Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
7 พ.ย. เวลา 15:30 • นิยาย เรื่องสั้น
ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน คดีหอจ้งเซิง จบ
.
ก่อนหน้านี้เฟ่ยจีเมาหลับไม่รู้เรื่องอย่างไรตอนนี้ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม หลูหลิงเฟิงจึงปลุกเขาด้วยการบอกว่าขุดพบสุราสมุนไพรไหหนึ่งถูกพันผ้าไว้อย่างแน่นหนามาก แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเป็นสุราชนิดใด
.
เฟ่ยจึ "นำมาให้ข้าชิมก็รู้"
.
หลูหลิงเฟิง "มันมีคนดื่มไปแล้ว"
.
เฟ่ยจึ "แล้วจะพูดทำไม"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าพนันเอาไว้ว่ามีสหายผู้หนึ่งเพียงแค่ดมกลิ่นผ้าที่ห่อ ก็รู้ได้ทันทีว่ามีส่วนผสมของอะไรบ้าง"
.
เฟ่ยจึ "เจ้าพนันแล้วข้าได้อะไร"
.
หลูหลิงเฟิง "เขาจะเลี้ยงเหล้าอย่างดีถึง3วัน"
.
เฟ่ยจึ "ถ้าเช่นนั้นจงรีบนำผ้าห่อสุรามาให้ข้าดม เร็วเข้า"
.
เซวียหวนยืนมองเหล่าเฟ่ยดมผ้าด้วยความไม่สบายใจที่เห็นเขาดมผ้านี้มาเป็นเวลานานแล้ว
เฟ่ยจีเองก็รู้สึกว่าท่าทางของเจ้าหนูดูแปลกๆทั้งที่เพิ่งมาได้ไม่ถึงครึ่งเดือน จึงถามย้ำว่าใช่ผ้าห่อไหสุราจริงหรือแล้วไล่เจ้าหนูไป ท่ามกลางความโล่งอกของเซวียหวน
.
ทางด้านของสี่จวินพยานคนแรกเป็นหญิงวัยกลางคน นางมาไหว้พระที่วัดหนานหยวน ตอนที่พบหญิงชรานั้นนางจุดธูปเสร็จพอดี
แม้จะคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใครและรู้สึกว่านางแปลกๆ แน่นอนว่าแม้จะพันผ้าแต่รู้ว่านางผมขาว
.
พยานคนที่2เป็นพระลูกวัดอีกแห่งที่พบชายชราถือห่อผ้าในมือผ่าน ตอนแรกไม่ได้สนใจอะไรมัวกวาดพื้น แต่ต่อมาจึงสะดุดใจที่ชายชราผู้นี้มีกลิ่นยาแรงมาก เขาไม่สูงนักแต่ผอมมาก หลังค่อมนิดหน่อย
.
ทางด้านหลูหลิงเฟิงไปสอบถามมารดาของฮุ่ยเหนียง นางร่ำไห้ไม่หยุดเพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียว จากการสอบถามได้ความว่า นอกจากติดต่อสัมพันธ์กับเฉียนเสี่ยวอี้แล้ว ทุก3วันนางก็ต้องไปฝังเข็มแก้โรคปวดศีรษะ
.
ที่อำเภอจวี๋ไม่ใช่เรื่องผิดปกติสำหรับคนเป็นโรคนี้ ที่ผิดปกติคือเป็นในฮุ่ยเหนียงที่อายุยังน้อย สถานที่ที่นางไปรักษาในรอบ3เดือนนี้ก็คือหอจ้งเซิง หลูหลิงเฟิงจึงไปสอบซินแสไจ๋
.
ตอนแรกซินแสไจ๋ปฏิเสธและไม่มีบันทึกการรักษาของฮุ่ยเหนียงในวันที่นางหายตัวไป เมื่อสี่จวินรู้เข้าจึงไปตรวจสอบสีน้ำหมึก ได้พบว่ามีการแก้ไขบันทึกการตรวจโรคซินแสไจ๋จึงต้องยอมรับว่าเป็นผู้แก้ไขบันทึกการตรวจโรค
เนื่องจากเขาและฮุ่ยเหนียงมีสัมพันธ์ฉันชู้สาวซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอาย เขาแต่งงานแล้ว ฮุ่ยเหนียงยังเป็นคนไข้ของเขา จึงเป็นเรื่องที่น่าละอายหากเรื่องแพร่ออกไป "ข้าผิดไปแล้ว" เขาสารภาพ
.
วันที่ฮุ่ยเหนียงหายตัวไปนั้น นางมาหาซินแสไจ๋ที่ร้าน เขาจึงให้นางไปรอที่ห้องเก็บยาในสวนที่นี่คือวิมานของเขากับนาง ซินแสไจ๋ยอมรับว่าหลงเสน่ห์นางจนถอนตัวไม่ขึ้น เสี่ยวชีรับรู้เรื่องนี้
.
เมื่อเขารักษาคนไข้เสร็จจึงรีบตามไปแต่ไม่พบ แล้วสุสานของท่านน้าที่มีกลไกซ่อนไว้กลับปรากฎให้เห็น เขาจึงเข้าใจว่านางอาจไปโดนกลไกเปิดสุสานแล้วเกิดตกใจจึงหนีไป เขาจึงตั้งใจว่าหากพบนางก็จะขอให้ช่วยปิดเป็นความลับด้วย
.
แล้วก็มีข่าวว่ามีผู้พบศพของฮุ่ยเหนียงที่วัดกวงจ้าว จึงกลัวว่าจะเป็นที่สงสัยและขายหน้าเรื่องชู้สาวหากแพร่ออกไป
จึงได้แก้ไขบันทึกการตรวจโรค แต่เหยียนซานฉีตายไปแล้ว ฮุ่ยเหนียงจึงอาจถูกทำร้ายที่อื่น
.
หลูหลิงเฟิงยังไม่มั่นใจจึงสอบถามเวลาไป-กลับที่ไปพบฮุ่ยเหนียง เสี่ยวชียืนยันว่าเพียงครู่เดียวทันทีที่กลับเข้ามาซินแสไจ๋ก็รักษาคนไข้ต่อ ส่วนตอนเย็นก็กลับบ้านตามปกติ
.
เย็นวันนั้นเฟ่ยจึมาล้งเล้งกับหลูหลิงเฟิง "ให้มันได้อย่างนี้ซิหลูหลิงเฟิง กล้ามาป่วนข้ารึ บนผ้านั้นมีตัวยา8ชนิดที่มีฤทธิ์แรง ใครช่างกล้าเอายาทั้ง8มารวมกันแล้วดองเหล้าดื่มนะ พูดมาว่านั่นผ้าอะไรกันแน่"
.
หลูหลิงเฟิง "ผ้าที่ห่อชิ้นส่วนศพ"
.
เฟ่ยจึ "หา...ผ้าห่อชิ้นส่วนศพ...แหวะ..." แล้วเขาก็อ๊วกแตกอ๊วกแตน
.
หลูหลิงเฟิง "ตัวยา8ชนิดเอามารวมกันแล้วดองเหล้าดื่มไม่ได้"
.
เฟ่ยจึ "แต่คุณสมบัติของแต่ละตัวยากระตุ้นการไหลเวียนไล่ลม ช่วยให้เลือดหมุนเวียน รักษาอาการปวดหัวได้ผล แต่ไม่มีใครกล้าเอามาผสมแล้วใช้มัน นอกจากเฒ่าเมิ่ง อุ๊บ..."
.
หลูหลิงเฟิง "เฒ่าเมิ่งที่เจ้าพูดถึงคือ เมิ่งตงเหล่า"
.
เฟ่ยจึ "ก็ใช่น่ะซี"
.
หลูหลิงเฟิง "เหตุใดจึงไม่มีใครกล้าเอาสมุนไพรที่มีฤทธิ์แรงหลายชนิดมารวมกันเพื่อรักษาคน"
.
เฟ่ยจึ "การทำเช่นนี้เป็นอันตราย เพราะบางตัวเสริมฤทธิ์กันจนเป็นพิษ บางตัวก็ตีกันหักล้างกันเองจนใช้รักษาอะไรไม่ได้ บางตัวก็ทำให้เกิดอาการแพ้ และ บางตัวมีผลกับตับและไต แล้วยังมีปัญหาเรื่องจำนวนที่ใช้มากน้อยแค่ไหน"
.
แล้วเฟ่ยจีก็บ่นพึมพัม "หลูหลิงเฟิง นะ หลูหลิงเฟิง ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ ไอหยินรุนแรงมาก"
.
หลูหลิงเฟิง "เจ้าอยู่ตลาดผีนานเกินไป เห็นอะไรก็ว่าไอหยินรุนแรง"
.
เฟ่ยจึ "นั่นมันไม่เหมือนกัน ที่ตลาดผีข้าอยู่สบาย ที่นี่พอเดินเข้ามาข้าขนลุกไปหมด เราไปหาเหล้าดื่มกันดีกว่า"
.
ที่อำเภอในตอนเช้า หลูหลิงเฟิงมาพร้อมด้วยเซวียหวน เฟ่ยจีที่พักอยู่ที่นี่ทั้งคืนไม่มีท่าทีว่าเขาได้นอน
เขาถามถึงหลุมศพของเมิ่งตงเหล่าเพื่อไปคำนับ มิเช่นนั้นเฒ่าเมิ่งก็ตามหลอกหลอนในความฝันจนเขาไม่กล้าหลับ
.
หลูหลิงเฟิง "ไม่ได้"
.
เซวียหวน "เหล่าเฟ่ย คือ สุสานของเมิ่งตงเหล่าอยู่ไกลมาก"
.
เฟ่ยจึ "ไกลแค่ไหนข้าก็จะไปของข้าเองไม่รบกวนพวกเจ้า"
.
เซวียหวน "ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอจวี๋ ภูเขาโซ่วซานที่อยู่ห่างไป40ลี้ เมิ่งตงเหล่าเป็นหมอชื่อดังที่นี่ ท่านไปที่นั่นสอบถามดูผู้ใดก็รู้จัก"
.
หลูหลิงเฟิงเอ่ยขึ้นเมื่อเฟ่ยจีไปแล้ว "เฮ้อ...ให้มันได้อย่างนี้สิเซวียหวน แค่อ้าปากก็แต่งเรื่องโกหกได้"
.
เซวียหวน "อย่างนั้นข้าจะไปตามเขากลับมาและบอกความจริง"
.
หลูหลิงเฟิง "ไม่ได้ คุณหนูพักอยู่ที่โรงหมอ อาจกลัวได้หากรู้ว่ามีหลุมศพอยู่ที่นั่น"
.
สี่จวินไปพบผู้ที่เห็นคนร้ายและวาดภาพผู้ต้องสงสัยทั้ง4วัด ความอุตสาหะ ใจเย็น พูดจาอ่อนหวานของนาง นางสอบถามแม้แต่ขอทานที่มาพักแรมที่วัด
ทำให้พยานต่างผ่อนคลายจึงเต็มใจให้ข้อมูลละเอียดจนสามารถวาดภาพออกมาใกล้เคียงคนร้ายมากกว่า8ใน10ส่วน
.
หัวหน้ามือปราบถึงกับยกย่องสี่จวินไม่หยุด "คุณหนูเผยมหัศจรรย์จริงๆ"
.
ทั้งนี้เพราะสี่จวินวาดภาพตามคำบอกเล่าออกมาได้ 4 ภาพในลักษณะแตกต่างกัน ทุกภาพดูราวมีชีวิตเคลื่อนไหวได้
"หรือว่าฆาตกรจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด" หลูหลิงเฟิงพึมพัม
.
สี่จวิน "ตอนแรกข้าก็คิดเช่นนั้น แต่พอนำภาพทั้ง4มาวางด้วยกัน พบว่ามีจุดที่เหมือนกันหลายจุด"
.
หลูหลิงเฟิง "เช่นตัวผอม หลังค่อม จึงน่าจะเป็นคนคนเดียวแต่ปลอมเป็นหลายคนนำศพทั้ง4ไปวางตามวัดต่างๆ"
.
สี่จวิน "ข้าก็คิดเช่นนั้น จึงนำภาพทั้ง4มารวมกัน ดึงจุดร่วมออกมาแล้วเขียนขึ้นมาใหม่"
.
นางหยิบภาพมาให้ดู ทั้งหลูหลิงเฟิงและหัวหน้ามือปราบต่างคุ้นหน้าแต่ก็นึกไม่ออก แล้วเสียงด่า "เดรัจฉาน" ของเฟ่ยจีก็ดังขึ้น
รวมทั้งยังไล่ตีเซวียหวนที่หลอกให้เขาต้องเดินทางหลายสิบลี้เปล่าๆ จนขาแทบหลุด
.
หลูหลิงเฟิงจึงบอกว่า "เป็นความคิดของข้าเองอย่าไปตีเด็ก เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ"
.
เฟ่ยจี "ความคิดของเจ้าหรือหลูหลิงเฟิง ไม่เข้าท่าเลย...แต่...เอ๊ะ"
.
เฟ่ยจีถลาไปที่ภาพ ภาพที่สี่จวินดึงจุดร่วมของ4ภาพออกมาวาดใหม่ "สี่จวินเจ้าเป็นคนวาดหรือ" เฟ่ยจีถามมองภาพไม่วางตา "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดถึงศิษย์พี่จนร้อนใจ ก็เลยวาดรูปของเขาออกมาให้ข้า"
.
หลูหลิงเฟิงนำภาพไปดู "เจ้าบอกว่าคนในภาพคือเมิ่งตงเหล่าหรือ"
.
เฟ่ยจี "ถูกต้อง แม้ไม่ได้เจอกันหลายสิบปี แต่เฒ่าประหลาดเมิ่งถ้ามีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็ต้องหน้าตาอย่างนี้แน่"
.
หัวหน้ามือปราบ "ข้านึกออกแล้ว เมื่อครู่ที่ว่าหน้าคุ้นๆที่แท้ก็เหมือนซินแสเมิ่งเหล่านี่เอง"
.
เซวียหวน "ใช่ ๆ วันนั้นที่จับโจร ข้าก็เข้าไปในเรือนนั้นเหมือนกัน นี่เหมือนกับภาพวาดที่หลุมศพมาก"
.
สี่จวินหน้าเสีย "หลุมศพ"
.
เฟ่ยจี "แล้วหลุมศพของเฒ่าประหลาดเมิ่งอยู่ที่ไหน"
.
หลูหลิงเฟิงจึงจำต้องนำเฟ่ยจีไปที่สุสานและแน่นอนว่าสี่จวินก็ต้องไปด้วย เมื่อเฟ่ย
จีเห็นเข้าจึงครางว่า "ที่แท้ท่านถูกฝังอยู่ที่นี่ มิน่าถึงได้มาเข้าฝันข้าทุกคืน ศิษย์น้องเฟ่ยอิงจวิ้นขอควรวะ" แล้วโขกศีรษะ
.
ครั้นเงยหน้าขึ้นเฟ่ยจีก็หยิบรูปแกะสลักที่เฝ้าหลุมศพขึ้นมาดู และเมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปแกะสลักของผู้ใดเฟ่ยจีก็ปรี๊ดแตก "ไอ้เฒ่าประหลาดเมิ่ง มันคนชั่วถึงกับเอาอาจารย์มาเฝ้าหลุมศพของมัน"
.
สี่จวินทั้งที่หวาดกลัวจนต้องจับแขนหลูหลิงเฟิงไว้แน่นถามขึ้นว่า "อาจารย์ของท่านคือผู้ใด"
.
เฟ่ยจี "ราชาโอสถซุนซือเหมี่ยว"
.
สี่จวิน "เทพแห่งการแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ หรือ"
.
เฟ่ยจี "แล้วเจ้ารู้จักหรือ"
.
สี่จวิน "ราชาโอสถซุนซือเหมี่ยว หรือ เหยาหวังซุนซือเหมี่ยว คือ เทพแห่งการแพทย์ และเป็นแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนยุคราชวงศ์สุยและถัง
ท่านเป็นที่เคารพนับถือในฐานะผู้บุกเบิกด้านการแพทย์ มีผลงานสำคัญคือการรวบรวมตำราแพทย์ต่างๆเข้าด้วยกัน(ซึ่งเปรียบเสมือนสารานุกรมการแพทย์แผน
จีนเล่มแรก)
.
หลูหลิงเฟิง "เจ้าเป็นลูกศิษย์ซุนซือเหมี่ยว หรือ"
.
เฟ่ยจี "ก็ใช่นะซี ตอนที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ได้รับลูกศิษย์ไว้13คน ข้าได้ฉายา เฟ่ยสือซาน(เฟ่ย คนที่13) ไม่ใช่เพราะเป็นคนที่ 13 ในครอบครัว แต่เป็นการจัดบำดับในหมู่ลูกศิษย์"
.
เฟ่ยจีนำรูปแกะสลักอาจารย์ไปไว้ในที่อันควรจุดธูปไหว้เคารพอาจารย์แล้ว จึงเล่าเรื่องราวของศิษย์ผู้พี่เมิ่งตงเหล่า "เดิมเขามีชื่อว่า เมิ่งตงเสี่ยว เพราะผมขาวตั้งแต่หนุ่ม ศิษย์พี่-ศิษย์น้องจึงล้อเขาว่า ตงเหล่า(เหล่าแปลว่าแก่)
.
เขาจึงเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น เมิ่งตงเหล่า แต่ข้าเรียกเขาว่า เฒ่าประหลาดเมิ่ง เพราะเขาเป็นคนประหลาดจริงๆจนถึงขั้นชั่วร้ายหน่อยๆ"
.
หลูหลิงเฟิง "ชั่วร้ายอย่างไร"
.
เฟ่ยจี "เวลาอาจารย์ไปเก็บสมุนไพร เมิ่งตงเหล่าจะรับผิดชอบเก็บตะขาบและแมงป่อง
จะว่าไปก็แปลกสัตว์มีพิษเหล่านั้นเห็นเขาเข้าต่างนิ่งไม่ขยับตัว เขาไม่สุงสิงกับผู้อื่นยกเว้นข้าที่เป็นศิษย์คนเล็ก
.
เพื่อจะเข้าใจระบบเส่นลมปราณในร่างกายคนเขาจึงขุดสุสานขโมยศพ ข้าเป็นคนไปเห็นเข้าจึงฟ้องอาจารย์ ท่านโกรธมากแม้ไม่ส่งตัวให้ทางการเพราะเป็นความผิด แต่ได้ขับไล่เขาออกจากสำนักซึ่งถือเป็นความเมตตาใหญ่หลวง
.
ส่วนข้ารู้ว่าเขาแค้นข้า ก็คิดที่จะปรับความเข้าใจกับเมิ่งตงเหล่า แล้วข้าจะรู้ไหมเนี่ยว่าเขาตายแล้ว โธ่ศิษย์พี่ไม่นึกเลยว่าจากกันวันนั้น เจอกันอีกทีท่านก็ตายแล้ว"
.
หลูหลิงเฟิง "เขาชอบเลี้ยงแมวด้วย หรือ"
.
เฟ่ยจี "ใช่ ปกติเจ้าแก่นี่นิสัยเย็นชา แต่เป็นทาสแมวตัวจริงเสียงจริงเชียวละ"
.
หลูหลิงเฟิง "ได้สังเกตหรือไม่ เมื่อครู่ข้างหลุมศพมีแมวสีอะไรบ้าง"
.
สี่จวิน "สีดำ สีส้ม ขาวส้ม ขาวล้วน"
.
หลูหลิงเฟิงพลันนึกถึงคำพูดของซูอู๋หมิง "ตอนที่ข้าชันสูตรนั้นพบขนแมว5เส้นมีสีเหลือง สีดำ และ สีขาว"
เขาจึงสั่งให้สี่จวินและเซวียหวนไปอยู่เสียที่อำเภอคืนนี้ เดี๋ยวนี้
.
สี่จวิน "เหตุใดกัน ข้าไม่กลัว"
.
หลูหลิงเฟิง "ที่นี่ไอหยินรุนแรงมาก เก็บของแล้วรีบออกไป เซวียหวนห้ามห่างคุณหนูของเจ้าแม้แต่ก้าวเดียว"
.
"ขอรับ"
.
สี่จวินยอมจากไปโดยไม่โต้แย้ง ท่าทีในคืนนั้นของหลูหลิงเฟิงแสดงถึงคับขันขีด
สุดแล้ว ตัวเขาเองก็ยืนเฝ้าเรือนยาซึ่งเป็นสุสานของเมิ่งตงเหล่าทั้งคืนโดยไม่ขยับไปไหน
.
ในตอนเช้าสี่จวินนำอาหารมาให้ หลูหลิงเฟิงบอกกับนางว่า "ข้าคิดมาทั้งคืนจึงเข้าใจ เหยียนซานฉีฆ่าตัวตายเพื่อปกปิดความลับให้ใครบางคน และคนผู้นั้นอาจเป็น เมิ่งตงเหล่า ซึ่งยังมีชีวิต ข้าตัดสินใจที่จะเปิดโลงพิสูจน์"
.
"ว่าไงนะ สร้างสุสานไว้ในเรือนหรือ และเมิ่งตงเหล่าอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด หรือ" ทั้งผู้พิพากษาและปลัดอำเภออุทาน
"แล้วยังจะเปิดโลง ผู้คนมิแตกตื่นกันหรือ ถนนเส้นนั้นเป็นสายเศรษฐกิจเสียด้วย น้องหลูเห็นใจพี่ทั้ง2ด้วย เพราะหากมีศพของเมิ่งตงเหล่าจริงจะทำอย่างไร"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"
.
"เช่นนี้ขอเพียงอย่าทำให้ชาวบ้านแตกตื่น"
.
หลูหลิงเฟิงให้คนไปปิดประกาศที่โรงหมอจ้งเซิงว่า "ที่นี่มีปีศาจแมวอาละวาด ทางการจะทำการเผาในยามอู่(ช่วงเวลา 11:00 น. - 13:00 น) เพื่อไม่ให้วิญญาณร้ายกระจายไป ประชาชนโปรดหลบเลี่ยง"
.
ชาวบ้านที่มามุงเป็นจีนมุงต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแมวว่ามีมากจริงๆ และชื่นชมนายอำเภอที่แม้แต่เรื่องแมวๆยังไม่ปล่อยผ่าน ในขณะที่นายอำเภอคนก่อนกลัวบ้านหลังนั้นจนไม่กล้าเข้าไปจับโจร
.
"ไม่ได้นะ ไม่ได้ นายอำเภอหลู เห็นแก่ที่ท่านน้ารักษาคนมามากมายโปรดอย่าเปิดโลงเลย" ซินแสไจ๋ขัดขวาง
.
หลูหลิงเฟิง "หลีกไป ผู้พิพากษาอนุญาตแล้ว ใครขัดขวางดาบของข้าจะไม่ปรานี ลากตัวออกไป"
.
ทางด้านนอกหัวหน้ามือปราบกำลังเผาหุ่นที่ทำจากฟางข้าวให้มีรูปร่างคล้ายแมว
ดังนั้นเมื่อไฟไหม้ฟางจึงเกิดควันคลุ้งกระจายไปทั่ว บ้านใกล้ต่างแง้มประตูหน้า
ต่างแอบดู
.
หลูหลิงเฟิงกำลังจะสั่งเปิดโลง ซินแสไจ๋ก็ค้าน แม้แต่เฟ่ยจีก็ค้านกับเขาด้วย
เหมือนกัน ทำให้หลูหลิงเฟิงลังเล
สี่จวินที่อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอเห็นดังนั้น จึงบอกให้หลูหลิงเฟิงเชื่อมั่นในตัวเอง
ดวงหน้างดงามทว่าเข้มแข็งเชื่อมั่นของหญิงคนรัก สร้างกำลังใจอันแรงกล้า หลูหลิงเฟิงจึงออกคำสั่งเฉียบขาด "เปิดโลง"
.
ทันทีที่ฝาโลงถูกเปิด หลูหลิงเฟิงแทบทรุด ซินแสไจ๋ร้องคร่ำครวญ "ท่านน้า" เฟ่ยจีก็เอาแต่ร้อง "ศิษย์พี่" จะไม่ให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรในเมื่อมีโครงกระดูกนอนสงบนิ่งอยู่
.
เฟ่ยจีก้าวเข้าไปที่โลง "ศิษย์พี่ฮือๆๆๆ เราจากกันที่ลั่วหยาง ไม่คิดเลนว่าเราจะอยู่กันคนละโลกแล้ว"
พลันหยุดชะงัก "ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่เฒ่าประหลาดเมิ่ง" แล้วชี้ให้ดูซี่โครง "คนตายไปเหลือเป็นโครงกระดูกเท่านั้น นี่เป็นโครงกระดูกของสตรีตัวสูง"
.
>>>จากปมปริศนาพยานมรณะ กระดูกคนมี 365 ชิ้น กระดูกส่วนคอมี 12 ชิ้น ซี่โครงชายซ้ายขวาข้างละ12ชิ้น ยาว8สั้น4 ผู้หญิงมีมากกว่า2ชิ้น<<<
.
ซินแสไจ๋ชะโงกหน้ามาดูแล้วยอมรับว่าเป็นโครงกระดูกของสตรีตัวสูงจริงๆ หลูหลิงเฟิงใช้ดาบเคาะข้างโลงมันโปร่งมากเขาจึงตัดสินใจดึงแผ่นข้างโลงออก
.
"แม้ววว" แมวส้มตัวหนึ่งกระโจนสวนออกมาสร้างความตกใจให้ทุกคน ข้างโลงนั้นเป็นโพรงใหญ่นำไปสู่ห้องลับใต้ดินโรงหมอจ้งเซิง
มองเห็นกะโหลกศีรษะมนุษย์กองสุมนับสิบ ทางด้านเซวียหวนก็นำมือปราบไปสำรวจบริเวณโดยรอบโรงหมอจ้งเซิง และพบเข้ากับถ้ำลับของบ้านร้างหลังหนึ่ง
.
ที่ห้องลับใต้ดินนอกจากกะโหลกศีรษะมนุษย์กองสุมแล้ว ยังมีโครงกระดูกครบสมบูรณ์วางบนเตียงโครงหนึ่ง
"ฮุ่ยเหนียงเอ๊ย ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน"
.
แล้วเฒ่าผมขาวก็พบว่ามีผู้ที่ไม่ได้เชิญเข้ามาในห้อง ซินแสไจ๋ผงะเมื่อเห็นหน้า
เขาถึงกับอ้าปากค้าง
"ผู้ใดที่บังอาจถึงเพียงนี้" เฒ่าผมขาวถาม
.
"นายอำเภอเมืองจวี๋ หลูหลิงเฟิง"
.
"มาแล้วเรอะ ข้ารู้ว่าจะมาแต่ไม่นึกว่าจะเร็วถึงเพียงนี้"
.
เฟ่ยจี "เฒ่าประหลาดเมิ่ง เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ"
.
เมิ่งตงเหล่า "เฟ่ยสือซาน เจ้าก็มาด้วย"
.
เฟ่ยจี "ยังจำได้ไหม ทำไมเจ้าถึงถูกขับไล่จากสำนัก ผ่านมาหลายปีทำไมจึงทำผิดเช่นนี้อีก
.
เมิ่งตงเหล่า "หลายสิบปีก่อนเจ้าทำผิดต่อข้า มาวันนี้ยังจะสั่งสอนข้าอีก เจ้าควรคุกเข่าลงสำนึกผิดกับศิษย์พี่คนนี้"
.
สี่จวิน "ศิษย์พี่งั้นหรือ ฆาตกรเช่นเจ้าไม่มีสิทธิ์สั่งสอนผู้อื่น อาจารย์จีไม่ต้องไปฟัง"
.
หลูหลิงเฟิง "เมิ่งตงเหล่า กะโหลกพวกนี้คงเป็นเหยียนซานฉีนำมาให้ซินะ"
.
เมิ่งตงเหล่า "ข้าก็นึกว่าเหยียนซานฉีปรนนิบัติข้าเบื่อแล้วจึงหนีไป ที่จริงเขาถูกเจ้าจับหรือ"
.
หลูหลิงเฟิง "เขาฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องเจ้า"
.
เซวียหวน "อาจารย์ ท่านคาดการณ์ได้แม่นยำ พวกเราพบทางลับอีกจริงๆ"
.
หลูหลิงเฟิง "ทางลับนี้เหยียนซานฉีใช้สำหรับส่งอาหารและกะโหลกศีรษะให้เจ้าสินะ"
.
เมิ่งตงเหล่า "เจ้าทายถูกแล้ว แพทย์ก็คือพ่อแม่นอกจากนี้ข้ายังมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตของเขา นี่จึงทำให้เขาทั้งซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อข้า"
.
สี่จวิน "แพทย์ควรช่วยคน มีใจเมตตา แต่เจ้าฆ่าคนบริสุทธิ์อำมหิตเพียงนี้ต้องตกนรก18ขุมแน่นอน"
.
เมิ่งตงเหล่า "ฮ่าๆๆๆ นังเด็กยังไม่หย่านม เจ้าไม่คิดว่าห้องลับของข้าก็คือนรกเรอะ เพื่อช่วยคนจำนวนมากข้าก็ได้ลงนรกไปก่อนแล้ว"
.
เฟ่ยจี "บ้าไปแล้ว เขาบ้าไปแล้ว ไม่นึกว่าอาจารย์ดันสอนคนเนรคุณอย่างนี้ขึ้นมาได้"
.
เมิ่งตงเหล่าส่งเสียงหัวเราะก้องเหมือนคนบ้า หลูหลิงเฟิงจึงถาม "เมื่อ 40 ปีก่อนกวนจื่อจวินก็ตายด้วยน้ำมือของเจ้าใช่หรือไม่"
.
เมิ่งตงเหล่า "ใช่ แม่นางคนนั้นงดงามยิ่ง"
.
หลูหลิงเฟิงเสียงเข้ม "เหตใดต้องชำแหละศพ"
.
เมิ่งตงเหล่า "ข้าต้องการโครงกระดูกที่สมบูรณ์ไว้ศึกษาเขียนตำราแพทย์ช่วยผู้คน กว่า40ปีที่ข้าจุดธูปให้นางทุกวี่วัน ข้านำนางไปใส่ในโลงศพข้าก็เพื่อขอบคุณนางแทนผู้คนทั้งหลาย
.
เมื่อปีก่อนเพื่อเอาชนะโรคปวดหัวให้ได้ ข้ากินยาที่ทำเองมันหยุดลมหายใจได้ชั่วคราวแล้วฟื้นในอีก7วันต่อมา
หลานชายที่กตัญญูของข้าฝังข้าไว้ในเรือนนี้ตามที่ข้าขอเอาไว้" ถึงตอนนี้ซินแสไจ๋ถึงกับทรุดอยู่กับที่ด้วยความเสียใจที่มีส่วนส่งเสรืมการฆ่า
.
เมิ่งตงเหล่า "เหยียนซานฉีรู้ว่าข้าต้องการใช้วัตถุดิบในการศึกษาค้นคว้าอย่างมาก
จึงไปจัดหาให้ แต่ความที่เขาเป็นพวกน้ากามจึงไม่ได้หาคนที่เป็นโรคปวดหัวดันไปหาแต่คนที่สวยๆมาแทน ก็กะโหลกที่กองอยู่นั่นไงข้าไม่ได้ใช้เลย
.
แต่โชคดีที่ได้นางมา ฮ่าๆๆๆ วันนั้นข้าหิวโซจึงขึ้นไปข้างบนกะว่าให้มืดก่อนค่อยไปหาของกิน ข้าพบนางที่เป็นโรคปวดหัวและมาถึงถิ่นของข้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ"
เมิ่งตงเหล่าเปิดผ้าคลุมช้าๆ "ใน4คนที่ข้าฆ่า โครงกระดูกที่สมบูรณ์ที่สุด งดงามที่สุดสำหรับข้าก็คือ ฮุ่ยเหนียง
.
ซินแสไจ๋ถึงกับร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นกับชะตากรรมของฮุ่ยเหนียง จะอย่างไรนางดีกับเขาแล้วต้องมาจบชีวิตในขณะที่อายุยังน้อย สังเวยคนบ้าอย่างท่านน้าที่เขารักและกตัญญูโดยไม่เคยรู้ความลับนี้มาก่อน
.
เมิ่งตงเหล่า "ข้าจะใช้นางเขียนเรื่องโรคปวดหัวนี้ให้เสร็จ ให้ความรู้นี้สืบทอดไปเป็นพันปี"
.
หลูหลิงเฟิง "เจ้านำศพไปไว้ที่วัดก็เพื่อให้วิญญาณผู้ตายสุขสงบ เจ้าถามพวกนางหรือยังว่าอยากตายหรือไม่ หากเลือกได้พวกนางยอมที่จะมีชีวิตที่วุ่นวายมากกว่าตาย"
.
เมิ่งตงเหล่า "แล้วข้าผิดตรงไหนที่ทำให้พวกนางเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ วิธีนี้จึงทำให้ฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าตำราข้าจึงเขียนเสร็จ
ถึงตอนนั้นเจ้าค่อยตัดหัวข้า แล้วสร้างวัดให้ข้าเพื่อสดุดีว่าข้าเป็น หัวทัว มาเกิดก็ยังไม่สาย"
.
หลูหลิงเฟิง "ความผิดของเจ้าใหญ่หลวงนัก เกรงว่าจะอยู่ไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิด้วยซ้ำ"
.
จบตอนคดีหอจ้งเซิง
.
หมายเหตุ! ฤดูกาลของจีนมี 4 ฤดู คือ ฤดูหนาว(Winter) ฤดูใบไม้ผลิ(Spring) ฤดูร้อน(Summer) และ ฤดใบไม้ร่วง(Autmn)
.
หัวทัว(ในสามก๊กเรียก ฮูโต๋) เป็นผู้ที่สนใจวิชาแพทย์มาก ได้พยายามเสาะหาตำราทางการแพทย์จำนวนมากมาอ่าน เคยได้รับดารเสนอตำแหน่งราชการหลายครั้งแต่เขาปฏิเสธ
.
เพราะเขาไม่สนใจในชื่อเสียงยศถาบรรดาศักดิ์ต่างๆ ขอเป็นเพียงหมอธรรมดาคนหนึ่งซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคให้กับประชาชนทั่วๆ ไปก็พอแล้ว
.
ภาพปกจากข่าวดังทั่วโลก อุทยานแห่งชาติอาร์เชส ในรัฐยูทาห์
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย