11 พ.ย. เวลา 08:44 • การเมือง

ขาที่ 7 เกิดขึ้นแล้ว! จะรบหรือจะรอ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน เมื่อวานนี้มีประเด็นร้อนที่ทำให้ชาวไทยหลายต่อหลายท่านไม่พอใจถึงสุดขีด เมื่อทหารไทยนายหนึ่งไปเหยียบกับระเบิดเป็นรายที่ 7 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ จนถึงขณะนี้สถานการณ์กลับมาเข้าสู่สภาวะเตรียมพร้อมสำหรับทำการรบอีกครั้ง ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้ครับ
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจากที่เงียบๆไม่มีการใช้อาวุธตอบโต้มาหลายเดือน ก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังเกิดข่าวที่น่าตกใจเมื่อ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดเพิ่มอีก 1 นาย ขณะปฏิบัติการลาดตระเวน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ตรงข้ามกับปราสาทเขาพระวิหาร ทหารที่บาดเจ็บคือ จ่าสิบเอก เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ซึ่งได้รับบาดเจ็บบริเวณขาขวา โดยมีทหารอีกนายหนึ่งที่มีอาการแน่นหน้าอก ถูกลำเลียงส่งโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งคือ นี่ถือเป็น ครั้งที่ 7 แล้ว ที่ทหารไทยต้องเสียขาจากการเหยียบกับระเบิดในปีนี้ ครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงสิงหาคม รวม 6 ครั้งในหลายพื้นที่ เช่น ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี, ช่องอานม้า, ปราสาทตาควาย, และปราสาทตาเมืองธม การเกิด "ขาที่ 7" นี้ได้นำไปสู่การตอบโต้ทางการเมืองและความมั่นคงในระดับสูงของประเทศไทยทันที
หลังเกิดเหตุ "บิ๊กเล็ก" พลเอก ณัฐพงษ์ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำลังอยู่ระหว่างเยี่ยมชมงาน Defence & Security 2025 ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างเขาพระวิหารกับภูมะเขือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยกำลังผลักดันกัมพูชาออกไป ประเด็นสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นของใหม่หรือของเก่า
Gripen ที่นำมาตั้งแสดงในงาน Defence & Security 2025
แม้การตรวจสอบจะยังไม่เสร็จสิ้น แต่ พลเอก ณัฐพงษ์ ได้เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นจาก พลโท วีรยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 ว่า คาดว่าน่าจะเป็นทุ่นระเบิดใหม่ หากผลการพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่จริง ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ท่าทีของกระทรวงกลาโหมมีความชัดเจนว่า:
1. จะทำหนังสือประท้วงทันที โดยกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการ
2. จะหยุดการปฏิบัติการลงนามที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพไว้ก่อน หรือที่เรียกว่า "เชลยศึก" (การเจรจาสงบศึก)
3. หากพิสูจน์ทราบว่าเป็นการล้ำล้ำอธิปไตยหรือเป็นเจตนา จะต้องมีปฏิบัติการที่ มากกว่าการประท้วง
4. ไทยจะแจ้งเรื่องนี้ไปยังผู้สังเกตการณ์ของสหรัฐอเมริกา (AOT) ซึ่งกำลังอยู่ในพื้นที่แล้ว
ผลกระทบที่สำคัญที่สุดจากเหตุการณ์ "ขาที่ 7" คือการตัดสินใจของ นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ท่านยืนยันว่า ท่านเห็นด้วยและสนับสนุนการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม
ท่านนายกฯ ระบุว่าในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า ความเป็นปฏิปักษ์และความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติไม่ได้ลดลง แม้ว่าไทยและกัมพูชาจะเคยลงนามในเรื่องของสันติภาพร่วมกันที่มาเลเซีย โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวกลางในเจรจา ดังนั้น
"สิ่งที่มันเกิดขึ้นนี้ ทำให้ความเป็นปฏิปักษ์ที่เราคิดว่ามันจะลดลงไปต่อความต่อความมั่นคงของชาติ มันไม่ได้ลด เมื่อมันไม่ได้ลด เราก็ดำเนินการอะไรนอกเหนือจากนี้ไม่ได้"
ด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงสันติภาพรวมถึงการส่งตัวเชลยศึกจึงถูกยกเลิกและเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ท่านนายกฯ ระบุชัดเจนว่า "ทุกอย่างต้องหยุด"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์นี้ทำให้ท่าน ต้องปรับกำหนดการทั้งหมด โดยจะมีการประชุมหน่วยงานความมั่นคง และจะบินด่วนไปเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ในวันที่ 11 พฤศจิกายน จากนั้นจะเดินทางไปยังพื้นที่ห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ และเป็นประธานในการประชุมเพื่อหารือแนวทางการหยุดปฏิญญาสันติภาพที่เคยลงนามไว้
สถานการณ์หลัง "ขาที่ 7" จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญจากที่ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาเคยดูเหมือนจะดีขึ้นและสงบลง แต่การบาดเจ็บของทหารจากการเหยียบทุ่นระเบิดในครั้งนี้ ได้ทำให้อนาคตของการสงบศึกถูกแขวนไว้บนความไม่แน่นอน รัฐบาลไทยกำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อพิสูจน์ว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นเจตนาใหม่เพื่อลุกล้ำอธิปไตยหรือไม่ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางว่าจากนี้ไป ไทยจะต้อง "รบ" หรือ "รอ" การเจรจาก็ต้องติดตามกันต่อไป
ไวกว่าเอฟ-16 ก็ข่าวจากพี่เล็กเจ้าเก่าเจ้าเดิมเช่นเคย วันนี้พี่เล็กโพสต์ในเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam รายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดจากรัฐบาลว่า นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา
โดยระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นในผืนแผ่นดินไทย พร้อมแจ้งที่ประชุม ครม. ถึงผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยที่ประชุม สมช. มีมติให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศ “ระงับการดำเนินการตามถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration)” ที่ได้ลงนามไว้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าสถานการณ์ความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะคลี่คลายลง
วันที่ 27 นี้ท่านนายกฯจะไปชมสมรรถนะ Gripen
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเพิ่มมาตรการทางทหารอย่างเข้มงวด เพื่อพิทักษ์รักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดน
นอกจากนี้ ท่านได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการทักท้วงทางการทูต และสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้สังเกตการณ์
ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา
เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดซักซ้อมแผนรองรับกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
อีกทั้งยังมีการกล่าวเพิ่มเติมว่าท่านนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารของไทยประสบอุบัติเหตุจากการเหยียบกับระเบิดเมื่อวานนี้ โดยได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ยุติการดำเนินการตามปฏิญญาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ก่อน
โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นประท้วงประเทศกัมพูชาแล้ว หากไม่มีการชี้แจงหรือแสดงท่าทีใด ๆ ไทยจะพิจารณายกเลิกปฏิญญาต่อไป หากจำเป็นต้องมีมาตรการทางทหาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะดำเนินการได้ตามสมควรตามการสั่งการของท่านนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังขอให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องทบทวนมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับประเทศกัมพูชา เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะเสนอ ครม. เกี่ยวกับการปรับปรุงมาตรการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมการซักซ้อมมาตรการอำนวยความสะดวก กรณีมีเหตุจำเป็นสำหรับประชาชน ทั้ง 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดต่อกับกัมพูชา และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ ดูแลโรงพยาบาลต่าง ๆ ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดโดยเฉพาะการปกป้องโรงพยาบาลและการอพยพผู้ป่วย หรือเตรียมแผนการรองรับสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น รวมถึงโรงเรียนและชุมชน หมู่บ้านที่มีความเสี่ยงสูงด้วย
จ่าสิบเอกเทอดศักดิ์ สมาพงษ์
หลังจากการประชุมครม.ช่วงเช้าวันนี้ (11 พฤศจิกายนพ.ศ.2568) มีข่าวจาก PPTV รายงานเข้ามาว่า "นายกฯ บิน "ศรีสะเกษ-อุบลฯ" ขึ้นฐานภูมะเขือให้กำลังใจทหารแนวหน้า"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยสวมชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) พร้อมด้วยพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ออกเดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 162 (ร.16 พัน.2) ที่ฐานปฏิบัติการห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ
จากนั้นนายกฯและคณะเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน และตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองพันทหารราบที่ 11 ก่อนที่นายกฯ และคณะจะเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ตำบลแสนสุข อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ห้วยตามาเรียน ก่อนจะเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ ในเวลา 18.45 น.
ส่วนล่าสุดทางเพจเฟสบุ๊คเนชั่นสุดสัปดาห์ Nation Weeked รายงานถึงอาการของจ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ว่าขณะนี้ท่านกำลังเจ้ารับการผ่าตัดรอบ 2 หลังพบอาการติดเชื้อจากแผลเหยียบทุ่นระเบิด
ปัจจุบันจ่าสิบเอกเทิศศักดิ์กำลังอยู่ในระหว่างรักษาตัว
ไม่ได้มีเพียงทหารไทยนายเดียวที่เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรอบฐานปฏิบัติการ "ห้วยตามาเรีย" ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 4 นาย คือ
1.จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ตำแหน่งสนาม ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก (ผบ.มว.ปล. ) ได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าขวาขาด
2.พลทหาร วชิระ พันธะนา ตำแหน่งในสนาม พลกระสุนที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงอัดระเบิด
3.พลทหาร อภิรักษ์ ศรีชมไชย ตำแหน่งในสนาม พลยิง M203 ได้รับบาดเจ็บ โดนสะเก็ดระเบิดเข้าที่น่องขาขวาจำนวน 2 รู
4.พลทหาร อนุชา สุจารี ตำแหน่งในสนามพลปืนเล็ก ได้รับบาดเจ็บ ฝุ่นหรือสารเคมีจากระเบิดเข้าตา
ล่าสุด แพทย์นำตัว จ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ เข้าห้องผ่าตัดรอบ 2 หลังพบอาการติดเชื้อที่บาดแผลจากแรงระเบิดตามที่รายงานไปเมื่อสักครู่ โดยท่านยังคงกำลังใจดี ขณะเดียวกันที่ปรึกษาผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจพร้อมดูแลสวัสดิการแก่กำลังพลทุกนาย
ขณะที่ช่วงค่ำวันนี้นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย จะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่บาดเจ็บด้วย
นี่คือการรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนผ่านบทความฉบับนี้ หากมีความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะรายงานให้ท่านได้ทราบกันต่อไป จนถึงขณะการที่มีข่าวว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิด ทำให้ผู้เขียนอดคิดไม่ได้เรื่องที่เครื่องบินขับไล่ Gripen หรือ เครื่องบินขับไล่ F-16 จะต้องหวนคืนสู่สนามรบอีกครั้งในช่วงที่ตึงเครียดเช่นนี้
หากรอบ 2 บานปลายเป็นสงครามอาจถึงทีของ F-16 หรือไม่อยู่ที่ระดับของสถานการณ์นับจากนี้
ผู้เขียนเห็นมีข่าวจากวงในว่าท่านนายกฯท่านจะเดินทางไปชมเครื่องบิน Gripen ในการทดสอบและประเมินค่าการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีที่จะจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้โดยท่านจะใส่ชุดนักบินสีเขียวมะกอกเข้าร่วมงานนี้ด้วยตัวเอง หากมีความคืบหน้าเรื่องนายกฯไปชมสมรรถนะ Gripen จะนำมารายงานให้ทราบในโอกาสหน้า วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
Darren Rose
RTAF
คำคมทหาร
ข่าวทหาร
เนชั่นสุดสัปดาห์ Nation Weeked
Airlinesweek
The Reporters
เรียบเรียงโดย : THUNDERBIRD
โฆษณา