10 พ.ย. เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”

ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ (10 พ.ย.) เปิดตลาดที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 32.34 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ (10 พ.ย.) เปิดตลาดที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 32.34 บาทต่อดอลลาร์
โดยตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) กลับมาอ่อนค่า หลังไม่สามารถแข็งค่าทะลุแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 32.32–32.45 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเช้าวันนี้ (10 พ.ย.) เปิดตลาดที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 32.34 บาทต่อดอลลาร์
ท่ามกลางแรงซื้อทองคำในจังหวะราคาย่อตัว และราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง ซึ่งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ ขณะเดียวกัน ราคาทองคำเริ่ม รีบาวด์ขึ้นเล็กน้อย หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมหาวิทยาลัยมิชิแกน เดือนพฤศจิกายน ที่ลดลงสู่ระดับ 50.3 จุด ต่ำกว่าคาด หนุนให้ตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันนี้ เงินดอลลาร์กลับมาฟื้นตัวบางส่วน จากความหวังว่าวิกฤตชัตดาวน์สหรัฐฯ อาจยุติลงในเร็ววัน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก
ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ตลาดจับตาความคืบหน้าการเจรจางบประมาณ หลังภาวะ Government Shutdown ยังคงยืดเยื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น CPI, PPI และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ต้องเลื่อนออกไป
นักลงทุนจึงรอฟัง ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในระยะต่อไป รวมถึงติดตาม ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดเล็ก (NFIB) เดือนตุลาคม ที่จะช่วยสะท้อนแนวโน้มภาคเอกชน
อย่างไรก็ตาม หากภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อไปถึงช่วง Thanksgiving และคริสต์มาส, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการใช้จ่ายอาจได้รับผลกระทบหนักขึ้น
เศรษฐกิจยุโรป
ติดตามสัญญาณจาก ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ BOE ในเดือนธันวาคม
ล่าสุด BOE คงดอกเบี้ยที่ 4.00% แต่มีแนวโน้ม “Dovish Hold” หลังเจ้าหน้าที่หลายรายเริ่มสนับสนุนการลดดอกเบี้ย โดยตลาดประเมินโอกาสลดดอกเบี้ยไว้สูงถึง 71%
เศรษฐกิจจีน
ตลาดเอเชียจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนเดือนตุลาคม ทั้งยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม และการลงทุนสินทรัพย์ถาวร ซึ่งหากออกมาดีกว่าคาด จะช่วยหนุนบรรยากาศเชิงบวกในตลาดการเงินจีน และอาจช่วยให้ เงินหยวน (CNY) แข็งค่าขึ้น โดยก่อนหน้านี้ CPI เดือนตุลาคมของจีน ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้
เศรษฐกิจไทย
นักลงทุนในประเทศรอลุ้นรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนตุลาคม ซึ่งจะสะท้อนภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศช่วงโค้งสุดท้ายของปี
แนวโน้มค่าเงินบาท
Krungthai GLOBAL MARKETS ประเมินว่า เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังแรงอ่อนค่าชะลอลงตามดอลลาร์ โดยกรอบการเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้อยู่ที่ 32.20–32.70 บาทต่อดอลลาร์ และในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดเคลื่อนไหวระหว่าง 32.30–32.50 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยงแบบ Two-way risk ทั้งแข็งและอ่อน ขึ้นอยู่กับมุมมองของตลาดต่อการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงพัฒนาการของวิกฤตชัตดาวน์สหรัฐฯ
ในภาพรวม Krungthai มองว่า หากเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยได้จริงตามสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงาน เงินดอลลาร์จะมีแนวโน้มอ่อนลง และส่งผลบวกต่อการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงปลายปี ซึ่งยังได้แรงหนุนจาก ไฮซีซั่นท่องเที่ยวไทยด้วย
ทั้งนี้ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุแนวต้าน 32.65–32.75 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน จะถือเป็นสัญญาณกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้ง
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา