9 พ.ย. เวลา 16:28 • ธุรกิจ

จากแนวคิดเล็ก ๆ สู่วงการเกมระดับโลก

เบื้องหลังการเดินทางของสตูดิโอเกมอินดี้สัญชาติสิงคโปร์
สรุปจากการบรรยาย The Art of UNYIELDER: An Indie's Wild Dream to a Spectacle โดย Leslie Ng, Chief Strategy Officer & Creative Director, TrueWorld Studios (Singapore) ที่งาน gamescom asia x Thailand Game Show วันที่ 16 ตุลาคม 2025
1. จุดเริ่มต้นของความฝันและการร่วมมือ
เรื่องราวเริ่มจากกลุ่มผู้ก่อตั้งชาวสิงคโปร์จำนวนห้าคนที่มีใจรักในศิลปะและเกม พวกเขาตั้งสตูดิโออินดี้ขึ้นด้วยความมุ่งมั่นจะสร้างเกมที่สะท้อนเอกลักษณ์ของตนเอง จากการเริ่มต้นทดลองทำต้นแบบ (prototype) ทีมเล็ก ๆ นี้ค่อย ๆ เติบโตจนสามารถดึงดูดนักลงทุนและพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น จนสตูดิโอขยายสู่ทีมงานกว่า 30 คน
ความสำเร็จนี้ไม่ได้มาจากเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากวัฒนธรรมการทำงานที่ให้ความสำคัญกับ “ความสบายใจในการสร้างสรรค์” โดยการจัดสภาพแวดล้อมภายในสตูดิโอให้คล้าย “พื้นที่ Chill” เพื่อให้ทีมศิลปินและนักพัฒนาได้ใช้เวลาคิดและทดลองอย่างอิสระ
2. วิธีคิดแบบ “Water Cooler Talk”: จุดกำเนิดของไอเดียที่ยิ่งใหญ่
หัวใจสำคัญของสตูดิโอคือแนวทางการสร้างไอเดียที่เรียกว่า “Water Cooler Talk” หมายถึงการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการในชีวิตประจำวันระหว่างทีม ซึ่งมักกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดใหม่ ๆ ในเกม แต่ละคนอาจมี “ครึ่งหนึ่งของไอเดีย” อยู่ในใจ และหน้าที่ของทีมคือการช่วยกันค้นหาครึ่งที่เหลือให้ครบ ผ่านการพูดคุยในช่วงพักกลางวันหรือระหว่างการทำงาน วิธีนี้ช่วยให้ทีมซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนอินโทรเวิร์ตได้แสดงออกทางความคิดและร่วมกันต่อยอดจินตนาการ
3. การพัฒนาจากจินตนาการสู่ความเป็นจริง
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือการออกแบบตัวละครเอกของเกม ซึ่งเริ่มต้นด้วยภาพลักษณ์แบบ “แฟนตาซี” แต่เมื่อพัฒนาไปเรื่อย ๆ ทีมพบว่าโทน “อุตสาหกรรม-ไซไฟ” สื่อสารกับเกมโดยรวมได้ดีกว่า จึงเปลี่ยนแนวทางของดีไซน์ทั้งหมดให้เข้ากับบรรยากาศใหม่ ตัวละครเหล่านี้ เช่น Naran หรือ Marie จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเกม และได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้เล่น นอกจากนี้ ทีมยังพัฒนาผลทางด้านเทคนิค เช่น การใช้ shader เพื่อสร้างเอฟเฟกต์แสงและการเคลื่อนไหวในแบบอนิเมะ เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้เกม
4. บทเรียนจากการตลาดและการนำเสนอผลงาน
แม้เกมจะได้รับคำชมในด้านศิลปะและความงามของภาพ แต่ทีมก็ยอมรับว่าในช่วงแรกพวกเขาให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์มากเกินไป และละเลยการอธิบาย “กลไกของเกม” ในสื่อโปรโมชัน เช่น ตัวอย่างวิดีโอหรือเทรลเลอร์ ประสบการณ์นี้ทำให้พวกเขาเรียนรู้ว่าการนำเสนอเกมให้ผู้เล่นเข้าใจ “วิธีเล่น” สำคัญไม่แพ้การโชว์ “ความสวยงาม” ของเกม การตลาดที่ดีจึงต้องถ่ายทอดสารของเกมให้ครบทั้งสองด้าน
5. เส้นทางของนักสร้างเกมและความท้าทายในการเติบโต
เมื่อสตูดิโอขยายจากทีมเล็กเพียงห้าคนเป็นมากกว่า 30 คน ความท้าทายใหม่ก็เกิดขึ้น ทั้งค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและการบริหารคนจำนวนมาก แต่ผู้ร่วมก่อตั้งก็ยืนยันว่าการเติบโตนี้คือก้าวสำคัญในการผลักดันความฝันให้เป็นจริง พวกเขายังแบ่งปันคำแนะนำแก่ศิลปินเกมรุ่นใหม่ว่า การสร้าง “ลายเซ็นของตัวเอง” ต้องเริ่มจาก “ความหลงใหล” และการแบ่งปันไอเดียกับผู้อื่น เพราะเมื่อความคิดสองสิ่งมารวมกัน จะเกิดพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่
6. ศิลปะหรือเกมเพลย์: อะไรมาก่อน?
หนึ่งในคำถามที่ถูกถามบ่อยคือ ควรเริ่มสร้างเกมจาก “ศิลปะ” หรือ “เกมเพลย์” ก่อน ทีมให้คำตอบอย่างชัดเจนว่า แม้เกมแรกของพวกเขาจะเริ่มจากแรงบันดาลใจทางศิลปะ แต่สุดท้ายพวกเขาเรียนรู้ว่าความแข็งแรงของเกมต้องเริ่มจาก “เกมเพลย์” ที่มั่นคง เพราะศิลปะสามารถตกแต่งเพิ่มได้ในภายหลัง แต่กลไกการเล่นที่ดีต้องวางรากฐานตั้งแต่ต้น
7.บทสรุป ศิลปะ แรงบันดาลใจ และความร่วมมือ
เรื่องราวของสตูดิโอเกมอินดี้แห่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความสำเร็จในวงการเกมไม่ได้มาจากทุนมหาศาลหรือเทคโนโลยีล้ำสมัยเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมการสื่อสารภายในทีม และการเรียนรู้จากความผิดพลาด พวกเขาเติบโตจากทีมเล็ก ๆ ที่มีความฝันร่วมกัน จนกลายเป็นหนึ่งในสตูดิโอที่ได้รับการยอมรับในระดับเอเชีย และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสร้างเกมรุ่นต่อไปว่า “ทุกไอเดียเล็ก ๆ สามารถกลายเป็นเกมยิ่งใหญ่ได้ หากมีคนที่เชื่อและร่วมลงมือไปด้วยกัน”
#MATTTORTONG #MT0021
โฆษณา