7 พ.ย. เวลา 13:30 • ไลฟ์สไตล์

วิธีคุยเรื่องเงินกับพ่อแม่โดยไม่ทำให้บ้านลุกเป็นไฟ

เรื่องเงินไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข...แต่มันคือเรื่องใจด้วย
การพูดเรื่องเงินกับเพื่อนหรือแฟนยังว่าเสี่ยงแตกหักแล้ว แต่ที่อาจจะยากยิ่งกว่าคือการคุยกับ ‘พ่อแม่’ ครับ
การคุยเรื่องนี้อาจจะทำให้เรากลัวท่านจะรู้สึกว่าเรากำลัง “จ้องสมบัติ” หรือ “แช่งให้ท่านแก่” ทั้งที่จริงแล้ว จุดประสงค์คืออยากช่วยวางแผนให้ชีวิตหลังเกษียณของท่านราบรื่นที่สุด เตรียมเอกสารทำทุกอย่างให้เรียบร้อยมากกว่า
เพราะถ้าไม่คุยตอนนี้ อาจทำให้เราต้องเจอปัญหาหนักตอนหลังได้
ลองนึกภาพว่าคุณไม่รู้ว่าพ่อแม่มีพินัยกรรมไหม บ้านเป็นชื่อใคร ใครเป็นคนดูแลเวลาป่วย ต้องการการดูแลรักษามากขนาดไหนเมื่อต้องไปโรงพยาบาล หรือมีเงินสำรองไว้แค่ไหน พอถึงวันที่ต้องตัดสินใจ ทุกคนในบ้านจะพูดไม่เหมือนกัน บางคนอยากขาย บางคนอยากเก็บไว้ สุดท้ายกลายเป็นดราม่าครอบครัวที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด
💡 เริ่มคุยจาก “เรื่องของเรา” ก่อน
อย่าเปิดการสนทนาด้วยคำว่า “พ่อมีพินัยกรรมหรือยัง?” เพราะมันฟังเหมือนคำถามที่มีเจตนาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
ลองเริ่มจากเล่าเรื่องของเราก่อน เช่น “พ่อรู้ไหม เมื่อเดือนก่อนหนูเพิ่งทำพินัยกรรมไว้ เพราะอ่านเจอว่าเวลามีอะไรเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด คนที่อยู่ข้างหลังจะจัดการง่ายขึ้นเยอะเลย...”
พอพูดแบบนี้ มันจะไม่ฟังดูเหมือนการสอบสวน แต่เป็นการ “แชร์” มากกว่า “ถาม” จากนั้นค่อยโยงไปว่า “แล้วพ่อกับแม่เคยทำไว้ไหม เผื่อวันหนึ่งลูก ๆ จะได้ทำให้ตรงตามที่อยากได้จริง ๆ”
💡 อย่าจำกัดแค่เรื่องพินัยกรรม
เรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ “ใครจะได้อะไร” แต่มันรวมถึงแผนชีวิตหลังเกษียณของพ่อแม่ทั้งหมด เช่น
* ท่านอยากอยู่บ้านเดิมหรือย้ายไปอยู่บ้านพักคนชรา?
* ถ้าเจ็บป่วยหนัก อยากรักษาแบบไหน?
* มีเงินสำรองฉุกเฉินไว้หรือยัง?
สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เรารู้ว่าจะ “สนับสนุน” พ่อแม่ได้ตรงจุด ไม่ใช่พยายามเข้ามา “ควบคุม” ชีวิตหรือการเงินของพวกเขา
💡 อย่ารอให้เกิดเหตุฉุกเฉินแล้วค่อยคุย
การคุยเรื่องเงินในวันที่ทุกคนกำลังเครียด มักจบไม่ดี แต่ถ้าคุยกันตั้งแต่ตอนที่ยังสุขภาพดี ใจเย็น และอารมณ์ดี มันจะกลายเป็นบทสนทนาที่จริงใจและมีคุณค่ามาก
บางครอบครัวใช้โอกาส “วันเกิด” หรือ “ปีใหม่” เป็นช่วงเวลาคุยเรื่องนี้ เพราะมันมีบรรยากาศของการเริ่มต้นใหม่ และพูดได้แบบสบายใจมากกว่าแค่วันธรรมดาๆ
เพราะฉะนั้นลองทำสามขั้นนี้ครับ
* เริ่มจากตัวเรา → แชร์ก่อนถาม
* คุยให้ครบทั้งเงิน สุขภาพ และชีวิตหลังเกษียณ
* ทำตอนที่ทุกอย่างยังดี ไม่ใช่ตอนวิกฤต
อย่ารอให้ถึงวันที่สายเกินไป แล้วต้องมานั่งจัดการเรื่องเงินของคนที่เรารักโดยไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร และจำไว้เสมอว่าบทสนทนาเรื่องเงินในบ้านคุณ ควรเริ่มต้นด้วย “ความเข้าใจ” ไม่ใช่ “ความกลัว”
#aomMONEY
โฆษณา