Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โลกเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยน
•
ติดตาม
14 พ.ย. เวลา 00:34 • สิ่งแวดล้อม
อาคารรัฐสภา
FBC: จากระบบ “ตามกรม” สู่ “ทีมเดียวกันในพื้นที่เดียวกัน”
เวลาน้ำท่วมซ้ำ ๆ คนมักถามว่า
“ทำไมทุกหน่วยงานก็ทำงานเต็มที่ แต่ทำไมภาพรวมยังล่าช้า เหมือนระบบมันช้าไปหมด?”
คำตอบหนึ่งที่ผมใช้เวลาหลายปีค่อย ๆ มองเห็น คือ
เราออกแบบ “โครงสร้างการทำงาน” ผิดยุคไปแล้ว
• ปัญหาน้ำ เกิดตามพื้นที่
• แต่ราชการน้ำไทย จัดการตามกรม
ตรงนี้เองที่ทำให้ผมเสนอแนวคิด FBC – Function-Based Clusters ซึ่งในตอนที่แล้วผมพูดสั้น ๆ ว่า
ถ้าไม่ปรับโครงสร้างแบบ “พื้นที่–ภารกิจ” น้ำก็ท่วมซ้ำ
ตอนนี้ เรามาลองเปิดดูข้างใน FBC กันอย่างจริงจังสักตอนนะครับ
1. ปัญหาของระบบ “ตามกรม” ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว
ระบบราชการด้านน้ำของไทยเติบโตมาจากยุคที่
• โครงการใหญ่ ๆ ยังมีไม่มาก
• หน่วยงานแต่ละกรมแยกภารกิจชัดเจน
• กฎหมายยังไม่ได้พูดเรื่อง climate change, resilience หรือการมีส่วนร่วมมากเท่าวันนี้
แต่มาถึงวันนี้…
• ปริมาณสิ่งก่อสร้างทางน้ำ (เขื่อน ฝาย ประตูระบายน้ำ ถนนคันกั้นน้ำ ฯลฯ) เพิ่มขึ้นมหาศาล
• เมืองขยาย ตัวเลขทรัพย์สินและชีวิตคนในพื้นที่เสี่ยงสูงกว่าเดิมหลายเท่า
• ฝนและสภาพอากาศ “ไม่เป็นฤดูกาลแบบเดิม” อีกแล้ว
ในโลกแบบนี้ การจัดการน้ำที่ยังยึด “เส้นแบ่งตามกรม” จึงเริ่มมีปัญหาหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพง่าย ๆ ของระบบแบบเดิม
ลองนึกภาพน้ำก้อนเดียวไหลจากป่าต้นน้ำ → ผ่านเขื่อน → ผ่านพื้นที่รับน้ำท่วม → เข้าตัวเมือง → ลงทะเล
• ตอน เก็บน้ำ : หน่วยงานหนึ่งรับผิดชอบ
• ตอน ระบายน้ำผ่านเขื่อน : อีกหน่วย
• ตอน น้ำเอ่อท่วมเขตชุมชน : เป็นอำนาจของท้องถิ่น
• ตอน เตือนภัย : อีกศูนย์หนึ่ง
• ตอน ช่วยเหลือเยียวยา : กระทรวงอื่น
ทุกคนทำหน้าที่ของตนเต็มที่
แต่ “การสั่งการ” ผ่านสายบังคับบัญชาที่ยาวและต่างคนต่างโครงสร้าง
ทำให้ เวลาวิกฤต ความล่าช้ากลายเป็นค่าปรับที่ประชาชนต้องจ่าย
2. FBC คืออะไรในภาษาคนธรรมดา?
ถ้าอธิบายแบบสั้นที่สุด FBC คือ
“จัดทีมข้ามกรม ให้ตรงกับปัญหาในพื้นที่จริง แล้วสั่งงานตาม ‘ภารกิจร่วม’ ไม่ใช่ตามโครงสร้างกระทรวง”
แปลเป็นสามคำหลักได้ว่า
1. พื้นที่เดียวกัน – จัดกลุ่มพื้นที่ที่มีลักษณะปัญหาเหมือนกัน
2. ภารกิจร่วมกัน – กำหนดว่าในพื้นที่นั้น เราต้องทำอะไรเหมือนกันทุกปี
3. ทีมเดียวกัน – ตั้งทีมข้ามหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่นั้นโดยตรง
2.1 จัดคลัสเตอร์ “ตามพื้นที่จริง”
เราไม่ได้เริ่มจากคำว่า “กระทรวง–กรม”
แต่เริ่มจากคำว่า “พื้นที่แบบไหน?”
เช่น
• พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากจากภูเขา
• พื้นที่คอขวดที่แม่น้ำแคบและเมืองขยาย
• พื้นที่ชานเมืองที่รองรับน้ำจากหลายลุ่มน้ำ الفر
• พื้นที่รับน้ำท่วมชั่วคราวที่ควรใช้เป็น “ทุ่งรับน้ำอย่างมีศักดิ์ศรี”
แต่ละแบบจะกลายเป็น คลัสเตอร์ F1, F2, F3 … ตามที่เราออกแบบไว้
2.2 กำหนด “ภารกิจร่วม” ของทุกกรมในพื้นที่นั้น
เมื่อรู้แล้วว่าพื้นที่แบบนี้ต้องรับมืออะไร เราจึงมานั่งถามว่า
“เพื่อให้คนในพื้นที่ปลอดภัยและเสียหายน้อยที่สุด
ทุกกรมที่เกี่ยวข้องต้องทำอะไร ร่วมกัน บ้าง?”
ตัวอย่างภารกิจในช่วงน้ำมาก เช่น
• การพร่องน้ำล่วงหน้า
• การผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ
• การควบคุมประตูระบายน้ำ–เขื่อน (operation rule)
• การแจ้งเตือนล่วงหน้าแบบเข้าใจง่าย
• การเตรียมพื้นที่รองรับน้ำล้น (เช่น ทุ่งรับน้ำ)
• การประสานแผนจราจร–อพยพ–ดูแลผู้ป่วยติดเตียง ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมาเราทำกันอยู่แล้ว
แต่ทำในรูป “โครงการของกรม”
ไม่ใช่ “ภารกิจร่วมของทีมพื้นที่”
FBC เปลี่ยนมุมมองให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็น
ชุดภารกิจของคลัสเตอร์เดียวกัน
ที่ทุกหน่วยในพื้นที่ต้องช่วยกันทำในฐานะ “ทีมเดียวกัน”
2.3 ทำงานแบบ “ทีมปฏิบัติการลุ่มน้ำ”
หัวใจของ FBC ไม่ใช่การตั้งคณะกรรมการเพิ่มอีกชุด
แต่คือการทำให้เกิด “พิธีกรรมใหม่ของการทำงาน” ในช่วงวิกฤต
• ประชุมร่วมในฐานะทีมลุ่มน้ำ
• ตัดสินใจบนข้อมูลเดียวกัน (data & forecast ร่วมกัน)
• สั่งการตามสถานการณ์จริง ไม่ใช่รอหนังสือมอบอำนาจที่ล่าช้า
• บันทึกบทเรียนร่วมกันหลังเหตุการณ์ผ่านไป
กล่าวง่าย ๆ คือ FBC ไม่ได้ไปแย่งอำนาจของกรมใด
แต่ทำให้ “การสั่งงานในพื้นที่เดียวกัน” ตรงกว่าเดิมมาก
และลดเวลาที่สูญไปกับการรอขั้นตอนตามแนวดิ่ง
3. เปรียบเทียบให้เห็นภาพ: จาก “หมอแต่ละแผนก” สู่ “ทีมดูแลผู้ป่วยรายเดียว”
ถ้าเปลี่ยนจากเรื่องน้ำมาเป็นเรื่องหมอ เราคงคุ้นเคยดีว่า
• หมอหัวใจ
• หมอปอด
• หมอไต
• หมอเวชบำบัดวิกฤต
ต่างก็เชี่ยวชาญของตนเอง
แต่มนุษย์หนึ่งคนที่นอนอยู่บนเตียง ICU
ไม่สามารถรอให้หมอแต่ละแผนกสั่งการแยกกันโดยไม่คุยกันได้
โรงพยาบาลยุคใหม่จึงสร้างระบบ “ทีมสหสาขา”
มานั่งคุยกันในวอร์ดเดียว เพื่อดู “ผู้ป่วยคนเดียวกัน”
FBC ก็เช่นกันครับ
• น้ำหนึ่งก้อนที่กำลังจะหลากลงบ้านคน
• ไม่ควรเป็น “ปัญหาของกรมใดกรมหนึ่ง”
• แต่ควรเป็น “ผู้ป่วยรายเดียว” ที่ทุกกรมเข้ามาช่วยกันดูแล
เมื่อเปลี่ยนโหมดคิดเป็นแบบนี้
เราจะเริ่มออกแบบกติกาใหม่ ๆ ได้ เช่น
• ศูนย์ปฏิบัติการร่วมในแต่ละคลัสเตอร์
• ข้อตกลงการพร่องน้ำข้ามลุ่มน้ำโดยไม่ต้องรอหนังสือหลายชั้น
• แผนแจ้งเตือนภัยที่ชัดเจน และชี้ได้ว่า “ใครพูดอะไร เวลาไหน”
• การอธิบายต่อประชาชนว่า วันนี้เราตัดสินใจแบบนี้ เพราะข้อมูลอะไร และยอมรับผลอะไร
4. ทำไม FBC จึงตอบโจทย์ “โลกเปลี่ยนเราต้องเปลี่ยน”
โลกวันนี้เปลี่ยนไปสามด้านใหญ่ ๆ
1. สภาพอากาศเปลี่ยนเร็วและไม่แน่นอน
ปริมาณและรูปแบบฝนทำให้การบริหารน้ำต้องยืดหยุ่นกว่าสมัยที่เรามีกฎหมายชุดเดิม
2. มูลค่าความเสียหายสูงขึ้นมาก
บ้านเรือน รถยนต์ โรงงาน โครงสร้างพื้นฐาน อยู่ในพื้นที่เสี่ยงมากกว่าสมัยก่อนมาก การตัดสินใจช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต่างกันหลายพันล้านบาท
3. สังคมคาดหวังความโปร่งใสและคำอธิบายที่เข้าใจได้
ประชาชนไม่ได้ต้องการแค่ “ใครผิดใครถูก” แต่ต้องการเห็นว่า
• เราใช้ข้อมูลอะไร
• ใครรับผิดชอบพื้นที่ไหน
• ถ้าพลาดแล้ว เราเรียนรู้อะไรต่อ
FBC ตอบโจทย์ทั้งสามด้านนี้ เพราะมัน
• ลด “ช่องว่างระหว่างกฎหมายกับการปฏิบัติจริง”
• ทำให้การสั่งงานช่วงวิกฤตชัดเจน ว่าใครช่วยใครตรงไหน
• เปิดพื้นที่ให้ประชาชนเข้าใจโครงสร้างใหม่ได้ง่ายขึ้น ว่า
“บ้านฉันอยู่ในคลัสเตอร์แบบไหน ทีมไหนดูแล”
5. บทส่งท้าย: ถ้าโลกเปลี่ยนแล้ว เราจะเปลี่ยนแค่โครงการ… หรือเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง?
เวลาน้ำท่วม เรามักเห็น “โครงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า” เกิดขึ้นมากมาย
ทั้งคันกั้นน้ำใหม่ ปรับปรุงประตูระบายน้ำ ขุดลอก ฯลฯ
โครงการเหล่านี้จำเป็น
แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยน กรอบคิดเรื่องโครงสร้างการทำงาน
ปีหน้า–ปีถัดไป เราอาจต้องกลับมาพูดประโยคเดิมอีกว่า
“ทุกหน่วยงานทำเต็มที่ แต่ระบบมันช้า”
FBC ไม่ใช่ยาวิเศษ
แต่เป็นข้อเสนอให้เราลองถามคำถามใหม่ว่า
“ถ้าเราเริ่มออกแบบระบบน้ำไทยจาก ‘พื้นที่’ และ ‘ภารกิจร่วม’ ก่อนเส้นแบ่งของกรม
เราจะทำให้น้ำก้อนเดียวนี้ ปลอดภัยต่อคนทั้งลุ่มน้ำได้มากกว่านี้แค่ไหน?”
โลกเปลี่ยนไปแล้ว
ฝนไม่เหมือนเดิม เมืองไม่เหมือนเดิม โครงสร้างทางน้ำก็ไม่เหมือนเดิม
ถึงเวลาที่เราต้องถามตัวเองเหมือนชื่อซีรีส์ว่า
“โลกเปลี่ยน เราต้องเปลี่ยนอย่างไรบ้าง?”
FBC เป็นเพียงหนึ่งคำตอบที่ผมอยากชวนทุกคนลองคิดต่อไปด้วยกันครับ 💧🤝🌏
สังคม
ปรัชญา
วิทยาศาสตร์
1 บันทึก
2
1
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย