13 พ.ย. เวลา 03:05 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ตราสารหนี้ไม่เหมือนกัน! เปิด 3 ระดับ “ความเสี่ยง” ที่นักลงทุนต้องรู้

ก่อนหน้านี้ Wealthy Thai ได้พูดถึงการแบ่งประเภทของตราสารหนี้ตามสิทธิ การค้ำประกัน การไถ่ถอน และการจ่ายดอกเบี้ยกันไปแล้ว
สัปดาห์นี้ มาต่อกันที่การแบ่งตราสารหนี้ “ตามระดับความเสี่ยง” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรทำความเข้าใจ เพราะสะท้อนถึง “โอกาสได้รับผลตอบแทน” และ “ความมั่นคงของผู้ออกตราสารหนี้” โดยตรง
การประเมินระดับความเสี่ยงของตราสารหนี้จะอ้างอิงจาก การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ซึ่งทำโดยสถาบันจัดอันดับที่เป็นที่ยอมรับ เช่น Standard & Poor’s, Moody’s, Fitch Ratings และ TRIS Rating เพื่อช่วยให้นักลงทุนมองเห็นระดับความเสี่ยงได้ชัดเจน
โดยทั่วไปตราสารหนี้เอกชนสามารถแบ่งตามระดับความเสี่ยงได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.Investment Grade (ตราสารหนี้ระดับลงทุน)
Investment Grade คือ ตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ เนื่องจากผู้ออกตราสารมีฐานะการเงินที่มั่นคง มีความสามารถในการชำระหนี้สูง และมีผลการดำเนินงานที่ดี ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการได้รับดอกเบี้ยและเงินต้นตามกำหนด
ตราสารหนี้กลุ่มนี้มักจะมีอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนที่ต่ำกว่า High Yield Bond และ Non-rated Bond เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่า
อันดับเครดิตที่อยู่ในกลุ่มนี้
ตั้งแต่ AAA ไล่ลงไปจนถึงระดับ BBB- หรือเทียบเท่ากับ Aaa ถึง Baa3 ตามเกณฑ์ของ Moody’s
Investment Grade เหมาะกับใคร?
นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่แน่นอน
2.High Yield Bond (ตราสารหนี้ต่ำกว่าระดับลงทุน)
High Yield Bond หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “Speculative Grade (กลุ่มที่ลงทุนเพื่อการเก็งกำไร)” เป็นตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า Investment Grade ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่า เนื่องจากผู้ออกตราสารกลุ่มนี้มักเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินอ่อนแอกว่า หรือดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนสูง
ทั้งนี้ เพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงขึ้น ผู้ออกตราสารมักเสนอดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่า Investment Grade โดยอาจสูงกว่า 3-5% หรือมากกว่านั้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูง
อันดับเครดิตที่อยู่ในกลุ่มนี้
ตั้งแต่ BB ไล่ลงไปจนถึงระดับ C โดยอันดับเครดิตต่ำที่สุด คือ D เป็นตราสารหนี้ที่อยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นได้ตามกำหนด หรือเทียบเท่ากับ Ba1 ถึง C ตามเกณฑ์ของ Moody’s
High Yield Bond เหมาะกับใคร?
- นักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในตลาดตราสารหนี้
- สามารถรับความเสี่ยงได้สูง
- ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากหรือพันธบัตรรัฐบาล
3.Non-rated Bond (ตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับ)
เนื่องจากเป็นตราสารหนี้ที่ไม่ได้ส่งไปจัดอันดับ หรือเป็นตราสารหนี้ที่ขอให้จัดอันดับแล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณา ซึ่งตราสารหนี้กลุ่มนี้จะจูงใจด้วยผลตอบแทนสูง แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากเช่นกัน โดยจะเสนอขายเฉพาะให้แบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันและบุคคลที่มีสินทรัพย์ 50 ล้านบาทขึ้นไป
สรุป
Investment Grade เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำ High Yield Bond เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้มากขึ้น ส่วน Non-rated Bond ควรลงทุนด้วยความระมัดระวังสูงสุด และเหมาะเฉพาะนักลงทุนที่มีความรู้และประสบการณ์เท่านั้น
นักลงทุนควรกระจายความเสี่ยง ไม่ลงทุนในตราสารหนี้เดียว และศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทุกครั้ง หากยังไม่มั่นใจ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็เป็นทางเลือกที่ช่วยให้พอร์ตลงทุนของคุณ “ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ” มากยิ่งขึ้น
โฆษณา