เมื่อวาน เวลา 10:04 • ธุรกิจ

ในวันที่ไม่มีใครเห็นค่า จงทำให้ ‘งาน’ มีค่าด้วยตัวมันเอง

งาน Creative ที่มีคุณค่า เกิดจากความกล้า ‘Take ความเสี่ยง’ ฟังมุมมองของครีเอทีฟ ผ่านงานพังและงานปัง จาก 3 ครีเอทีฟไทยที่ไปไกลระดับโลก
💡 เมื่อสายงานเอเจนซี่, ภาพยนตร์ และงานศิลปะ มารวมตัวกันเพื่อร่วมกันคิดถึงแง่มุม Creative Industry ในเมืองไทย คนไทยเรามีศักยภาพ แต่ยังขาดพื้นที่ ยังขาดแรงสนับสนุนอีกมาก
โดยในวันนี้งาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 กับ Session: Creative Industry: Igniting Thailand’s New Economy จุดไฟอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สู่เศรษฐกิจใหม่ของไทย โดย 3 ท่านผู้คร่ำวอดวงการสร้างสรรค์ คุณภัทศา (จงรักดี), คุณวรกันต์ (ศิลปินค่ายครีมสตูดิโอ หรือที่คุ้นเคยกับน้อง Arttoy MRKREME), คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings)
💡 เจาะลึกทุก Insight มองอนาคตร่วมกันถึงวงการ Creative Industry 2025 - 2026
🎯 คุณภัทศา (Jongluckdee) ย้ำเสมอว่าทักษะฝึกกันได้ แต่หัวใจในการสร้างสรรค์มันต้องจุดประกายแต่เริ่มต้น อย่าง Agency Jongluckdee เป็นก้าวสำคัญในการทำธุรกิจที่ต้องหาความแตกต่าง โดยหาตัวตนอย่างการสร้างสรรค์ ‘Thai Creative’ โดยทำตั้งแต่ One Stop Service ตั้งแต่คิด - ขายไอเดีย - ลงมือทำ เราต้องหาความแตกต่างก่อนจะเริ่มสร้างธุรกิจ
🎯 การขายไอเดียคือการให้คำสัญญา เมื่อเราทำตามสัญญาได้ ธุรกิจจะไปต่อได้ ไม่ถูกกระทบอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญของงานสาย Creative คือ ‘คน’ เมื่อคนพร้อมด้วยหัวใจ แล้วทำมันตามความคาดหวัง ทำตามคำสัญญา นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
🎯 คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) จุดเริ่มต้นเราไม่มีความฝันใด ๆ แต่เรารักสนุก ตอนเริ่มทำ 4 Kings ใหม่ ๆ ก็เริ่มเหมือนผู้กำกับคนอื่น ๆ แต่ด้วยหัวใจที่กล้าทำ ลงมือทำ ไม่ยอมแพ้ โดยใช้เวลา 8-9 ปี ด้วยซ้ำ กว่าจะผ่านออกมาเป็น 4 Kings ที่ทุกคนได้ดู บทพิสูจน์อย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือไม่ต้องโหยหาพรสวรรค์ แต่พรแสวงที่ไม่หยุดทำ เรียนรู้กับมันไปจนสุดทาง คือสิ่งสำคัญ
🎯 คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) สมัยที่ทำ Arttoy แรก ๆ ช่วงนั้นศิลปินไทยไม่เกิน 20 คน ในวงการสร้างสรรค์ฝั่ง Arttoy คือไม่มีสูตรสำเร็จให้เราเห็น แต่ด้วยที่คุณวรกันต์ ไม่ปิดโอกาสตัวเอง เริ่มทำผลงานของตัวเอง ไปออกงานต่าง ๆ มากขึ้น ใครบอกให้ไปงานไหนก็ไป จนทำให้เห็นศักยภาพของตลาดนี้ การเก็บเล็กผสมน้อย อดใจรอเพื่อรอความเป็นไปได้ จนทำให้ Arttoy MRKREME สำเร็จได้เหมือนในวันนี้
🎯 ทั้ง 3 ท่านที่อยู่ใน Creative Industry พูดเหมือน ๆ กันว่า ในวันที่บริษัทมันใหญ่ไปแล้ว มันอาจจะลองผิดลองถูกไม่ได้ แต่ในวันที่เราตัวเล็ก เราสามารถลองทำ take ความเสี่ยงได้มาก จังหวะแบบนี้ให้รีบทำ ให้รีบหาตัวตน หาความแตกต่างได้ เพราะนี่คือช่วงที่หลายคนมี Passion กับมัน
🎯 คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) ยอมรับว่าในช่วงโควิดมันท้าทายมาก หรือแม้กระทั่งการเอาหนังไปขาย 8-9 ปีนั้น นั่งร้องไห้ตลอดเวลาที่ไม่สำเร็จ แต่ในจังหวะฟางเส้นสุดท้าย เรากระโดดหาโอกาสเอง ซึ่งในช่วงโควิดตอนนั้น คุณพุฒิพงษ์ มีคลิป 15 นาที สต๊อกไว้ ก็เลยอัปโหลดลง YouTube ซึ่งผลตอบรับมียอดวิวเข้ามา มีคนเห็น นั่นคือโอกาสของคนที่กระโดดเข้าหาโอกาสเอง
🎯 คุณภัทศา (Jongluckdee) งานโฆษณาในวันนี้ มันคือ Process ที่ต้องใจเย็น, อดทน, บ้าพลัง และต้องถึกมาก นี่คือประสบการณ์จากการทำงานระดับโลกมา เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยากส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ที่อยากลองทำงานโฆษณาระดับโลก
🎯 ในวงการโฆษณาสิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือ ‘ปัญหา’ ซึ่งคนที่ใจเย็นกว่าจะได้เปรียบ เพราะคนที่ใจเย็นจะรับมือปัญหาได้ และบอกกับตัวเองเสมอว่า งานที่เราทำให้เราชอบได้ เราจะไม่หยุด ตอบให้ได้ว่าเราทำงานนี้ไปเพื่ออะไร นี่คือ Point สำคัญของ Creative Industry
🎯 หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ ของ Creative Industry ฝั่งภาพยนตร์​คือ คำว่าอาชีพเลี้ยงตัวเองไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ทีมไฟ ทีมกล้อง หรือแม้กระทั่งผู้กำกับ คนทำอาชีพสายนี้ ไม่ได้มีเงินชัดเจนแน่นอน ยังต้องหามรุ่งหามค่ำ เราไม่มีประกันสังคม สุขภาพเราจะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ การจะหาเงินในสายทำหนัง จึงกลายเป็นทุกคนทำด้วยใจรัก เดินไปหาโอกาสด้วยตัวเองเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดแล้วก็น่าน้อยใจในอุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเรา ถึงการต้องรับจ้างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
🎯 หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ของ Creative Industry ฝั่ง Agency คือมีสงครามราคาเกิดขึ้นเสมอ โดยเฉพาะการ Pitching แต่กับ Jongluckdee ไม่ได้มองแบบนั้น เราไม่มี Policy Pitching เราจะไม่เข้าไปในสงครามราคา ซึ่งจะเน้นรับลูกค้าที่เห็นคุณค่าในผลงาน คุณค่าในแบรนด์ของเรา ซึ่งในวันนี้ผลงานของ Jongluckdee ได้พิสูจน์ให้เห็น จากทั้งการทำ squid game 1, 2 และอื่น ๆ อีกมากมาย มันเป็น Process ที่ใช้เวลาเยอะมาก กว่าจะมีวันนี้ เพราะงาน Creative ต้องมาพร้อมกับคุณค่าที่ได้ส่งมอบร่วมกันทั้งกับลูกค้า และ Agency
🎯 หนึ่งในอุปสรรคก้อนใหญ่ของ Creative Industry ฝั่งศิลปินอาร์ต คือภาครัฐอาจจะยังไม่ได้เข้ามาซัพพอร์ตมากพอ ทำให้ศิลปินต้องไขว่คว้าหาโอกาสเอง ทั้งการไปอีเวนต์ของภาคเอกชน หนึ่งในสิ่งที่ คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) แนะนำคือการทำให้ศิลปินไทยเราส่งออกไปต่างประเทศให้เยอะขึ้น ให้ศิลปินได้พรีเซนต์ความเป็นตัวเอง ฝีมือคนไทยไม่แพ้ใครแน่นอน ถ้าหากภาครัฐ เข้ามาเข้าใจมากขึ้น มันจะเป็นโอกาสใหม่เพื่อเพิ่ม Area ใหม่ ๆ ให้กับ Creative Industry ทำให้คนของเรามีเวทีในระดับโลกได้จริง
🎯 คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แม้ฟังดูจะเศร้า แต่มันก็มีโอกาสอยู่ หนึ่งในนั้นคือทุกคนกำลังต่อสู้ แข่งขันกัน มันมีความแข็งแรงอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ แต่สิ่งที่ขาดคือ ‘ความเข้าใจ’ หรือคนที่ชอบเปรียบเทียบว่าหนังบ้านเราสู้คนอื่นไม่ได้
ซึ่งการเปรียบเทียบคือบ่อเกิดความเข้าใจผิด ทุนสร้างหนังบ้านเราไม่ได้สูง เมื่อ “อุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเราขาดคนเข้าใจ” มันจึงขาดโอกาสคนที่จะเข้ามาสนับสนุน หรืออีกหนึ่งมิติของค่ายหนังไทย เวลาจะส่งหนังไปแข่งขัน มักจะควักเนื้อตัวเองเสมอ ซึ่งถ้ามีคนเข้าใจเข้ามาสนับสนุน เราน่าจะทำให้อุตสาหกรรมหนังไทยบ้านเราเติบโตได้มากกว่านี้
🎯 คุณพุฒิพงษ์ (ผู้กำกับ 4 Kings) การจะทำให้ Creative Industry เติบโตได้จริง มันต้องเกิดการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่สิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ ในวันนี้ภาครัฐเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาบ่อยมาก มันทำให้ขาดช่วง รอยต่อของคนที่จะสนับสนุนไม่มี มันควรจะมีคนกลางมาช่วยประสานจริง ๆ ตัวอย่างที่ตอนนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มาแรงมาก ๆ ในเวลานี้ไม่ต้องมองไกลถึงเกาหลี แต่เวียดนาม และ อินโดนิเซีย มาแรงกว่าที่คิด ถ้าในวันนี้เวียดนามแซงเรา มันคงไม่ดีแน่ ๆ เป็นเรื่องที่น่าคิด ทบทวนอย่างมาก
🎯 คุณวรกันต์ (ศิลปิน Arttoy MRKREME) มองว่าการจะทำให้ Creative Industry เติบโต คือทุกคนต้องร่วมมือกันคิด รวมถึงมีมุมมองที่จะเล่าเรื่องที่แตกต่าง เหตุผลเพราะว่า คนต่างประเทศมักจะบอกว่ามาจ้างคนไทยคุ้มดี เพราะเขามองว่าเราถูก ดังนั้นคนไทยต้องเชื่อกันเองก่อน Creative ของคนไทย มันมี Value ถ้าพวกเราเชื่อในงานของเรา มันจะสร้าง Value ร่วมกันได้ การสนับสนุนในไทยกันเองต้องเกิดขึ้นก่อน
🎯 คุณภัทศา (Jongluckdee) งานสร้างสรรค์มันไม่ใช่กระแส เราจะเห็นว่าภาครัฐจะเข้ามาตอนที่มันสำเร็จ แต่กลับกันงานสาย Creative Industry ไม่มีใครเห็นภาพตอนเริ่มต้น แต่มักจะมามองภาพจบที่มันสำเร็จ เราควรใส่ใจ โฟกัส กับภาพเริ่มต้น การดำเนินการ ให้มากขึ้น ดังนั้นทุกวันนี้ ถ้าเราไม่อยากเสียคนเก่ง เราต้องไม่ทำให้เขารู้สึกขาดคุณค่า แรงสนับสนุนจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และคนทุกคนสำคัญในการร่วมกันซัพพอร์ตอุตสาหกรรม Creative Industry
🎯 โดยสรุปถ้าวาดภาพในอุตสาหกรรม Creative Industry นี้ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คีย์ที่น่าสนใจคือ
🔸 Trend Center ที่เริ่มจากคนไทย เพราะคนไทยมี Creativity สูงอยู่แล้ว คือสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้น เพื่อให้คนไทยยอมรับผลงานของคนไทยร่วมกัน และต่างชาติรับรู้ว่าไม่ควรมาดูถูกงานของเรา แต่ให้ Value งานของคนไทยมากขึ้น
🔸 งานศิลปะทุกแขนงมันมีมูลค่ามาก งานที่ดีมันไม่ได้เกิดแค่ 1 ปี 2 ปี แต่บางคนใช้เวลาเป็น 10 ปี งาน Creative ที่ดีมีคุณค่ามันเกิดจากการต้องสั่งสมใช้เวลากับมัน มันอาจจะช้า แต่ถ้าทำมันอย่างต่อเนื่อง มันจะเกิดขึ้นจริงได้
🔸 การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกสำคัญ นั่นคือความเชื่อในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ถ้าเราเชื่อว่าจะเกิดธุรกิจได้ เชื่อว่ามันมีพื้นที่แสดงผลงานได้อีกเยอะ ถ้าเราเชื่อและจับคู่มันได้จริง มันจะเกิดขึ้นจริงได้ งานสร้างสรรค์ไม่ใช่งานฉาบฉวย มันคือ Commercial Art มันสามารถเป็น ศิลปะที่ออกแบบเพื่อสนับสนุนธุรกิจและการค้าได้จริง
เราหวังว่าคนไทยที่เป็นนักสร้างสรรค์
ทุกคนไม่ได้แค่ทำได้ แต่เราทำแบบมี Effective ได้จริง
อุตสาหกรรมฝั่ง Creative Industry ยังมีความหวัง
วันนี้เราควรเปิดแผลคุยกัน มาทบทวนร่วมกัน หาทางออกร่วมกัน
เชื่อว่าอุตสาหกรรม Creative Industry จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตได้จริง
โฆษณา