Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คุณน้าพาเทรด
•
ติดตาม
11 พ.ย. เวลา 09:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ปรับโครงสร้างหนี้ ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!
อ่านเพิ่มเติม
tradewithauntie.com
ปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม? ใครเป็นหนี้ต้องอ่าน!
เมื่อภาระหนี้สินรุมเร้า การปรับโครงสร้างหนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยต่อลมหายใจ ซึ่งปรับโครงสร้างหนี้ เสียประวัติไหม แล้วมีกี่รูปแบบ ไปหาคำตอบกัน
ปรับโครงสร้างหนี้ คืออะไร?
การ “ปรับโครงสร้างหนี้” คือการที่เจ้าหนี้ (เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน) และลูกหนี้ตกลงกันใหม่เรื่องเงื่อนไขการชำระหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้ยังสามารถจ่ายหนี้ได้ต่อไปจนหมด โดยไม่ต้องผิดนัดหรือถูกฟ้องร้อง แม้อาจใช้เวลานานขึ้นก็ตาม
พูดง่าย ๆ คือ เป็นการ “ปรับแผนผ่อนหนี้” ให้เหมาะกับสภาพการเงินของลูกหนี้ในตอนนี้นั่นเอง เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังเจอปัญหาทางการเงิน เช่น รายได้ลดลง เจ็บป่วย หรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ชำระหนี้ไม่ไหวเหมือนเดิม
6 รูปแบบการปรับโครงสร้างหนี้ที่คนนิยมใช้
ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่ารับมือกับค่าใช้จ่ายไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ลองมาดูตัวเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ที่คนมักใช้กันบ่อย ๆ มีทั้งหมด 6 แบบค่ะ 👇
1. เปลี่ยนประเภทหนี้
คือการเปลี่ยนหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงให้เป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยต่ำลง เช่น เปลี่ยนจากบัตรเครดิตที่คิดดอกเบี้ยราว 16% ต่อปี ไปเป็นสินเชื่อแบบผ่อนรายงวด (Term Loan) ที่มีอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่า
ข้อดี:
ผ่อนจ่ายเท่ากันทุกเดือน ระยะเวลาชัดเจน และดอกเบี้ยรวมถูกลง
2. รีไฟแนนซ์ (Refinance)
คือการปิดหนี้เก่า แล้วไปกู้หนี้ใหม่กับเจ้าหนี้รายอื่นที่ให้เงื่อนไขดีกว่า เช่น ดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือระยะเวลาผ่อนนานขึ้น มักทำกับหนี้บ้าน แต่ก็สามารถใช้กับหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดได้เหมือนกัน
ข้อดี:
ช่วยลดดอกเบี้ยระยะยาว เหมาะกับคนที่อยากให้ยอดผ่อนรายเดือนลดลง
3. ขอ “ลดดอกเบี้ยชั่วคราว”
กรณีที่เจอปัญหาการเงินแบบกะทันหัน สามารถเจรจาขอลดอัตราดอกเบี้ยลงชั่วคราวได้ เช่น 3–6 เดือน เพื่อให้มีเวลาหายใจและไม่ผิดนัดชำระ
ข้อดี:
ลดภาระรายเดือนในช่วงสั้น ๆ และช่วยให้ประวัติสินเชื่อยังดีอยู่
4. ขอ “พักชำระเงินต้น”
คือการขอหยุดจ่ายเงินต้นชั่วคราว แต่ยังคงจ่ายดอกเบี้ยอยู่ ส่วนใหญ่จะให้พักได้ราว 3–6 เดือน
ข้อดี:
ช่วยลดภาระรายเดือน เหมาะกับคนที่หมุนเงินไม่ทันแต่มั่นใจว่าจะกลับมาชำระได้ในอนาคต
5. ขอ “ขยายเวลาในการชำระหนี้”
ขอเพิ่มระยะเวลาในการผ่อนชำระออกไป เช่น จาก 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่อให้ยอดผ่อนรายเดือนลดลงและเงินหมุนคล่องขึ้น
ข้อดี:
ผ่อนเบาลงต่อเดือน ทำให้สภาพคล่องดีขึ้น
ข้อเสีย:
ระยะเวลาผ่อนยาวขึ้น ดอกเบี้ยรวมอาจเพิ่มขึ้นด้วย
6. Haircut (ลดหนี้บางส่วน)
เป็นการเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อลดจำนวนหนี้ที่ต้องจ่าย เช่น ลดเงินต้นหรือลดดอกเบี้ย โดยลูกหนี้จะชำระเป็นเงินก้อนเพื่อปิดบัญชีให้จบในครั้งเดียว
ข้อดี:
ปิดหนี้ได้เร็ว ไม่ต้องกังวลดอกเบี้ยสะสม แม้เจ้าหนี้จะได้เงินคืนไม่เต็มจำนวน แต่ก็ช่วยให้ลูกหนี้หลุดจากวงจรหนี้ได้จริง
สรุป
การปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และไม่ใช่แค่ “คนล้มละลาย” เท่านั้นถึงจะทำได้ แต่เป็นวิธีที่ช่วยให้คุณจัดการหนี้ได้อย่างมีระบบ ลดภาระ และกลับมามีสภาพคล่องทางการเงินอีกครั้งได้อย่างมั่นคง
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย