ทำไม EGCO Group ปักหมุดพอร์ตไฟฟ้ากว่า 1,400 MW ที่สหรัฐฯ / ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง x EGCO Group
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ในช่วงปี 2567-2573 จากแรงหนุนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้พระราชบัญญัติลดเงินเฟ้อ (IRA)
ไม่ใช่แค่ Supply ที่ขยายตัว แต่ Demand เองก็กำลังเติบโตเช่นกัน
EIA คาดว่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นจนสร้างสถิติใหม่ในปี 2568 ที่ระดับ 4,193 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง และในปี 2569 อาจแตะ 4,283 พันล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง
จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่ม Data Centers, AI, EVs, Electrification ฯลฯ รวมทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่จะใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
หนึ่งในบริษัทไฟฟ้าและพลังงานชั้นนำของไทยที่กำลังได้รับประโยชน์จากประเด็นนี้
คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group
ผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องชั้นนำระดับสากล ที่มีโรงไฟฟ้าและโครงการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย, สปป.ลาว, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, ไต้หวัน รวมทั้งสหรัฐฯ
ล่าสุด ณ ตุลาคม 2568 EGCO Group มีการลงทุนในสหรัฐฯ ทั้งหมด 4 โครงการ ทั้งโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
โดยมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 1,373 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดของ EGCO Group ในปัจจุบัน
แล้วการเดินหน้าครั้งนี้สร้างการเติบโตให้ EGCO Group แค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สหรัฐฯ ถูกยกให้เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกใบนี้แทบจะทุกด้าน รวมถึงในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานด้วยเช่นกัน
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดไฟฟ้าและพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากภาคอุปสงค์ที่มีขนาดใหญ่แล้ว ด้านการพัฒนาและการต่อยอดนวัตกรรมพลังงานสะอาดใหม่ ๆ ยังเดินหน้าอยู่ตลอด
เช่น การผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน, ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ หรือ Battery Energy Storage System
ที่น่าสนใจคือ การแข่งขันแบบยุติธรรม
สังเกตได้จากการเปิดรับนักลงทุนต่างชาติของสหรัฐฯ
รวมทั้งการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่แตกต่างจากตลาดอื่น เช่น การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย, บริการเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่น่าสนใจในการเข้าไปลงทุนด้านพลังงานนั่นเอง
ลองมาดูโครงการด้านไฟฟ้าในสหรัฐฯ ผ่านการลงทุนของ EGCO Group กันบ้าง...
- โรงไฟฟ้า Linden Cogen เมืองลินเดน รัฐนิวเจอร์ซีย์
ถือเป็นการปักธงในสหรัฐฯ ครั้งแรกของ EGCO Group ด้วยการเข้าถือหุ้น 28% ใน Linden Cogen โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration) ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 980 เมกะวัตต์ โดยคิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 274 เมกะวัตต์
ล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา EGCO Group ได้ประกาศลงทุนเพิ่มเติมอีก 10% ในโรงไฟฟ้า Linden Cogen ทำให้จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 38% ในอนาคต (คาดว่าจะปิดดีลและโอนหุ้นแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้)
โรงไฟฟ้า Linden Cogen มีบทบาทสำคัญในการให้บริการกับตลาดไฟฟ้าที่มีการเติบโตและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ รวมถึงนครนิวยอร์ก
โดยประกอบด้วยโรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 1-5 กำลังผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ ซึ่งขายไฟฟ้าและให้บริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้าแก่ระบบและโครงข่ายไฟฟ้าในรัฐนิวยอร์ก (NY-ISO Zone J)
และโรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 6 กำลังผลิต 180 เมกะวัตต์ ซึ่งขายไฟฟ้าให้แก่ตลาดซื้อขายไฟฟ้า PJM PSEG ในรัฐนิวเจอร์ซีย์
โดยตลาดไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง เป็นตลาดที่มีความต้องการไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้าสำรองสูงที่สุดในสหรัฐฯ
ที่น่าสนใจคือ การเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงผสม หรือ Hydrogen Co-Firing ของโรงไฟฟ้า Linden Cogen หน่วยที่ 6
นอกจากจะตอบโจทย์ Net Zero ของ EGCO Group ที่มีเป้าหมายระยะสั้นคือ การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 10% ภายในปี 2573 แล้ว
ยังยืนยันถึงศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนร่วมในระบบผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงดั้งเดิมอีกด้วย
ทำให้การลงทุนเพิ่มในโรงไฟฟ้า Linden Cogen
สะท้อนถึงการเสริมสร้างสถานะเชิงกลยุทธ์ของ EGCO Group ในตลาดพลังงานของสหรัฐฯ
พร้อมทั้งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ
พูดง่าย ๆ ว่า การลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ
ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนในระยะยาว
ที่สำคัญ การลงทุนดังกล่าวคาดว่าจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ และความสามารถในการทำกำไรของ EGCO Group อย่างต่อเนื่อง
- Apex ผู้พัฒนาและผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) ที่มุ่งเน้นตลาดพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ
EGCO Group เข้าไปลงทุนโดยถือหุ้น 17.46% ในบริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง (Apex) ตั้งแต่ปี 2564
โดยปัจจุบัน EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นจาก Apex เมื่อคิดเฉพาะโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบแล้ว และโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 324 เมกะวัตต์
ถ้ามองในมุมธุรกิจแล้ว การลงทุนโครงการนี้ไม่ได้เพิ่มแต่กำลังผลิต แต่ยังถือเป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ของ EGCO Group ด้วยการ “สร้างโรงไฟฟ้า และขายโรงไฟฟ้า”
เพื่อสร้างการเติบโตให้ EGCO Group ไปพร้อมกัน
ล่าสุดในเดือนกรกฎาคม 2568 Apex มีโครงการอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนามากกว่า 200 โครงการ กำลังผลิตรวมกว่า 56,000 เมกะวัตต์ ทั้งในกลุ่มพลังงานลม, พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานไฮโดรเจน และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่แบบเดี่ยว
ในจำนวนนี้เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 4 โครงการ รวมกำลังผลิต 628 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอยสร้างเสร็จในปี 2569
และโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้ว 10 โครงการ กำลังผลิตรวม 1,226 เมกะวัตต์
- กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในรัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐแมสซาชูเซตส์
EGCO Group เข้าไปลงทุน โดยถือหุ้น 50% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในปี 2566 หรือคิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 652 เมกะวัตต์
กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง 3 แห่ง ได้แก่
Marcus Hook Energy, L.P. (Marcus Hook) กำลังผลิต 912 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย
Milford Power, LLC (Milford) กำลังผลิต 205 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์
Dighton Power, LLC (Dighton) กำลังผลิต 187 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์
รู้หรือไม่ว่า รัฐที่ตั้งของโรงไฟฟ้าเหล่านี้ล้วนอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์
เพราะไม่ใช่แค่การอยู่ใกล้เมืองใหญ่ที่มีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก เช่น ฟิลาเดลเฟีย, บอสตัน และพรอวิเดนซ์ เท่านั้น
แต่พื้นที่เหล่านี้ยังมีข้อจำกัดอย่างมากในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ทำให้มีคู่แข่งเข้ามาในตลาดได้ยาก
- กลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในรัฐเมนและรัฐโอไฮโอ
ล่าสุดในปี 2568 EGCO Group เข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยถือหุ้น 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll กำลังผลิตรวม 251 เมกะวัตต์ ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 2 แห่ง ได้แก่
1. โรงไฟฟ้าพลังงานลม Downeast Wind กำลังผลิต 126 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐเมน
ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการผลิตพลังงานลมของภูมิภาคนี้ เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 ขายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE)
มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกลุ่มผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน จำนวน 2 ราย เพื่อซื้อขายไฟฟ้า และใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสัญญาดังกล่าวช่วยรับประกันรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
โรงไฟฟ้า Downeast Wind สามารถจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับครัวเรือนมากกว่า 37,000 หลังคาเรือนต่อปี
2. โรงไฟฟ้า Wheatsborough Solar มีกำลังผลิต 125 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในเขตเอรี รัฐโอไฮโอ
เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 และดำเนินการภายใต้ตลาดซื้อขายไฟฟ้า PJM ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยครอบคลุมการให้บริการใน 13 รัฐ รวมทั้งเขตโคลัมเบีย
โรงไฟฟ้ามีสัญญาระยะยาวกับผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่น่าลงทุน เพื่อซื้อขายไฟฟ้าและใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะช่วยรับประกันความมั่นคงของรายได้ระยะยาว
โรงไฟฟ้า Wheatsborough Solar สามารถจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดให้กับครัวเรือนมากกว่า 21,000 หลังคาเรือนต่อปี
สรุปแล้ว การลงทุนในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll
ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดย Apex ยังเป็นการต่อยอดความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ และขยายการลงทุนในตลาดพลังงานของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง
โดย Apex จะยังคงถือหุ้น 51% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll
ในขณะเดียวกัน ยังเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ของกำลังผลิตทั้งหมดของ EGCO Group ภายในปี 2573
ถึงตรงนี้ คงเห็นแล้วว่าพอร์ตโฟลิโอด้านธุรกิจไฟฟ้าในสหรัฐฯ ของ EGCO Group ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
แต่นั่นคือความมุ่งมั่นและตั้งใจที่ผ่านการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์มาอย่างดี
เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งในด้านการเงิน และการขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดอย่างสหรัฐฯ ยักษ์ใหญ่ของโลก นั่นเอง..
#EGCOGroup #EGCO #หุ้นEGCO #สหรัฐอเมริกา
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
