เงินบาทอ่อน-แข็ง ส่งผลต่อธุรกิจโรงแรมยังไง ?
ในโลกของธุรกิจโรงแรม “ค่าเงิน” เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งต้นทุน รายได้ และกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวนอย่างต่อเนื่อง… Hotelsup จะพาเจ้าของโรงแรมมาดูว่า เมื่อค่าเงินบาท “อ่อนค่า” หรือ “แข็งค่า” จะส่งผลต่อธุรกิจของคุณอย่างไรบ้าง และควรรับมืออย่างไรให้ได้เปรียบในทุกสถานการณ์
👉🏻 ค่าเงินบาท “อ่อนค่า” หมายถึงเงินบาทมีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศ เช่น จาก 32 บาท → 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ฟังดูอาจไม่มาก แต่สำหรับธุรกิจโรงแรม ส่งผลที่สามารถเห็นได้ทันที อย่าง
- นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น เพราะรู้สึกว่า “เที่ยวไทยถูกลง” เมื่อเทียบกับค่าเงินของเขา
- นักท่องเที่ยวต่างชาติมักขยายระยะเวลาพัก และเลือกโรงแรมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่ม
- ตัดสินใจจองห้องพักง่ายขึ้น และจองในราคาที่สูงได้ โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กที่มีห้องราคากลาง ๆ
- ราคาห้องพักมีแนวโน้ม “ทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย” เพราะดีมานด์ต่างชาติสูง แถมโอกาสเพิ่มยอดจองตรง
💡 โอกาสสำหรับโรงแรมขนาดเล็ก :
ช่วงค่าเงินอ่อนคือเวลาทองของการ ขยายตลาดต่างชาติ เช่น ทำโปรโมชั่น Long Stay, Family Package หรือจับมือกับเอเจนซี่ต่างประเทศ
👉🏻 ค่าเงินบาท “แข็งค่า” ตรงกันข้าม — เมื่อเงินบาทแข็งขึ้น (เช่น จาก 33 บาท → 32 บาทต่อดอลลาร์) หมายความว่าเงินบาทมีมูลค่ามากขึ้น ส่งผลให้โรงแรมไทยมี “ต้นทุนบางส่วนลดลง” แต่ต้องระวังเรื่องรายได้จากตลาดต่างประเทศ
- นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เพราะรู้สึกว่า “เที่ยวไทยแพงขึ้น” บางกลุ่มอาจเลือกประเทศอื่นแทน
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว เพราะต้องการเปรียบเทียบค่าใช้จ่าย
- มองหาห้องพักราคาถูกลง ส่งผลกระทบต่อโรงแรมขนาดใหญ่
- ใช้เวลาตัดสินใจจองห้องพัก นานขึ้นเพราะอยากให้คุ้มค่าที่สุด และระยะเวลาการเข้าพักสั้นลง
- อาจต้อง “กดราคาห้องพัก” ลงเพื่อดึงลูกค้าต่างชาติกลับมา
💡 โอกาสสำหรับโรงแรมขนาดเล็ก :
โรงแรมในประเทศอาจต้องทำโปรโมชั่นราคาพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า เน้นตลาดในประเทศ (Domestic Market) และกลุ่มลูกค้าประจำ ใช้กลยุทธ์ “พักใกล้ พักสบาย ราคาคุ้ม” เพื่อรักษาอัตราการเข้าพักให้สม่ำเสมอ
รู้จัก Hotelsup มากขึ้น : https://www.hotelsup.co/
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
