9 พ.ย. เวลา 12:31 • ประวัติศาสตร์

พี่พัลลภ...ผู้ไม่แพ้

"และในวันนี้ เธอนั้นจงหยัดยืน
และลุกขึ้นอีกครั้ง
ด้วยพลังในหัวใจ
อย่าไปยอมแพ้
ให้กับปัญหาใดใด
จงพร้อมจะอดทน
ก้าวไปสู่หนทางที่ฝันใฝ่ด้วยตัวเอง"
เนื้อเพลงเธอ...ผู้ไม่แพ้ - พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านที่เคารพครับ รวมถึงน้องๆคนเจน Z ที่กำลังเรียนเตรียมทหารหรือไม่ได้เรียนสถาบันแห่งนี้ ผู้เขียนเชื่อว่าคนเราถ้ามีความตั้งใจ คิดจริง ทำจริง ไม่เหลาะแหละ ทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ล้วนสำเร็จได้ด้วยความเพียรพยายามของตัวเอง
ผู้เขียนเชื่อว่าท่านผู้อ่านรวมถึงคนรุ่นใหม่ที่อ่านบทความ อาจมีกำลังใจที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ แม้ทางเดินของเราจะไม่ราบเรียบอย่างที่ฝัน แต่ถ้าเราพึ่งแรงเรา พาตัวเองก้าวออกจากเซฟโซน สิ่งที่ฝันจะกลายเป็นความจริงได้ วันนี้ผู้เขียนจะนำเสนอเส้นทางชีวิตของพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี ให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
▶️กำเนิดชายชาติทหาร
ในม่านประวัติศาสตร์การทหารของชาติไทย มีนามหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และความกล้าหาญอันหาญกล้า ท่านผู้นั้นคือ พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี นักรบผู้มีฉายาว่า "แมวเก้าชีวิต" และถูกขนานนามว่าเป็น "ทหารแก่ที่ไม่มีวันตาย" (The Old Soldiers Never Die)
ท่านเริ่มลืมตาดูโลกตอนเป็นเด็กทารกที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เมื่อวันวันที่ 25 พฤษภาคมปีพ.ศ. 2479 ท่านมีชื่อเดิมว่า อำนาจ และได้บ่มเพาะจิตวิญญาณนักรบจากการศึกษาที่โรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร ก่อนเข้าสู่เส้นทางทหารอย่างเต็มตัวที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยทหารบก รุ่นที่ 14 และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.7) ซึ่งเป็นรุ่นที่เต็มไปด้วยผู้นำในอนาคต
พี่พัลลภกับพี่เล็ก วาสนา นาน่วม
ชีวิตราชการของท่านไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในประเทศ แต่เป็นนักรบที่กรำศึกในสมรภูมินอกประเทศอย่างแท้จริง ในปี พ.ศ. 2508 ท่ามกลางยุคสงครามเย็นอันดุเดือด ท่านในฐานะนายทหารผู้หาญกล้าได้อาสาเข้าร่วมเป็น หัวหน้าชุดสตาร์ทีม (Star Team) หรือ หน่วยรบพิเศษ
▶️ภารกิจลับ
ในภารกิจลับอันตรายในสงครามลาว ท่านได้นำทีมของตนที่ประกอบด้วยวีรบุรุษทั้งหกนาย เข้าปฏิบัติการนอกราชการที่ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเขาต้องลาออกจากราชการก่อนเข้าสู่พื้นที่เพื่อปฏิบัติภารกิจกองโจร ภารกิจคือการ ลอบสังหารนายทหาร และ วางระเบิดเส้นทางลำเลียง เพื่อตัดกำลังข้าศึกทุกรูปแบบ
พลเอกพัลลภรู้ดีว่า ภารกิจแต่ละครั้งนั้นอาจเป็นครั้งสุดท้าย แต่ความกลัวไม่เคยมีที่ยืนในใจของท่าน ท่านตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยใช้สัญชาตญาณในสนามรบนำทาง ในค่ำคืนหนึ่งที่มืดมิด ท่านและลูกทีมได้แทรกซึมเข้าสู่ป่าลึก ทุกย่างก้าวคือการเสี่ยงชีวิต ท่ามกลางรากไม้ที่พันเกี่ยวและเสียงนกฮูกที่เพิ่มความกดดัน
เมื่อลูกทีมตรวจพบรอยเท้าของทหารเวียดกง ท่านก็รู้ทันทีว่าศัตรูอยู่ใกล้กว่าที่คาด แผนการถูกปรับเปลี่ยนในทันที ท่านสั่งแบ่งกลุ่มเพื่อเข้าใกล้เป้าหมายอย่างระมัดระวังที่สุด เมื่อมาถึงจุดซ่อนตัวที่สามารถมองเห็นกระท่อมเป้าหมายได้ ความเงียบที่ปกคลุมอยู่กลับเป็นสัญญาณอันตรายที่สุด
และแล้วการเผชิญหน้าก็มาถึง ท่านต้องนำทีมเผชิญหน้ากับศัตรูในความมืดมิด เมื่อทหารเวียดกงปรากฏตัว ท่านได้ตัดสินใจที่เด็ดขาดและรวดเร็ว ท่านยิงกระสุนเพียงนัดเดียวเข้าที่หน้าผากของศัตรู ขณะที่ลูกทีมที่อยู่เคียงข้างท่านปฏิบัติการอย่างไม่ลังเล ท่านรู้ดีว่าในสงคราม ความเมตตาหมายถึงความตาย จากนั้นเสียงปืนข้าศึกก็ดังไม่หยุด
"ปังงงงงงงงงงง!"
หลังจากทำลายกระท่อมเป้าหมายด้วยระเบิดจนเกิดความสับสนอลหม่าน การหนีตายในป่าลึกก็เริ่มต้นขึ้น ความเร็วคือสิ่งสำคัญที่สุดในการหลบหนีจากเสียงกระสุนที่ตามมาไม่ขาดสาย
การเดินทางอันแสนยากลำบากพาพวกเขาต้องต่อสู้กับความเหนื่อยล้า ท่านได้สั่งให้เดินตามลำธารเพื่อลบร่องรอยเท้า ป้องกันไม่ให้ศัตรูตามรอยได้ง่าย แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนที่ เสียงเกราะไม้ที่ดังขึ้นเป็นจังหวะในป่า ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงความใกล้ชิดของศัตรู แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกทีมอย่างรุนแรง
ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของสหายร่วมรบ ท่านพลเอกพัลลภตระหนักได้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่แค่การต่อสู้กับศัตรูภายนอก แต่เป็นการต่อสู้กับ ศัตรูภายในจิตใจ ท่านต้องต่อสู้เพื่อนำสติของลูกทีมกลับมา
เครื่องบินขับไล่ เอฟ-4 แฟนธอม ทู
"ฟ้าววววววววววว!"
และแล้วช่วงเวลาแห่งการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็มาถึง เมื่อทีมของท่านต้องเผชิญหน้ากับเสียงเครื่องบินขับไล่ เอฟ-4 ที่บินมาทิ้งระเบิดนาปาล์ม ท่านตัดสินใจสั่งการอย่างเด็ดขาดและไม่ลังเล “เราต้องกระโดด!” พวกเขาวิ่งตรงไปยังขอบหน้าผาสูงชันและทิ้งตัวลงสู่ความมืดมิด แสงไฟจากระเบิดที่ลุกโชนด้านบนหน้าผาเป็นพยานถึงการหนีตายที่หวุดหวิดของพวกเขา แม้จะบาดเจ็บและปวดร้าว แต่ทุกนายยังคงมีชีวิตรอด
ท่านนำทีมวางแผนสุดท้าย โดยการใช้การโจมตีเพื่อสร้างความสับสนและเบี่ยงเบนความสนใจของทหารเวียดกง พวกเขามุ่งหน้าสู่แม่น้ำอีกสายหนึ่งท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ซึ่งฝนนี้เองที่เป็นทั้งพันธมิตรและศัตรูไปพร้อมกัน
ในบทสุดท้ายของการผจญภัยในสมรภูมิแห่งนี้ ทีมของท่านต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีครั้งสุดท้ายในหุบเขา
กระสุนดังระงมไปทั่วบริเวณ ท่านนำทีมฝ่าวงล้อมกระสุนออกไปอย่างไม่ลดละ แม้จะมีบาดแผลและเหนื่อยล้าถึงขีดสุด แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ทำให้พวกเขาเดินทางออกจากเขตอันตรายจนถึงพื้นที่ปลอดภัยได้ในที่สุด
ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การรอดชีวิตมาได้นั้น เพราะพวกเขาสู้ถึงสุดความสามารถ
"บิ๊กจิ๋ว" พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ
▶️ศึกในนั้นใหญ่หลวงนัก
หลังสิ้นสุดภารกิจในต่างแดนไปหลายปี ท่านได้กลับมารับราชการทหารอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลายครั้งหลายครา ในปี พ.ศ. 2524 ท่านได้เข้าร่วมใน เหตุการณ์กบฏเมษาฮาวาย ในขณะนั้นท่านมียศเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 ท่านเป็นผู้นำกำลังรถถังกว่า 100 คัน และทหาร 4 กองพัน มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร เพื่อยึดอำนาจรัฐบาล พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ แม้ภารกิจนี้จะไม่สำเร็จ ทำให้ท่านต้องลี้ภัยไปต่างประเทศอยู่ชั่วขณะ
แต่ท่านก็แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดและการกล้าหาญที่จะก้าวเข้าสู่สมรภูมิที่อันตรายที่สุด ท่านกลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปี พ.ศ. 2530
ในเวลาต่อมา ท่านมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ในเหตุการณ์ มัสยิดกรือเซะ ปี พ.ศ. 2547 ท่านได้รับฉายาจาก "บิ๊กจิ๋ว" พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า "แมคอาเธอร์เมืองไทย" จากเหตุการณ์นี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ท่านในฐานะผู้อำนวยการเหตุการณ์ยอมรับในคำสั่งที่นำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ก่อความไม่สงบ 33 ศพ
การกระทำของท่านแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในสถานการณ์ที่รุนแรง
แม้แต่ในวิกฤตการณ์การเมืองที่ซับซ้อน บทบาทของท่านก็ไม่เคยจางหาย ท่านเป็นบุคคลที่คณะรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ. 2549 ติดต่อให้เป็นที่ปรึกษาในคืนวันก่อการ ตลอดจนการเข้าไปมีส่วนร่วมในพรรคการเมือง ซึ่งทำให้ท่านถูกลดบทบาทหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ท่านล้มลง ท่านก็จะลุกขึ้นยืนใหม่ ดุจดัง "แมวเก้าชีวิต" ที่พร้อมจะพลิกผันสถานการณ์อยู่เสมอ
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี
ชีวิตของพลเอก พัลลภ ปิ่นมณี คือเรื่องราวของการต่อสู้ที่ไม่รู้จักจบสิ้นไม่ว่าจะเป็นในป่าลึกของประเทศลาวในยามสงคราม ท่ามกลางกระสุนและระเบิดนาปาล์มจาก F-4 Phantom II หรือในสมรภูมิการเมืองอันซับซ้อนในประเทศไทย ท่านได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติอันโดดเด่นของทหารหาญ ความกล้าหาญที่เด็ดขาด, สัญชาตญาณในการเอาตัวรอด, ความภักดีต่อลูกทีม และที่สำคัญที่สุดคือ ความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าสถานการณ์จะโหดร้ายเพียงใด
เรื่องราวของท่านคือเครื่องพิสูจน์ว่า การจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ได้นั้น ไม่ได้มาจากตำแหน่งหรืออำนาจภายนอกเท่านั้น แต่มาจาก ความแข็งแกร่งทางจิตใจ ที่สามารถเอาชนะความกลัวได้ และ ความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ในเสี้ยววินาทีที่เป็นเรื่องของความเป็นความตาย จงจดจำไว้ว่า ท่ามกลางความมืดมิดของการต่อสู้ แสงสว่างแห่งการรอดชีวิตจะปรากฏขึ้นเสมอ หากเราสู้ด้วยหัวใจ
ชีวิตของท่านพลเอกพัลลภ ปิ่นมณี เป็นดั่งนกตัวหนึ่งที่บินฝ่าแรงลมทั้งการเมืองและสงคราม ทุกบาดแผลที่ได้รับคือเกียรติยศที่แท้จริงที่ไม่ได้ประดับอยู่บนบ่า แต่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณของผู้กล้าหาญ นี่คือเรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ขณะนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อนด้วยกลอนที่ผู้เขียนจัดทำขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน สำหรับวันนี้ก็ขอกราบลาทุกท่าน แล้วพบกันใหม่บทความหน้าสวัสดีครับ
พี่พัลลภ นักรบกล้า แห่งแผ่นดิน
สู้จนสิ้น มิยอมตาย เสียศักดิ์ศรี
ชื่อก้องไกร สนั่นทั่ว ปฐพี
หมู่น้องพี่ สรรเสริญ ท่านยืนยง
บุกฝ่าฟัน ป่าดง ในชาติลาว
หนทางยาว ไกลปานใด ใจไม่หวั่น
สู้ข้าศึก หลบนาปาล์ม พุ่งลงพลัน
ผู้กล้านั้น สู้ต่อไป ด้วยเสียงปืน
รบเวียดกง จับปืนรบ ไม่หวั่นใคร
สู้ด้วยใจ นักรบกล้า อย่าแน่วแน่
นี่ฮีโร่ ที่น้องน้อง ควรเหลียวแล
มิเคยแพ้ การออกลุย สมรภูมิ
พี่พัลลภ หาใช่เพียง เรื่องเล่าลือ
ใจท่านคือ นักรบกล้า ดั่งเสือสิงห์
ผ่านสงคราม สู้ศึกมา เป็นเรื่องจริง
มิได้อิง นิยายเล่า แต่อย่างใด
Credit บทความและภาพประกอบ
โคตรทหาร
Cem Dŏgut
Kridsada Rattanasupa
Wassna nanuam
Thaipost
ไทยมิธ
วิกิพีเดีย
กรุงเทพธุรกิจ
เรียบเรียงโดย : นักรบชายแดน
โฆษณา