15 พ.ย. เวลา 07:00 • การศึกษา

ข้อบกพร่องของตัวละคร เรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ

วันก่อนครับ… มีน้อง ๆ ถามเรามาว่า “พี่ ๆ ตัวละครของเราจำเป็นจะต้องมีข้อบกพร่องมั้ย” ซึ่งเป็นคำถามที่เราว่าดีมากเลยนะ เพราะหลายครั้งหลายทีที่คิดตัวเอกขึ้นมา บางคนมักจะทำให้เขาเป็นคนที่ดูเพอร์เฟ็กต์สุดขั้ว สมบูรณ์แบบสุด ๆ หล่อ รวย เก่งทุกเรื่อง รอบรู้ไปหมด แข็งแรง จิตใจดีมีคุณธรรม มีเสน่ห์น่าหลงไหล ...ซึ่งก็ เอ่อ จะว่าดีมั้ย ก็ดีนะ แต่ว่าเธอดีเกินไปอะ
เวลาเห็นใครที่สมบูรณ์แบบเกินไป บางคนจากที่จะเอาใจช่วยก็พลิกลำกลับกลายเป็นหมั่นไส้ไปก็มีนะ หรือบางครั้งไอ้ความดีเกินไปเนี่ย มันก็ทำให้เรื่องของเราน่าเบื่อได้เหมือนกัน
งั้นเรามาดูกันก่อนว่า ความบกพร่องที่ว่าเนี่ยมันคืออะไร
ความบกพร่องก็คืออะไรก็ตามที่ทำให้ตัวละครของเราเกิดความไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งส่วนใหญ่เราแบ่งออกเป็นสองอย่างเวลาเราคิดตัวละครนะ คือ ความบกพร่องทางกายภาพ กับ ความบกพร่องทางจิตใจ ซึ่งไอ้ทั้งสองแบบนี่ล่ะที่มันพาให้ตัวเอกมีเงื่อนไขที่ทำให้คนดูหรือคนอ่านของเราต้องลุ้น
มาว่ากันด้วยเรื่องจุดอ่อนหรือข้อด้อยของตัวละครที่เป็นเงื่อนไขกัน
ความบกพร่องทางกายภาพ 🧏‍♂️
ไอ้ทางกายภาพเนี่ยมันจะสร้างเงื่อนไขที่เด่นชัดขึ้นมาเลยครับ เป็นสิ่งที่เรามองเห็นได้ เช่น สูง ต่ำ ดำ เตี้ย ขาว อะไรแบบนี้เป็นข้อด้อยได้หมดอยู่ที่บริบทแวดล้อม เพราะอะไรที่มันมากเกินไป จากข้อเด่นก็กลายเป็นข้อด้อยได้หมด
สมมติว่าคนอื่นเตี้ยกันหมด ตัวเอกของเราสูงมากอยู่คนเดียวนี่ก็กลายเป็นข้อด้อยข้อบกพร่องได้เหมือนกัน ไม่ได้จำเป็นว่าเตี้ยคือข้อด้อยอย่างเดียวครับ หรือจะเป็นข้อด้อยทางกายภาพแบบที่ด้อยจริง ๆ เช่นความพิการบางอย่างก็เป็นจุดอ่อนที่ดีได้ ความพิการทางร่างกายที่เห็นได้ชัดมันจะสร้างเงื่อนไขบางอย่างให้กับการรับรู้ของคนดูได้ทันที อยู่ที่ว่าเราจะเอาส่วนนี้ไปใช้อย่างไรให้มีประโยชน์กับเนื้อเรื่องของเราได้บ้าง
เราลองเอาเงื่อนไขความบกพร่องไปเป็นอุปสรรคให้เป้าหมายดู เช่น ตัวละครของเราต้องเล่นฟุตบอลแต่เราเห็นว่าเขาพิการขาด้วนข้างนึง อย่างนี้ก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่า “เฮ้ย เขาจะเล่นฟุตบอลได้ยังไงนะ” มันเป็นการตั้งคำถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ เขาจะทำยังไง” เราได้ทั้งลุ้น เอาใจช่วย และอยากติดตามต่อ
 
ความบกพร่องทางจิตใจ 🫀
ส่วนนี้เป็นจุดอ่อนและข้อด้อยได้เช่นเดียวกัน แล้วตัวเราเองก็ใช้สิ่งนี้เป็นส่วนสำคัญมาตลอดครับ โดยเราแบ่งมันออกเป็นสองแบบชัด ๆ นั่นก็คือ
แบบแรก คือการเป็นจุดอ่อนจริง ๆ
มันมีสิ่งที่เขากลัว เขาเกลียด เขาไม่อยากทำ สิ่งที่กระทบต่อจิตใจและอาจส่งผลไปสู่ร่างกายของเขา มันขัดขวางเขาได้เสมออย่างเช่น โดราเอมอนกลัวหนู ดร.อินเดียน่า โจนส์กลัวงู อันนี้ดูเป็นรูปธรรมที่เราเห็นได้ชัดซึ่งมันเกิดขึ้นจากจิตใจเนอะ แต่ที่แน่ ๆ ทุกคนกลัว และมันขัดขวางเขาได้สำเร็จ
แบบที่สอง มันเป็นนิสัยเสียของเขา
นิสัยเสียที่ว่านี้มักทำให้เกิดเรื่องแย่ ๆ เกิดความขัดแย้ง ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และที่สำคัญมันมักจะขัดขวางเขาไม่ให้เขาบรรลุเป้าหมายนั่นเองครับ และหากเขาอยากบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ เขาต้องกำจัดนิสัยเสียอันนี้ของเขาทิ้งไป เช่น เขาอยากเรียนเก่ง แต่นิสัยเสียของเขาคือ ขี้เกียจ เขาอยากมีครอบครัวที่เข้าใจเขา แต่เขาเป็นคนเอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เขาอยากได้รับความรักจากเพื่อน ๆ แต่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว
อะไรแบบนี้ครับ น่าจะเห็นภาพมากขึ้นเนอะ มันทำหน้าที่คล้ายกับข้อบกพร่องก่อนหน้านี้ คือมันเป็นเงื่อนไขที่มาทำให้คนดูเกิดอาการอยากรู้ว่า เอ๊ะ แล้วเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อนะ
แต่ว่าครับ เรื่องนิสัยเสียนี่ทำงานในแง่ลึกได้มากกว่านั้น เพราะมันสามารถทำให้ตัวละครของเรา “เกิดใหม่” ได้ด้วย เรารู้กันอยู่แล้วนะครับว่า พัฒนาการของเรื่องเกิดจากตัวละครมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่เกิดขึ้นจากภายในทำให้ตัวละครของเราเข้าสู่ภาวะการเกิดใหม่ นั่นคือการที่นิสัยเสียของเขาถูกกำจัดออกไปครับ
ในเรื่องราวเรื่องหนึ่ง ตัวละครของเราที่มีนิสัยเสียคอยขัดขวางให้เขาไม่สามารถไปถึงสิ่งที่เขาปราถนาได้ จนมันมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาต้องทำบางสิ่งให้สำเร็จ และแน่นอนนิสัยเสียของเขาก็จะขวางเขาเหมือนเดิม มันอาจจะทำให้เกิดปัญหา เกิดความขัดแย้ง ไปจนถึงเกิดวิกฤติ ทำให้เขาตกต่ำและตรงนั้น เขาได้ตระหนักถึงนิสัยเสียอันนั้น จึงตัดสินใจจะเอาชนะและกำจัดมัน เมื่อเขาทำสำเร็จ นั่นคือเขากลายเป็นคนใหม่จากการทำลายนิสัยเสียของเขา เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ตัวละครได้เกิดใหม่” นั่นเอง
และถ้าเราเห็นแล้วว่ากลไกมันเป็นแบบนี้ หากเราลองเอา Theme เรื่องมาทำให้กลายเป็นข้อเสียของตัวละคร เมื่อเขาผ่านเรื่องราวมาจนถึงจุดที่เขาได้เรียนรู้ เขาจะเห็นประโยค Theme ของเรา และจะเปลี่ยนความเชื่อมาเป็นเหมือนกันกับ Theme เรื่องที่เราได้วางเอาไว้ และถ้าตัวละครเห็น คนดูหรือคนอ่านก็จะได้เห็นมันด้วยครับ นั่นทำให้ Theme ของเราเด่นชัดและเฉิดฉายโดยที่ตัวละครไม่จำเป็นต้องพูดแก่นสารนี้ออกมาเลย
เช่น Theme คือ สามัคคีคือพลัง
เราจะสร้างตัวละครที่เอา “สามัคคีคือพลัง” ไปเป็นข้อบกพร่องหรือเป็นนิสัยเสียของเขา ดังนั้นเราจะสร้างให้เขาเป็นคนชอบโชว์เดี่ยว ไม่เชื่อในความคิดของคนอื่น เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
ในเรื่องเราอาจจะให้เขาต้องทำภารกิจเป็นทีม แต่เขาไม่เคยฟังความเห็นของใครเลย นั่นทำให้เกิดปัญหาทีมแตก งานไม่สำเร็จ และอาจจะโดนทีมแบนทั้งทีม แต่ความปรารถนาที่อยากจะได้เลื่อนขั้นยังมีอยู่ เขาตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาทำมันทำให้เกิดปัญหาและมันแก้ได้ที่ตัวเขาเอง เขาใช้โอกาสสุดท้ายนี้ในการเปลี่ยนวิธีการ ลองรับฟังมากขึ้น เชื่อใจคนอื่นมากขึ้นในที่สุดทีมของเขาก็ทำภารกิจได้สำเร็จ ทุกคนเชื่อใจเขา เขาเปลี่ยนไปและได้เรียนรู้ว่าสามัคคีคือพลังจริง ๆ เขาได้เกิดใหม่เป็นอีกคนนึงแล้วค่อย ๆ ได้เลื่อนขั้น
แบบนี้คนดูหรือคนอ่านจะเข้าใจสารที่ผู้สร้างตั้งใจทำออกมา ดูเรื่องทั้งหมดนี้แล้วเก็ตทันทีว่าสามัคคีคือพลัง
ข้อบกพร่องของตัวละครเองก็คือพลัง และมันก็สำคัญมากเช่นกันครับ
ขอให้มีความสุขในการสร้างเรื่อง มันก็จะประมาณนี้ล่ะครับ
โฆษณา