เมื่อวาน เวลา 08:14 • ปรัชญา
1. น้ำตาเล่าปี่ คนดีย์แห่งจ๊กก๊ก อดีตราชวงศ์ที่มีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า ต้องการชิงบัลลังค์กลับคืน ต้องแสร้งกลั่นน้ำตา เพื่อแสดงออกถึงความอัปยศอดสูใจอย่างที่สุด ที่ลูกน้อยอาเต๊าของตน เป็นภาระอันใหญ่หลวง ทำให้ลูกน้องมือขวาแสนรักจุ๊บๆ อย่างจูล่ง ต้องฝ่าทัพเสี่ยงตายไปช่วยจนกลับมาพร้อมเลือดท่วมตัว เล่าปี่กลั่นน้ำตาแล้วว่า "แค่เด็กทารกคนเดียว เจ้าจะเอาชีวิตไปทิ้งเชียวหรือ!!!!" บทนี้ เล่าปี่ตีบทแตกกระจุยกระจาย! ปรบมือให้เลย!
2. น้ำตาโจโฉ คนชั่วแห่งวุยก๊ก อดีตขุนศึก ผู้ร่วมปราบกบฎโจรโพกผ้าเหลือง ต้องเสียน้ำตาให้กับศัตรูของเขาอย่างอ้านเสี้ยว เขาร้องไห้ให้กับศัตรูของตัวเองแท้ๆ! แล้วว่า "ข้าเคยร่วมเรียน ร่วมรบกับเขา วันนี้เห็นเพื่อนเก่าดับสูญ ใจก็หวิวอยู่...” เท่านั้นยังไม่พอ คนชั่วอย่างโจโฉ ยังร่ำไห้ถึงกวนอู ในตอนที่เขารู้ว่ากวนอูถูกลอบสังหารจนตาย เพราะความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่มีต่อเล่าปี่ เขาร้องไห้แล้วว่า "กวนอูเป็นวีรบุรุษแท้ ข้าเสียใจนักที่โลกนี้ ต้องสูญเสียคนเช่นเขา!”
3. น้ำตาจระเข้ คำนี้เป็นคำโบราณไทย ที่สอนลูกหลานให้ "อ่านคนให้ขาด" เพื่อจะได้ไม่ถูกเขาหลอกใช้ หลอกล่อให้รู้สึกจ๋งจ๋าน! น่าเห็นจัยย์! ซึ่งหมายถึง น้ำตาที่กลั่นออกมา แต่ไม่ได้ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ หรือ "น้ำตาจอมเสแสร้ง" นั่นเอง
1
น้ำตาของ "คนดีย์อย่างเล่าปี่"
อาจหลอกใช้ลูกน้องที่ทั้งเก่งและแสนดี
อย่างจูงล่งได้
.........................
น้ำตาของ "คนชั่วชังอย่างโจโฉ"
อาจเป็นน้ำตาแห่งสุภาพบุรุษตัวจริง
คนที่เข้าใจโลก เห็นความอนิจจัง
และความไม่เที่ยง
ของความโลภและการช่วงชิง
....................
ฉันใดก็ฉันนั้น โปรดสังเกตเถิดว่า
น้ำตาของคนดีย์! กลั่นแต่ละที "มักท่วมจอ"
1
โฆษณา