8 พ.ย. เวลา 12:07 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🧠 ยุคแห่ง “Product Creator”

เมื่อ AI คือจุดเริ่มต้น แต่ทำไม “วิจารณญาณ” คือทางรอด?
🤖 เปลี่ยนจาก “ผู้จัดการ Backlog” สู่ “ผู้สร้างอนาคต” ต้องทำยังไง?
โลกของ Product Management กำลังเผชิญการปฏิวัติที่ลึกซึ้งที่สุดในรอบ 10 ปี ไม่ใช่เพราะ AI จะมาแทนที่มนุษย์ แต่เพราะมันกำลังเปิดโปงว่าใครกันแน่ที่ “สร้างของจริง” และใครเพียง “จัดการสิ่งที่มีอยู่” เท่านั้น
Marty Cagan หนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการ ได้กล่าวไว้ว่า
“ยุคที่ Product Manager ที่แค่ทำหน้าที่แค่ดูแล Backlog หรือประชุมประสานงาน กำลังจะจบลง”
และวันนี้คำพูดนั้นกำลังเกิดขึ้นจริง เมื่อ Generative AI ทำให้เครื่องมือทุกชนิด  ตั้งแต่ ChatGPT, Figma Make ไปจนถึง Loveable หรือ N8N เป็นต้น กลายเป็นผู้ช่วยที่สร้างต้นแบบของ product ทั้งระบบได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
“สิ่งนี้ทำให้โลกเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าใครเป็น ผู้จัดการเอกสาร และใครคือ ผู้สร้างผลิตภัณฑ์ของจริง?”
“AI ไม่ได้มาแย่งงาน PM แต่มาแย่งงานของคนที่ไม่เคยสร้างอะไรเลยต่างหาก”
====
🧩 Product Creator จะมีบทบาทที่กำหนดอนาคตของอาชีพอย่างไร?
“Product Creator” ไม่ใช่ตำแหน่งใหม่ แต่คือ “จิตวิญญาณใหม่ของการทำงาน  คือคนที่มองเห็นปัญหาของผู้ใช้ เข้าใจบริบทธุรกิจ และกล้าตัดสินใจโดยใช้ทั้งข้อมูลและสัญชาตญาณอย่างสมดุลย์”
* อาจเป็น Product Designer ที่กล้าท้าทายสมมติฐาน, Engineer Lead ที่เชื่อมธุรกิจกับเทคโนโลยี, หรือแม้แต่ Founder ที่ยังคงลงมาคลุกกับทีมจริงๆ สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันคือ Product Sense หรือความสามารถในการรู้ว่า “อะไรควรถูกสร้างขึ้น?” มากกว่า “อะไรสร้างได้?”
* ในทางกลับกัน Product Manager ที่ยังยึดติดกับงานประสานงาน การจัด Priority Backlog หรือจดบันทึกการประชุมแบบเดิม เป็นต้น จะค่อยๆ ถูกแทนที่โดยระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและไม่เหนื่อยล้า เพราะเครื่องจักรไม่เคยหมดพลัง แต่ความคิดของมนุษย์ที่ไม่เติบโตต่างหากที่หมดอายุ
====
⚙️ “Prototype” ไม่ใช่ “Product” คือบทเรียนที่องค์กรต้องจำขึ้นใจ
AI ทำให้การสร้าง Prototype ของ Software หรือ Product เกิดได้ง่ายขึ้นอย่างเหลือเชื่อ (แม้แต่คนเป็น users ก็ยังทำได้สบายๆ) แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างกับดักที่อันตราย  หลายองค์กรสับสนระหว่าง Prototype ที่สวยงาม กับ Product ที่ใช้งานได้จริง? กล่าวคือ
“Prototype มีไว้เพื่อ ‘เรียนรู้’ มันถูกสร้างมาเพื่อทดสอบสมมติฐานด้วยทรัพยากรน้อยที่สุด”
“Product มีไว้เพื่อ ‘อยู่รอด’ มันต้องทำงานได้ในโลกจริงที่มีผู้ใช้เป็นล้านๆ คน อยู่ภายใต้ข้อจำกัดทางกฎหมาย ความปลอดภัย และความยั่งยืนในเชิงธุรกิจ เป็นต้น”
ความต่างที่มักถูกมองข้าม ได้แก่
* Prototype ใช้เพื่อพิสูจน์แนวคิด แต่ Product ต้องพิสูจน์ความเสถียรและความปลอดภัยระดับองค์กร
* Prototype โชว์ได้ใน Demo Day แต่ Product ต้องรองรับผู้ใช้จริงตลอด 24 ชั่วโมง
* Prototype ไม่ต้องสนใจ Data Privacy แต่ Product ต้องผ่านการตรวจสอบตาม PDPA และมาตรฐานสากล
* Prototype ไม่ต้องมีระบบวัดผล แต่ Product ต้องเก็บข้อมูล วิเคราะห์ และบำรุงรักษาได้โดยไม่หยุดระบบ
“Prototype อาจหลอกเราได้ แต่ผู้ใช้จริงจะไม่เคยโกหก”
หลายองค์กรทุ่มงบมหาศาลให้ Innovation Lab หรือ Hackathon เพื่อโชว์ผลงานต้นแบบที่ดูน่าตื่นเต้น แต่สุดท้ายกลับไม่มีสักโครงการที่ขึ้นตลาดได้จริง เพราะขาด “ระบบคิดระยะยาว” ที่จะเปลี่ยนของทดลองให้กลายเป็นของขายได้จริง
====
💡 “เร็ว” ไม่พอ ต้อง “เข้าใจ” ด้วย?
* ในยุคที่ AI ทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น คำถามจึงไม่ใช่ว่า “เราจะทำได้เร็วแค่ไหน” แต่คือ “เรารู้หรือไม่ว่าทำไปเพื่ออะไร” เพราะความเร็วที่ไม่มีทิศทางคือความสูญเปล่าที่แพงที่สุดในโลกดิจิทัล
* บริษัทอย่าง Amazon, Netflix, หรือ Adobe ไม่ได้ชนะเพราะพวกเขาใช้เครื่องมือดีกว่า แต่เพราะพวกเขามีวัฒนธรรมที่ถามคำถามได้ดีกว่า  “ทำไมผู้ใช้ถึงต้องการสิ่งนี้?”
นั่นคือหัวใจของ Product Creator ที่แท้จริง คือ “สร้างเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่สร้างให้เสร็จ”
====
🧠 “วิจารณญาณ” = พลังที่ AI ยังเรียนรู้ไม่ได้?
* AI อาจช่วยวิเคราะห์ข้อมูล สร้างโค้ด หรือดีไซน์ UI ได้ในพริบตา แต่สิ่งที่มันไม่มีวันแทนมนุษย์ได้คือ “วิจารณญาณ” คือ ความเข้าใจในความรู้สึกและความซับซ้อนของผู้คน
* AI อาจบอกได้ว่าปุ่มควรอยู่ตรงไหน แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใช้ถึงลังเลที่จะกด
* AI อาจเขียนคำโฆษณาได้ดี แต่ไม่รู้ว่าคำบางคำอาจกระทบใจคนในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม
* AI จึงเป็นเพียง “มือ” ที่ทรงพลัง แต่ไม่ใช่ “สมอง” ที่ตัดสินใจได้อย่างมีจิตสำนึก
“AI จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่เร็วที่สุดในโลกเทคโนโลยี แต่ Product Creator คือผู้ถือพวงมาลัยที่จะพาเรามุ่งไปข้างหน้าอย่างมีความหมาย”
====
🔁 จาก Product Manager → Product Creator?
“AI จะไม่ฆ่าอาชีพ Product Manager แต่จะฆ่าความเฉื่อยทางความคิดของคนที่ไม่ยอมพัฒนา”
* มันจะผลักให้ทุกคนต้องโตขึ้นจาก “Manager” สู่การเป็น “Creator” จากแค่ “ผู้ทำตาม” เป็น “ผู้ตัดสินใจ” และจาก “ผู้ใช้ AI” เป็น “ผู้นำ AI”
* เพราะในโลก ณ ตอนนี้ ทุกคน (แม้กระทั่ง user หรือฝั่ง BU) ก็สร้าง Prototype ได้ภายใน 10 นาที สิ่งที่แยกมือสมัครเล่นออกจากมืออาชีพ ไม่ใช่ความเร็ว แต่คือ วิจารณญาณและความเข้าใจมนุษย์
* และสุดท้าย “Product ที่ดี” ไม่ได้เกิดจากโค้ดหรือเครื่องมือ แต่มันเกิดจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งในความต้องการของมนุษย์ ความเข้าใจที่ AI อาจช่วยเราเรียนรู้ได้ แต่ไม่อาจแทนที่เราได้เลย
“AI คือเครื่องมือ แต่ความเข้าใจมนุษย์คือเหตุผลที่เราสร้างเครื่องมือนั้นขึ้นมา”
====
Source
* The Era of the Product Creator, Mary Cagan,  https://www.svpg.com/the-era-of-the-product-creator
* Prototypes vs Products, Marty Cagan,  https://www.svpg.com/prototypes-vs-products
#วันละเรื่องสองเรื่อง
#ProductCreator
#AI
#MartyCagan
#ProductManagement
#PrototypeVsProduct
#Innovation
#Leadership
โฆษณา