12 พ.ย. เวลา 10:28 • ข่าว

ผู้ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ (ปี 2566–2567) ผลงานที่เปลี่ยนแปลงวงการโรคมะเร็ง

รางวัล Princess Chulabhorn Award เป็นรางวัลนานาชาติที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เพื่อเชิดชูนักวิจัยหรือนักวิชาการที่มีผลงานโดดเด่นด้านการป้องกัน ควบคุม และดูแลรักษาโรคมะเร็ง ตลอดจนบริการด้านสาธารณสุข
บทความนี้จะพาไปพบกับผู้ได้รับรางวัลในสองปีแรก (ปี 2566 และ 2567) พร้อมสรุปผลงานที่มีความหมายและส่งผลต่อวงการมะเร็งอย่างชัดเจน
ปี 2566 (ครั้งที่ 1)
  • ผู้ได้รับรางวัลคือ Prof. Abass Alavi (สหรัฐอเมริกา)
ผลงานโดดเด่นของท่านคือ การพัฒนาวิธีการตรวจร่างกายด้วยภาพถ่ายทางการแพทย์โดยใช้ fluorodeoxyglucose (18F-FDG) ร่วมกับเครื่องเชิงภาพแบบ PET (Positron Emission Tomography) ซึ่งได้กลายเป็นมาตรฐานสากลในการตรวจวินิจฉัยมะเร็ง
จุดเด่น: ท่านเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกในการให้สาร 18F-FDG แก่ผู้ป่วยมนุษย์เป็นครั้งแรกในปี 1976 และได้ขยายการใช้งานไปยังมะเร็ง การติดเชื้อ การอักเสบ หลอดเลือดแข็งตัว และความผิดปกติของกล้ามเนื้อ
ผลกระทบ: ด้วยผลงานนี้ PET ของ 18F-FDG กลายเป็นเครื่องมือหลักในการวินิจฉัยมะเร็ง ส่งผลให้แพทย์สามารถเห็นขอบเขตของโรคได้เร็วกว่าเดิม และช่วยให้การรักษามีความแม่นยำมากขึ้น
ความหมายต่อไทย: รางวัลนี้ไม่เพียงยกย่องนักวิจัยระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของไทยที่ต้องการยกระดับการวิจัยและการรักษามะเร็งให้เทียบชั้นสากล
ปี 2567 (ครั้งที่ 2)
  • ผู้ได้รับรางวัลคือ Prof. Dennis J. Slamon (สหรัฐอเมริกา)
ผลงานโดดเด่นของท่านคือ การค้นพบยีน HER2 ซึ่งมีบทบาทสำคัญในมะเร็งเต้านม และการพัฒนายา Trastuzumab (ชื่อการค้าว่า Herceptin) ซึ่งเป็นหนึ่งในยาที่เปลี่ยนโฉมวงการรักษามะเร็งเต้านม
จุดเด่น: การรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มี HER2 เป็นบวก (HER2-positive breast cancer) เคยมีอัตราการรอดชีวิตต่ำ แต่ด้วยการใช้ Trastuzumab ทำให้อัตราการรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบ: งานของท่านถือเป็นหนึ่งใน “จิ๊กซอว์” สำคัญในยุคของการรักษามะเร็งแบบเจาะจงเป้าหมาย (targeted therapy) ที่เน้นทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง ลดผลข้างเคียง และเพิ่มโอกาสการฟื้นตัว
ความหมายต่อไทย: การที่ไทยได้รับรางวัลด้วยผลงานระดับโลกเช่นนี้ เป็นทั้งเกียรติและแรงผลักดันให้ไทยพัฒนา นวัตกรรมทางการแพทย์ และการรักษามะเร็งให้ก้าวหน้า
ผู้ได้รับรางวัล Princess Chulabhorn Award ในปี 2566–2567 ทั้งสองท่าน คือ Prof. Abass Alavi และ Prof. Dennis J. Slamon มีผลงานที่ เปลี่ยนแปลงวงการมะเร็งอย่างชัดเจน — ตั้งแต่การวินิจฉัยด้วยภาพแบบใหม่จนถึงการรักษาแบบเจาะจงเป้าหมาย ซึ่งส่งผลต่อชีวิตผู้ป่วยทั่วโลก และมีความหมายต่อไทยในแง่ของการยกระดับการวิจัยและการรักษามะเร็งให้ก้าวหน้า
บทบาทของรางวัลในไทยจึงไม่ใช่เพียงการเชิดชู แต่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และสาธารณสุข
ขอบคุณรูปภาพจาก https://princesschulabhornaward.org/?page_id=369
เว็บไซต์ของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
โฆษณา