11 พ.ย. เวลา 18:17 • การเมือง

อีกไม่นานเราจะมี Gripen ฝูงใหม่

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงที่มีข่าวทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดเป็นรายที่ 7 มันมาตรงกับช่วงที่มีการปรากฎภาพของแบบจำลอง Gripen E มาจัดแสดงในงาน Defence & Security 2025 ซึ่งเป็นงานที่จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งในและนอกประเทศที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แบบจำลอง Gripen E ที่ว่านี้มีขนาด 1/1 เท่าเครื่องบินจริงที่กองทัพอากาศไทยกำลังรับมอบเร็วๆนี้ เรื่องราวของ Gripen E ผู้เขียนเคยนำเสนอไปหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้จึงต้องขอนำเสนออีกครั้งเพื่อตามกระแสที่ชาวไทยไปยลโฉมเครื่องบินแบบนี้ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เนื้อหาจะเป็นเช่นไร ไปติดตามกันได้ครับ
"ประเทศไทยเป็นของเรา ที่ที่เรายืนอยู่คือประเทศไทย ใครจะมาแอบอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนของไทยไม่ได้ แต่ว่าวันนี้การที่จะพูดเรื่องนี้ เราถือว่าสิ่งที่เราได้มีข้อตกลงกันไว้ เพื่อจะเดินไปสู่การมีสันติภาพมันจบลงแล้ว จากนี้ไปรัฐบาลไทยจะดำเนินการในสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นประโยชน์สำหรับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะทำโดยที่ไม่ต้องไปหารือหรือขออนุญาตใคร"
"ขณะนี้ 4 ข้อในปฏิญญา ประเทศไทยจะไม่ปฏิบัติแล้ว และจะกำหนดแนวทางดำเนินการของตัวเอง โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนข้อกำหนดต่างๆ และการดำเนินการของกองทัพอย่างเต็มที่"
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์หลังเยี่ยมฐานปฏิบัติการอินทุมาน (ภูมะเขือ) เมื่อวันนี้ (วันที่ 11 พฤศจิกายนพ.ศ.2568)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศกำลังจับตามองท่าทีของกองทัพว่าจะใช้การปฏิบัติการทางทหารหรือไม่ต่อกัมพูชา ในขณะเดียวกันก็มีการปรากฏตัวของเครื่องบินจำลอง หรือ Mockup ของเครื่องบินขับไล่ Gripen E ในงาน Defense & Security 2025 ที่เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน
ได้ตอกย้ำถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญของกองทัพอากาศไทย เพราะการนำเครื่องจำลองนี้มาจัดแสดงโดยบริษัทซ๊าบ (Saab) จากสวีเดน เกิดขึ้นภายหลังจากที่ กองทัพอากาศไทยได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อ เครื่องบินขับไล่ Gripen E และ Gripen F ไปเรียบร้อยแล้ว
การลงทุนของซ๊าบในการขนส่งเครื่องบินจำลองนี้ ซึ่งมีการขนส่งแบบแยกส่วนใส่ตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีค่าใช้จ่ายหลักล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความผูกพันและแนวโน้มการลงทุนที่สำคัญในประเทศไทย เครื่องบินจำลอง Gripen E มีน้ำหนัก 2 ตัน แม้ว่าเครื่องบินจริงจะมีน้ำหนัก 17 ตัน แต่ก็ทำได้เหมือนจริงมาก โดยเฉพาะในส่วนของห้องนักบิน (Cockpit)
งานจัดแสดงนี้ได้รับความสนใจจากผู้นำระดับสูงของไทย โดยมี พลอากาศเอก เสกสรร คันธา (บิ๊กคิม) ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ (บิ๊กเล็ก) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาทดลองนั่งในห้องนักบินจำลอง เจ้าหน้าที่ของซาฟที่เป็นนักบินได้อธิบายถึงความแตกต่างและสมรรถนะที่เหนือกว่าของ Gripen E เมื่อเทียบกับรุ่น Gripen C/D ที่กองทัพอากาศไทยใช้งานอยู่ นอกจากนี้ ประชาชนทั่วไปก็ให้ความสนใจเข้าคิวต่อแถวเพื่อทดลองนั่งในห้องนักบินจำลองนี้ และผู้ที่มานั่งจะได้รับของที่ระลึกเป็นแว่นตาไปพร้อมกัน
Gripen C ที่กองทัพอากาศไทยใช้ในปัจจุบัน
มีรายงานว่า กองทัพอากาศอาจพิจารณา ยืมเครื่องจำลอง Gripen E นี้ไว้ เนื่องจากในปีถัดไปคือพ.ศ. 2569 หรือไม่ก็พ.ศ.2570 กองทัพอากาศจะมีอายุครบรอบ 90 ปี และจะมีการจัดงานแอร์โชว์ ซึ่งคาดว่าอาจจะมีการนำเครื่องบินจำลองนี้และเครื่องจำลองการบิน (Simulator) มาจัดแสดงด้วย
สำหรับเครื่องบินขับไล่ Gripen E ถูกจัดเป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5-5 ซึ่งรับมรดกความสำเร็จมาจากรุ่น C/D ในฐานะเครื่องบินขับไล่ Multi-role Fighter ที่แท้จริง มันยังคงคุณสมบัติหลักคือการมีขนาดเล็ก บำรุงรักษาง่าย และมีค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการต่ำ และถูกออกแบบให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของสวีเดนที่สามารถใช้สนามบินขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งถนนทางหลวง เป็นสนามบินสำรองได้
การพัฒนาสู่รุ่น E/F มุ่งเน้นการแก้ไข ข้อจำกัด ของรุ่น C/D ในประเด็นสำคัญ คือ การบรรทุกอาวุธที่น้อยกว่า และพิสัยการบินที่สั้นกว่าเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 จากประเทศอื่น
เครื่องยนต์จะต่างจาก Gripen ฝูงบิน 701 กองบิน 7 สุราษฎร์ธานีและเหนือกว่ามากเพราะ Gripen E เลือกใช้เครื่องยนต์ General Electric F414GE400 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเครื่องยนต์ของเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet ที่ผลิตโดยสหรัฐฯอเมริกา โดยเครื่องยนต์นี้มีแรงขับสูงสุดเมื่อใช้สันดาปท้าย (Afterburner) เพิ่มขึ้นเป็น 22,000 ปอนด์ รุ่น C/D ที่ฝูงบิน 701 ประจำการนั้นใช้เครื่องยนต์ Volvo RM12 ที่มีแรงขับสูงสุด 18,000 ปอนด์
Gripen C บินโชว์งานวันเด็กพ.ศ.2568 ที่กองบิน 5 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ขนาดของ Gripen E จะมีมากกว่า โดยมีขนาดลำตัวยาวขึ้นเล็กน้อยที่ 15.2 เมตร เมื่อเทียบกับ 14.1 เมตรของ Gripen C ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บเชื้อเพลิงภายในได้มากขึ้นเป็น 7,500 ปอนด์ เทียบกับ 5,000 ปอนด์ในรุ่น C
Gripen E/F มีจุดติดตั้งอาวุธรวม 10 จุด ซึ่งช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดในการติดตั้งอาวุธเมื่อต้องติดตั้งถังเชื้อเพลิงสำรองในรุ่น C/D มันสามารถบรรทุกอาวุธได้สูงสุด 13,000 ปอนด์
สำหรับรัศมีการรบไกลสุดของ Gripen E ถูกอ้างไว้ว่าสูงถึง 800 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 1,500 กม. และสามารถปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรบทางอากาศ (Combat Air Patrol : CAP) ได้นานกว่า 2 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องยาวนานได้มากถึง 8 ชั่วโมง เมื่อมีการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจากเครื่องบินเติมเชื้อเพลิง Airbus A330MRTT+ ที่กำลังจะเข้าประจำการในกองทัพอากาศไทยปีพ.ศ.2572
เทคโนโลยีเทียบชั้นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 เรื่องนี้ SAAB ยืนยันว่าจริง Gripen E/F ได้รับการยกระดับเทคโนโลยีในห้องนักบินอย่างมาก ภายใต้แนวคิด Human Machine Collaboration ห้องนักบิน มีจุดเด่นคือจอแสดงผลหลักแบบสัมผัสขนาดใหญ่ (Wide Area Display) ที่รวมข้อมูลทุกอย่างจากระบบตรวจจับของเครื่องบินและการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่าน Tactical Data Link ดังนั้นลักษณะการออกแบบห้องนักบินนี้จึงเทียบชั้นได้กับ F-35
เรดาร์ AESA (ACTIVE ELECTRONICALLY SCANNED ARRAY ) เป็นรุ่น Leonardo Raven ES05 ที่ทำงานในย่าน X-band ความสามารถที่โดดเด่นคือ ตัวสายอากาศสามารถ ปรับเปลี่ยนทิศทางได้ถึง 100 องศาในแต่ละด้าน ทำให้สามารถติดตามเป้าหมายได้แม้ขณะที่เครื่องบินกำลังเปลี่ยนท่าทางการบิน
ภาพจำลอง Gripen E กองทัพอากาศไทย
ต่อมาคือระบบ IRS ติดตั้งระบบ Skyward G IRST (Infrared Search and Track) ซึ่งเป็นระบบตรวจจับแบบ Passive ระบบนี้ทำให้ Gripen E สามารถปฏิบัติการใน "Silence Mode" โดยการปิดเรดาร์เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่คลื่นสัญญาณให้ฝ่ายตรงข้ามตรวจจับตำแหน่ง
สำหรับระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare: EW) ถูกปรับปรุงให้เป็นระบบใหม่ท่่มีความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์และมีความโดดเด่นที่สามารถปรับแต่งโปรแกรมตอบโต้ให้เข้ากับภัยคุกคามในสนามรบที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา
Gripen E/F สามารถติดตั้งขีปนาวุธและระเบิดของกองกำลังนาโต รวมถึงอาวุธของโลกตะวันตกได้หลากหลายประเภท เช่น : IRIS-T, AIM-9 Sidewinder, A-Darter, MBDA Meteor, AIM-120 AMRAAM, MBDA MICA, AGM-65 Maverick, KEPD 350, RBS-15F, GBU-12 Paveway II, Mark 82, GBU-39 ระเบิดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก
ในปัจจุบัน มีประเทศที่เป็นผู้ใช้งาน Gripen E/F อย่างเป็นทางการคือ สวีเดน ประเทศผู้ผลิต และ บราซิล ซึ่งลงนามจัดหา 36 เครื่องในปีค.ศ.2013 ส่วนผู้ใช้งานรายต่อไปคือกองทัพอากาศโคลอมเบีย กองทัพอากาศเปรู กองทัพอากาศยูเครน
เครื่องบินขับไล่ F-16 ฝูงบิน 102 กองบิน 1 โคราช
ต่อมาเป็นไฮท์ไลท์ที่ถูกจับตามองนั่นคือการที่กองทัพอากาศไทยตัดสินใจจัดหา Gripen E/F เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่กองทัพอากาศไทยได้นำเข้าประจำการตามโครงการ Peace Naresuan ในปี พ.ศ. 2531 เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บในการป้องกันภัยทางอากาศและการโจมตีภาคพื้นดิน
พอมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง F-16 ที่ใครๆคิดว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ที่มีความสามารถสูงในการป้องกันประเทศ เริ่มก้าวเข้าสู่บั้นปลายชีวิต ตรงกับสัจธรรมที่ว่า "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป" คนเราแม้จะอายุน้อยหรืออายุมาก ทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว ย่อมหนีไม่พ้นความจริงจากสัจธรรมนี้ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ ฉะนั้น F-16 ฝูงบิน 102 กองบิน 1 โคราชที่ใช้แพนหางรูปดาวตามภาพหน้าปกบทความนี้ก็เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา
นับจากนี้บทบาทของ Gripen E พร้อมสัญลักษณ์รูปดาวที่แพนหางดิ่งจะมาสานต่องานที่ F-16 เคยทำไว้ โฉมหน้านักบิน Gripen E ชุดแรกจะเป็นเช่นไร ขอให้ทุกท่านโปรดรอติดตามได้ในอนาคตนับจากนี้
Gripen ขณะบินโชว์งาน 88 ปีกองทัพอากาศ
ข้อมูลจำเพาะ กริพเพน E
ลูกเรือ: 1 นาย (รุ่น E), 2 นาย (รุ่น F)
ความยาว: 15.2 เมตร
ความกว้างช่วงปีก: 8.6 เมตร
ความสูง: 4.5 เมตร
พื้นที่ปีก: 31.0 ตร.ม.
น้ำหนักตัวเปล่า: 8,000 กก.
น้ำหนักบรรทุกปกติ: 10,500 กก.
น้ำหนักสูงสุดในการขึ้นบิน: 16,500 กก.
เครื่องยนต์: เทอร์โบแฟน F414-GE-39E ให้แรงขับ 64 กิโลนิวตันเมื่อขับแห้ง, 98 กิโลนิวตันเมื่อสันดาปท้าย
ความเร็วสูงสุด:
มัค 2.0 (2,100 กม/ชม.) ที่ระดับห้าหมื่นฟุต
มัค 1.25 (1,500 กม/ชม.) ที่ระดับน้ำทะเล
เพดานบิน: 16,000 เมตร (52,000 ฟุต)
อัตราไต่: 254 เมตร/วินาที
พิสัยการรบ: 1,500 กม. (ภารกิจโจมตีภาคพื้นดิน)
พิสัยบินสูงสุด: 4,000 กม. (พร้อมถังเชื้อเพลิงเสริม)
ระยะทางวิ่งขึ้นบิน: 500 เมตร
ระยะทางวิ่งลงจอด: 600 เมตร
ระบบอาวุธ
ปืนใหญ่อากาศ: Mauser BK-27 ขนาด 27 มม. จำนวน 1 กระบอก บรรจุ 120 นัด (มีเฉพาะรุ่นที่นั่งเดี่ยว)
ตำบลติดอาวุธ: 10 จุด บรรทุกได้รวม 7,200 กิโลกรัม (15,900 ปอนด์)
มิสไซล์ที่ใช้ได้เพิ่มเติมจาก C/D ได้แก่ RBS-15 Mk.4 Gungnir, SPEAR 3 และ Brimstone
ระเบิดที่ใช้ได้เพิ่มเติมจาก C/D ได้แก่ SDB I (GBU-39/B) และ SDB II (GBU-53/B)
สามารถติดตั้งกระเปาะก่อกวนโจมตีสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แบบ Saab Arexis EAJP
เรดาร์: Leonardo PS-05/A Raven (AESA)
เครื่องบินขับไล่ Gripen กองทัพอากาศไทยขณะทำการบินทดสอบ
การนำแบบจำลองเครื่องบินขับไล่ Gripen E มาจัดแสดงที่เมืองทองธานี ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตั้งแสดงเพื่อให้ทหารหรือประชาชนชาวไทยได้ขึ้นไปลองนั่งในห้องนักบินเท่านั้น หากแต่เป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศใดที่รุกรานว่าหาก Gripen E เข้าประจำการเมื่อใด กองทัพข้าศึกที่ด้อยกว่าหรือเทียบเท่าอาจมีอันต้องพ่ายแพ้ไปเมื่อเครื่องบินแบบนี้เข้าสู่การรบจริง นี่เป็นเรื่องราวที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
Kittidej Sanguantongkham
RTAF
Teerawut_W
Wassana Nanuam
ประชาชาติธุรกิจ
อนุรักษ์ สิงโตอ่อน
Thai Weapon Channel
เรียบเรียงโดย : THUNDERBIRD
โฆษณา