันอยู่ในวิสัยที่จะตรวจจับได้ โดยอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงของความถี่ในการติ๊กเพียงหนึ่งส่วนในสิบล้านล้านล้าน (1 ใน 10,000,000,000,000,000)!
🔄 จุดหักมุม: ไม่ต้องเร็วเท่าแสง
และนี่คือจุดที่น่าสนใจ... โดยปกติแล้ว การจะเห็นผลกระทบของการยืดหดของเวลาได้ชัดเจน วัตถุนั้นต้องเคลื่อนที่เร็วมากๆ เข้าใกล้ความเร็วแสง แต่ด้วย “ชิงช้าสวรรค์แห่งแสง” นี้ นักวิจัยสามารถเข้าถึงผลกระทบนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วที่สูงจนเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นเพราะความแม่นยำอันน่าทึ่งของการควบคุมในโลกควอนตัมนั่นเอง
การทดลองนี้จึงเป็นประตูบานใหม่ที่จะใช้ทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพในดินแดนที่ไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน และอาจนำไปสู่การตั้งคำถามกับสมมติฐานหลักอย่าง “สมมติฐานนาฬิกา” (clock hypothesis) ซึ่งเป็นกฎที่อธิบายว่าอัตราเร่งของนาฬิกาจะเปลี่ยนแปลงการติ๊กของมันได้มากน้อยเพียงใด
🏡 หัวใจของฟิสิกส์ควอนตัมและอนาคตเทคโนโลยีไทย
แม้การทดลองทางฟิสิกส์พื้นฐานอาจดูห่างไกลจากชีวิตประจำวัน แต่แก่นแท้ของมันคือการแสวงหา “ความแม่นยำในการวัดเวลา” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตั้งแต่การสื่อสาร การนำทาง ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง
ในประเทศไทย สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (NIMT) ทำหน้าที่หลักในการรักษามาตรฐานการวัดที่เที่ยงตรงที่สุดของประเทศ รวมถึงการกำหนดเวลามาตรฐาน ที่ใช้ในทุกภาคส่วน แม้ประเทศไทยยังไม่ได้สร้างเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง ชิงช้าสวรรค์แสง (Optical Lattice Clock) ด้วยตนเอง แต่การวิจัยในระดับควอนตัมเช่นนี้กำลังผลักดันพรมแดนความรู้ และจะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่แม่นยำยิ่งกว่าที่เคยมีมา
อนาคตของระบบการสื่อสารที่รวดเร็วและปลอดภัย, ระบบนำทางที่แม่นยำระดับเซนติเมตร, และ คอมพิวเตอร์ควอนตัม ล้วนขึ้นอยู่กับการพัฒนามาตรฐานเวลาและการวัดที่เที่ยงตรงที่สุด ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าสังคมและเศรษฐกิจไทยในอนาคต
🎯 สรุปประเด็นสำคัญ
✅ ไอน์สไตน์ปะทะควอนตัม: นักวิทยาศาสตร์ได้ออกแบบการทดลองเพื่อทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพ (การยืดหดของเวลา) ในระดับควอนตัมเป็นครั้งแรก
✅ ชิงช้าสวรรค์แห่งแสง: เสนอให้ใช้เทคนิคเลเซอร์ที่เรียกว่า “Optical Ferris wheel” เพื่อกักและ “หมุน” อะตอมที่เย็นจัด
✅ นาฬิกาอะตอม: ใช้การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในโมเลกุลไนโตรเจนเป็น “นาฬิกา” เพื่อตรวจวัดว่าเวลาของมันเดินช้าลงจริงหรือไม่เมื่อถูกหมุน
✅ ไม่ต้องเร็วเท่าแสง: เทคนิคนี้อาจช่วยให้นักวิจัยสามารถสังเกตปรากฏการณ์การยืดหดของเวลาได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
✅ ท้าทายความเข้าใจเดิม: การทดลองนี้อาจเปิดประตูสู่การค้นพบทางฟิสิกส์ใหม่ๆ และอาจท้าทายสมมติฐานเดิมเกี่ยวกับเวลาและการเร่งความเร็ว
💬 แล้วคุณล่ะครับ...
การที่เรากำลังจะสามารถทดสอบทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไอน์สไตน์ในโลกที่เล็กที่สุดของควอนตัมได้... ทำให้คุณรู้สึกทึ่งกับขีดความสามารถของมนุษย์ หรือรู้สึกว่าจักรวาลนี้ยังมีความลับอีกมากมายที่เราไม่รู้ มากกว่ากันครับ?
🔎 แหล่งอ้างอิง
1. Lembessis, V. E., et al. (2025). Time dilation effects in micron-size rotating optical Ferris-wheel traps. Physical Review A. https://doi.org/qbhh
🙏 ถึงผู้อ่านทุกท่าน
หากคุณชื่นชอบและเห็นคุณค่าของงานที่ผมทำ การสนับสนุนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณจะเป็นพลังสำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเสมือน 'ค่ากาแฟ' ที่ช่วยต่อลมหายใจ และทำให้ผมสามารถเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไปได้ เพื่อให้พื้นที่แห่งการเรียนรู้ของเรายังคงอยู่
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความเมตตาจากทุกท่าน เพื่อให้เพจนี้ได้เดินต่อไปครับ
Link สนับสนุนค่ากาแฟ [https://ezdn.app/witlyofficial]

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา