7 พ.ย. เวลา 05:06 • ดนตรี เพลง

DEBUG (Ctrl+D) : ทำไม Wet Leg ถึงโดนบอกว่าไม่จริงจัง แต่ The Breeders กลับ iconic?

System Error:
เมื่อ Post-Punk ที่มาพร้อมอารมณ์ขัน ถูกตีความต่างกันในสองยุคสมัย
ท่ามกลางยุคสมัยที่วงดนตรีอินดี้ Post-Punk จากเกาะอังกฤษกำลัง REBOOT ตัวเองอีกครั้ง วงอย่าง Wet Leg คือปรากฏการณ์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ พวกเธอระเบิดความนิยมด้วยซิงเกิลอย่าง Chaise Longue และคว้า Grammy มาครองได้อย่างรวดเร็ว ทว่าก็มีเสียงวิจารณ์จากเหล่า Gatekeepers ว่า "ไม่จริงจัง" หรือ "เป็นแค่เรื่องตลก"
แต่ในขณะเดียวกัน The Breeders วงที่นำโดย Kim Deal (อดีตมือเบส Pixies) ซึ่งมีรากฐานดนตรีที่ห่ามและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันไม่แพ้กัน กลับถูกยกย่องเป็น 'iconic' และเป็นตำนานที่โลกดนตรีต้องคารวะ คำถามคือ: ทำไมดนตรีแนว Art-Punk ที่ใช้ความไร้สาระเป็นอาวุธ ถึงมีชะตากรรมที่ต่างกันในสายตาของนักวิจารณ์?
🚫 DEBUG: ความขัดแย้งระหว่าง Fun และ Grit
เราต้องยอมรับว่าดนตรีของ Wet Leg นั้น "Pure Fun, and That's About It" พวกเธอเลือกใช้เพลงที่เน้นความสนุกแบบ Rock & Roll และไม่พยายามทำให้ตัวเองดูซีเรียส แต่ในมุมมองของนักวิจารณ์บางกลุ่มที่ตามหา Analog Soul (❤️ รัก ในความกล้าเสี่ยงและ Artistic Integrity) มองว่าความสนุกนี้ขาดความ Grit (😡 โกรธ ในการสูญเสียความกล้าหาญ)
เสียงวิจารณ์บางส่วนชี้ว่าฝีมือการเล่นกีตาร์ของพวกเธอนั้น "พื้นฐานมากๆ" และเพลงอย่าง Chaise Longue นั้น "ซ้ำซาก" โดยมีจุดขายเดียวคือ "อารมณ์ขันแบบเด็กๆ" ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสำเร็จที่รวดเร็วและยิ่งใหญ่ ทำให้มีข้อกังขาว่า "Schick" หรือจุดขายของพวกเธอนั้น "ดูเหมือนถูกผลิตขึ้นมา" เพื่อความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ หรือเข้าทาง Algorithm ของยุคสมัย (💰 โลภ ในการตัดสินใจเพื่อ Commercial Logic)
💾 The Breeders: เมื่อ Unconventional คือ Authenticity
ตรงกันข้าม The Breeders (@TheBreedersOfficial) มาจากยุค Alternative Rock Boom ของต้นยุค 90s แม้ดนตรีของพวกเขาจะผสมผสานระหว่าง Art Rock, Grunge, Pop ที่ "Unconventional" และเต็มไปด้วยอารมณ์ขันเสียดสี แต่แก่นแท้ของมันกลับถูกมองว่า 'Raw and Honest' และ 'Feels Real'
อัลบั้ม Last Splash (1993) ที่มีเพลง Cannonball เป็นหมุดหมายนั้น ได้รับการรับรองยอดขายระดับ Platinum และถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ 'Defining the 90s' พวกเขากล้าที่จะทดลองทางเสียง (เช่น การบันทึกเสียงร้องในห้องน้ำ หรือใช้เสียงจักรเย็บผ้าในเพลง) ซึ่งถูกตีความว่าเป็น "ความผิดปรกติ" ที่มาจากการขับเคลื่อนทางศิลปะที่แท้จริง (Artistic Integrity) ไม่ใช่การประนีประนอมเพื่อยอดขาย
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ Kurt Cobain แห่ง Nirvana ยกย่องอัลบั้ม Pod (1990) ว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มที่เขาชื่นชอบที่สุด ก็เป็นการประทับตราถึงความ "Authentic" ในสายตาของคนดนตรียุคนั้นอย่างไม่มีข้อกังขา
⚙️ Error Correction: บริบทกำหนดความหมาย
ในฐานะ 'Critical Music Technician' เรามองว่าความแตกต่างไม่ได้อยู่ที่ ตัวดนตรี ที่เรียบง่ายและติดหู แต่เป็น 'บริบททางวัฒนธรรม' ที่รายล้อมพวกเธอ
ยุค 90s (The Breeders): ความไม่สมบูรณ์แบบ (Imperfection) และความห่าม (Grit) ถูกตีความว่าเป็น "ความจริงใจ" และการต่อต้านกระแสหลัก ความสำเร็จที่ตามมาจึงถูกมองว่าเป็นการ "ยอมรับ" ในความเป็นตัวของตัวเอง
ยุค 2020s (Wet Leg): ความสนุกที่บริสุทธิ์ (Pure Fun) ถูกมองด้วยสายตาที่สงสัย เมื่อความสำเร็จมาเร็วเกินไปในยุค Algorithm-driven content ความสงสัยจึงตามมาว่า นี่คือการ 'Deploy' กลยุทธ์ทางการตลาดที่แฝงมาในคราบของความอินดี้หรือไม่
นี่อาจไม่ใช่ความผิดของ Wet Leg ที่เลือกจะทำเพลงให้สนุกและไม่ซีเรียส แต่เป็น System Error ของวงการเพลงในปัจจุบัน ที่ความรวดเร็วและยอดวิวของ Commercial Logic (💰 โลภ) ทำให้เราไม่เชื่อในความ "จริงจัง" ของศิลปินอีกต่อไป... แม้ว่าพวกเขากำลังทำดนตรีที่โคตรเจ๋งก็ตาม เราควรให้ Empathy และให้โอกาสวงดนตรีรุ่นใหม่ในการเติบโต ไม่ใช่แค่ "ด่า" พวกเขาว่ามาผิดยุค
#CTRLALTBEAT #RebootYourMusicThinking #WetLeg #TheBreeders #PostPunkRevival #AlternativeRock #IndieMusic #MusicAnalysis #KimDeal #Alternative90s #ดนตรีนอกกระแส #บทวิเคราะห์
โฆษณา