6 พ.ย. เวลา 07:13 • สุขภาพ

5 ปัจจัยหลักที่กำหนดราคา เบี้ยประกันชีวิต

เบี้ยประกันชีวิต ที่แต่ละคนจ่ายจะแตกต่างกันไปอย่างชัดเจน แม้จะซื้อทุนประกันในวงเงินที่เท่ากันก็ตาม นั่นเป็นเพราะบริษัทประกันประเมินความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน การเข้าใจ 5 ปัจจัยหลักนี้จะช่วยให้ควบคุมราคา เบี้ยประกันชีวิต ของตัวเองได้
1. อายุ: ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อ เบี้ยประกันชีวิต
• ความสัมพันธ์: อายุที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ เบี้ยประกันชีวิต สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
• เหตุผล: เนื่องจากอัตรามรณะ (โอกาสเสียชีวิต) เพิ่มขึ้นตามวัยอย่างต่อเนื่อง การซื้อประกันตอนอายุ 25 ปี จึงมีเบี้ยถูกกว่าตอนอายุ 45 ปี หลายเท่าตัว
• คำแนะนำ: ยิ่งซื้อเร็ว ยิ่งประหยัดเบี้ยในระยะยาว
2. สุขภาพ: ประวัติการแพทย์คือตัวตัดสินราคา
• ความสัมพันธ์: สุขภาพดี = เบี้ยมาตรฐาน (Standard Rate) | สุขภาพไม่ดี = เบี้ยเพิ่ม (Rated-up Premium)
• การประเมิน: บริษัทจะพิจารณาจากผลการตรวจสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว (เช่น ความดัน เบาหวาน) และพฤติกรรมการใช้ชีวิต (เช่น การสูบบุหรี่)
• ข้อสำคัญ: ผู้ที่สูบบุหรี่มักต้องจ่าย เบี้ยประกันชีวิต สูงกว่าผู้ไม่สูบถึง 20-50%
3. เพศ: ความแตกต่างทางชีวภาพ
• ความสัมพันธ์: โดยทั่วไป เพศหญิง มีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวกว่าเพศชาย จึงมักจะได้รับอัตรา เบี้ยประกันชีวิต ที่ต่ำกว่าเพศชายในวัยเดียวกัน
4. ระยะเวลาคุ้มครอง: ยิ่งยาวนานยิ่งต้องจ่ายแพงกว่า
• ความสัมพันธ์: การเลือกกรมธรรม์ระยะยาว (เช่น ตลอดชีพ หรือ Term 20 ปี) ทำให้ เบี้ยประกันชีวิต ต่อปีสูงกว่ากรมธรรม์ระยะสั้น (เช่น Term 5 ปี)
• เหตุผล: เพราะบริษัทต้องรับความเสี่ยงที่ยาวนานกว่า และต้องรับประกันเบี้ยในอัตราเดิมตลอดอายุสัญญา (สำหรับเบี้ยคงที่)
5. กลุ่มอาชีพและความเสี่ยงในการทำงาน
• ความสัมพันธ์: อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น นักผจญเพลิง, ช่างเทคนิคที่สูง, คนงานเหมือง) จะต้องจ่าย เบี้ยประกันชีวิต เพิ่มเป็นพิเศษ (Occupational Rating)
• การจัดกลุ่ม: บริษัทประกันจะแบ่งอาชีพออกเป็นกลุ่มความเสี่ยง 1 (ต่ำสุด) ถึง 4 หรือ 5 (สูงสุด)
แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนอายุได้ แต่สามารถควบคุมปัจจัยด้านสุขภาพ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และประเภทของประกันที่เลือกได้ การทำความเข้าใจ 5 ปัจจัยนี้จะช่วยให้สามารถเจรจาหรือเลือกซื้อ เบี้ยประกันชีวิต ได้ในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด
โฆษณา