13 พ.ย. เวลา 11:27 • การเมือง

หมัดต่อหมัด! โอกาสทองของกองทัพไทยในการปะทะกับเขมรรอบ 2

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ช่วงนี้ผู้เขียนเชื่อว่าทุกท่านรอดูการตอบสนองจากกองทัพไทยว่าจะเป็นไปในทิศทางใดกับการรับมือหากกองทัพกัมพูชาต้องเปิดศึกหนักกับเราอีกรอบ ช่วงนี้สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจได้ตรงกับคำพูดที่ทหารหรือชาวบ้านหลายๆท่านพูดกันว่าเขมรไว้ใจไม่ได้ เรื่องราวนี้ที่ผู้เขียนจะนำเสนอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้อ่านกันจะเป็นเช่นไร ไปติดตามกันครับ
มีพอดีตทหารพรานท่านหนึ่งคืออาสาสมัครทหารพรานกรกต เกตุแก้ว ได้กล่าวถึงสถานการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้ว่า มาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เปิด “ไฟเขียว” ให้กองทัพไทยสามารถปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยได้อย่างเต็มที่แล้ว
นี่คือโอกาสทองอย่างแท้จริง ที่กองทัพภาคที่ 2 ภายใต้การนำของพลโทวีรยุทธ รักศิลป์ จะต้องเร่งแสดงแสนยานุภาพและใช้กำลังทหารอันเกรียงไกรกอบกู้ผืนแผ่นดินไทย ที่ถูกกัมพูชารุกล้ำและยึดครองอยู่
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กัมพูชาได้ทำลาย สันติภาพมาอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยปฏิบัติตามสัญญาหยุดยิงหรือปฏิญญาใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีล่าสุดที่มีทหารไทยคือจ่าจ่าสิบเอกเทิดศักดิ์ สมาพงษ์ที่เพิ่งไดรับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในแผ่นดินไทย
พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ขวา)
นี่เป็นขาที่ 7 ที่ทหารไทยต้องสูญเสียไปนับตั้งแต่มีการตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เป็นต้นมา
ในส่วนเป้าหมายสำคัญทางยุทธศาสตร์ของทหารเขมรคือการเข้ายึดภูมะเขือ ที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเนินสูงที่มีความสำคัญทางการทหารและเหมาะสมกับการเข้าวางกำลังของข้าศึกที่ห้วยตามาเรีย
ดังนั้นนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะบุกรุกไปสู่ภูมะเขือให้ได้ อีกทั้งทางการเขมรพยายามกล่าวอ้างว่าระเบิดที่ตรวจพบเป็นเพียงระเบิดเก่ายุคสงครามเย็น แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ทหารไทยรู้ว่ามันไม่ใช่ระเบิดรุ่นปู่รุ่นย่า เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่าฝ่ายเราได้มีการเก็บกู้ระเบิดชนิด PMN-2 ที่ยังใหม่และเขียวไม่ขึ้นสนิมอยู่หลายลูก ซึ่งบ่งชี้ถึงความตั้งใจในการทำลายกำลังกายและกำลังใจทหารไทยโดยตรง
ทั้งนี้พี่กรกตยังเล่าว่าเขมรยังคงยึดปราสาทตาควาย และ ปราสาทคนาอย่างโจ่งแจ้ง โดยเฉพาะที่ปราสาทคนาได้มีการสร้างกระเช้าขึ้นไปแล้วเพื่อส่งกำลังบำรุงให้แก่ทหารของฝ่ายเดียวกัน แกยังเล่าเพิ่มเติมว่าการเจรจาเพียงอย่างเดียวไม่เคยเป็นผล หากเราเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายไปรุกล้ำอธิปไตยของฝ่ายตรงข้ามบ้าง ลองสังเกตดูว่าพวกเขาจะนิ่งเฉยหรือไม่ รับรองได้เลยว่าเขาจะยิงเราอย่างแน่นอน
แกยังบอกอีกว่าที่ผ่านมาทหารไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนว่าไม่ทำหน้าที่และต้องเผชิญกับความอึดอัด เนื่องจากเราเสียเปรียบเขมรมาตลอด ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่สภาไทยออกกฎหมายมารัดคอทหารเอง ทำให้การปฏิบัติการต้องรอการอนุมัติและมติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งแตกต่างจากในยุคก่อนที่ทหารหรือตชด.ปฏิบัติการในพื้นที่สามารถจัดการข้าศึกได้ทันทีที่พบเห็น เมื่อเห็นกันก็คือยิงกันไปเลย ไม่ต้องถามหรือคุยให้เสียเวลา
บิ๊กเล็ก พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ทั้งนี้และทั้งนั้นการใช้ท่าทีแบบสุภาพบุรุษต่อประเทศที่ประพฤติเกเร หรือเป็นโจรนั้นไม่มีความหมาย เพราะโจรจะไม่สนใจและจะมองว่าเรา "โง่"
ในระหว่างที่กำลังอัดคลิปพี่กรกตได้เล่าความหลังว่าเหตุการณ์ในปี 2551 ณ ปราสาทตาควายคือตัวอย่างที่ชัดเจน เมื่อเขมรบุกยึดแบบสายฟ้าแลบและเมื่อถูกเจรจาให้ถอนกำลังออกไป พวกเขากลับดูถูกทหารไทยว่า “กูไม่ออกไปมึงจะทำอะไรยังไง มึง..ก็ไม่กล้ารบ กับกูหรอก พวกมึงเก่งแต่เจรจา” แม้กระทั่งในปีพ.ศ. 2554 ทหารไทยชั้นประทวนที่ชื่อจ่าโก๊ะได้เข้าไปเจรจาที่ปราสาทตาควายก็ถูกเขมรยิงจนเสียชีวิต ซึ่งนับตัังแต่นั้นพิสูจน์แล้วว่าเขมรไม่รับการเจรจาและเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
เสมอ
นี่คือเหตุผลที่เราต้องใช้มาตรการ “เกลือจิ้มเกลือ” นั่นคือเมื่อมันเกเรมา เราก็ต้องเกเรกลับไป ไม่ต้องไปเจรจา แต่ตอบโต้ด้วยวิธีการเดียวกัน จนนำไปสู่แผนการเด็ดขาดเพื่อยึดคืน อธิปไตย
ในเมื่อรัฐบาล (ชุดปัจจุบัน) ได้มีมติยกเลิกข้อตกลงและสันติภาพ ต่างๆ แล้วกองทัพภาคที่ 2 จึงต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาดทันทีเริ่มจาก
ยึดคืนพื้นที่สำคัญ เราต้องส่งกำลังเข้าโจมตีและผลักดันเขมรออกจาก ปราสาทตาควาย และ ปราสาทคนาโดยเร็วที่สุด รวมถึงเข้ายึด เนิน 350 กลับคืนมา
ขั้นต่อมาคือการใช้อำนาจเหนือกว่า พี่กรกตกล่าวว่าควรมีการประกาศกำหนดเส้นตายให้ทหารเขมรถอนกำลังทั้งอาวุธหนักและอาวุธเบาออกจากพื้นที่อธิปไตยไทย หากไม่ปฏิบัติตามจะใช้กำลังทหารเข้าโจมตีทันที
สำหรับการแสดงแสนยานุภาพเต็มรูปแบบนั้น เราอาจกลับมาใช้การแสดงกำลังทางอากาศด้วยเครื่องบินขับไล่ F-16 บินว่อนกดดันในแนวชายแดน 3-4 รอบ ซึ่งจะสร้างความกลัวและ กลายเป็นภาพหลอน จนอาจทำให้เขมรหนีไปโดยไม่ต้องมีการรบใหญ่ หรือมีสงครามใหญ่ตามมา หลังจากนั้นจึงส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าเคลียร์สนามทุ่นระเบิดและเข้ายึดพื้นที่
หากเขมรไม่เกรงกลัวสุดท้าย ผลกรรมที่ได้รับก็คือการทิ้งไข่เหล็กจาก Gripen และ F-16 ส่งร่างทหารเขมรไปสู่ดินแดนนรกภูมินั่นเอง
F-16 กองทัพอากาศไทย (ภาพ AI)
หากเรายังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้อีก 100 ปี เราก็จะไม่มีทางได้แผ่นดินคืน และจะมีกำลังพลต้องบาดเจ็บล้มตายจากการลาดตระเวนเหยียบระเบิดต่อไปเรื่อย ๆ แกเล่าต่อว่าทหารไทยในวันนี้มีความพร้อมด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลที่เหนือกว่าเขมรอย่างเทียบไม่ติด สิ่งเดียวที่เรายังแพ้เขมรอยู่คือ "ใจ" ของผู้นำที่ยังขาดความเด็ดขาด
แล้วยังเสริมว่าถึงเวลาแล้วที่ทหารไทยจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง ใช้มาตรการเด็ดขาด และไม่แสดงความเมตตาต่อทหารกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยของเรา เพราะใน สนามรบไม่มีคำว่าสุภาพบุรุษ ความเมตตา ความหวังดี และความปราณีต่อฝ่ายตรงข้าม
ในมุมมองส่วนตัวผู้เขียนมองว่า การที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบันออกมาประกาศยุติบทบาทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับกัมพูชาถือว่าเป็นเรื่องดีในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยไปเรียกร้องขอให้ท่านสั่งกองทัพจัดการกับกัมพูชาได้เต็มที่เพื่อไม่ให้เป็นปฏิปักษ์เป็นกับเราอีกต่อไป
หากนี่เป็นเพียงคำพูดหวังรับคำชมจากประชาน แต่ไม่มีการสั่งการแล้วเมื่อไหร่ทหารไทยจะได้รบเต็มที่ ผู้เขียนเข้าใจว่ากว่ากองทัพไทยจะส่งทหารไปยึดปราสาทสองแห่งคืนมา ส่งทหารไปเก็บวัตถุระเบิดที่ชายแดน 7 จังหวัด หรือแม้กระทั่งจะส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ไปทิ้งระเบิดให้ทหารเขามรกลายเป็นศพ มันต้องใช้เวลากว่าคำสั่งจะเป็นรูปธรรม ดังนั้นประชาชนตาดำๆอย่างพวกเราทำได้แต่รอเท่านั้น ไม่มีทางเห็นการใช้กำลังทหารจัดการอย่างเต็มที่ในวันที่ใครต่างคนต่างสงสัยในการทำหน้าที่ของผู้ใหญ่ระดับสูงนั่นคือนายกรัฐมนตรี
ผู้เขียนไม่ได้เจตนาจะไปต่อว่าท่านโดยตรง ผู้เขียนแค่แสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่ติดตามข่าวสารเท่านั้น หากมีข้อความใดที่ทำให้ท่านไม่สบายใจก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูงครับ
บิ๊กเล็กขณะตรวจเยี่ยมการก่อสร้างหลุมหลบภัยกองทัพภาคที่ 2
นี่คือการกล่าวถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชาครั้งล่าสุดจากพี่กรกต อดีตทหารพรานค่ายปักธงชัย สิ่งที่แกเล่านั้นเป็นเรื่องที่กินใจมากหากใครได้ไปชมคลิปนี้จนจบ สำหรับการผลักดันทหารกัมพูชา ทหารไทยจะอยู่อย่างนี้เฉกเช่นเต่าหรือหอยทากไม่ได้ เราจะต้องเป็นเสือ เป็นสิงห์ที่พร้อมจะล่าเหยื่อและไล่พวกมันออกไป เพื่อรักษาอาณาเขตให้ลูกหลานไทยสืบไป สำหรับวันนี้ผู้เขียนขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
อาสาสมัครทหารพราน กรกต เกตุแก้ว
กองทัพภาคที่ 2
Sittphong Charoenkhan
กรมการทหารช่าง
Prachaya Nongnucu
Google AI Studio
เรียบเรียงโดย : เบิ้ล ตาควาย
โฆษณา