14 พ.ย. เวลา 02:26 • คริปโทเคอร์เรนซี

อธิบาย “สภาพคล่อง/Order Book/Slippage”

1️⃣ Liquidity Map คืออะไรในภาษาคนเทรด
Liquidity Map = แผนที่ที่บอกว่า “เงิน/ออเดอร์หนาอยู่ตรงไหน”
ปกติเราดูกราฟแค่ราคา แต่ความจริงเบื้องหลังมันคือ “กองคำสั่งซื้อขาย” ตามระดับราคา
โซนที่มี Stop Loss / Liquidation / Pending Order หนา ๆ
= เหมือนบ่อนที่มีชิปกองอยู่เยอะ
= เป็นจุดที่ Market Maker ชอบ “ลากไส้ไปกินของ”
เวลาคนพูดว่า
> “BTC ยังมี Liquidity Pool สะสมอยู่แถว 60k / 58k”
แปลว่า บริเวณนั้นมี Stop / Order เยอะมาก ถ้าไปแตะโซนนั้น จะเกิด volume หนักๆ ได้
ใช้ทำอะไร?
เช็กว่า “มีโอกาสโดนล้าง Stop แถวไหน”
หาจุดที่ price อาจจะ “วิ่งไปแตะก่อนกลับทิศ”
ดูว่าเม็ดเงินหลัก (BTC, ETH) กำลัง “ดึงสภาพคล่อง” มาที่ไหน
2️⃣ Alt Rotation คืออะไร
Alt Rotation = วงจรย้ายเงินระหว่าง BTC → ETH → Alt ใหญ่ → Shitcoin เล็ก
ลูปคลาสสิกในตลาดกระทิง:
1. เงินไหลเข้า BTC ก่อน → คนรู้สึกปลอดภัย
2. BTC เริ่มนิ่ง / Sideway → เงิน “ไหลออกบางส่วน” ไป ETH / Alt ใหญ่
3. ETH / L1 / Top Cap เริ่มวิ่งแรง → คนเริ่ม YOLO → เงินไหลลงไปหา Mid / Low Cap
4. ฟองสบู่แตก → เงินไหลย้อนกลับขึ้นมาหา BTC / Stablecoin
เชื่อมกับ Liquidity Map ยังไง?
ช่วงที่ BTC แย่งสภาพคล่อง (ทุนไหลเข้า BTC หนัก) → Alt มัก “เหี่ยว” เพราะโดนดูดเงินออก
ช่วงที่ BTC เริ่มนิ่ง แต่ Liquidity Map ยังมีเหลือในตลาด → เงินส่วนเกินไหลลง Alt → เกิด Alt Season / Sector Rotation
3️⃣ “สภาพคล่อง” คืออะไรในภาษาที่ไม่เป็นตำรา
สภาพคล่อง (Liquidity) = ความง่ายในการ “ซื้อ-ขายจำนวนเยอะ” โดยไม่ทำให้ราคากระโดดแรง
ถ้าคุณซื้อ 100,000 USDT แล้วราคาแทบไม่ขยับ = สภาพคล่องดี
ถ้าซื้อแค่ 2,000 USDT ราคาเด้งขึ้น 3–5% = สภาพคล่องห่วย
ชาร์จความเข้าใจ:
สภาพคล่องสูง → Bid/Ask แน่น, Order Book หนา, Spread แคบ, Slippage น้อย
สภาพคล่องต่ำ → Order บาง, Spread กว้าง, กดซื้อที “เหมือนโดนรูดการ์ด 3 ร้านติด”
ทำไมเทรดเดอร์ต้องสนใจสภาพคล่อง
เทรด Lot ใหญ่ในเหรียญวอลุ่มน้อย = คุณกลายเป็นคน “ขยับราคา” เอง
เข้า-ออกเกมยาก → เปลี่ยนจาก “เทรด” เป็น “ติดดอยเชิงนโยบาย”
4️⃣ Order Book: สมุดคำสั่งที่บอกว่าเกมนี้ลึกแค่ไหน
Order Book = รายการ “ใครรอซื้อ-รอขายอยู่ที่ราคาไหน เท่าไหร่”
ฝั่งหลัก ๆ:
Bid = ฝั่งรอซื้อ (เขียว):
ราคา และปริมาณที่คนอยากซื้อ
Ask = ฝั่งรอขาย (แดง):
ราคา และปริมาณที่คนอยากขาย
ตรงกลางคือ:
Bid สูงสุด และ Ask ต่ำสุด = ราคา “ใกล้เคียงตลาด” ณ ตอนนั้น
ใช้ Order Book มองอะไร
1. ดูความหนา/บางของแต่ละฝั่ง
ถ้าฝั่งขายหนาโคตร → เหมือนกำแพงอิฐ → ราคาดันขึ้นยาก
ถ้าฝั่งซื้อหนาโคตร → เป็นพื้นรองรับ → ราคาทุบลงยาก
2. ดู Fake Wall
บางทีมีออเดอร์หนาๆ แล้วจู่ๆ หาย → มีคนตั้งไว้หลอก “กดดันอารมณ์ตลาด”
3. ดู Liquidity Hole
ช่องราคาที่ “ไม่มี Order เลย หรือมีน้อยมาก”
ถ้าราคาไหลเข้าช่องนี้ จะเกิด การกระโดดของราคาแบบรัวๆ เพราะไม่มีใครมารับ/มาขาย ระหว่างทาง
5️⃣ Slippage: คำสุภาพของคำว่า “โดนหลุดราคา”
Slippage = ส่วนต่างระหว่าง “ราคาที่ตั้งใจจะซื้อ/ขาย” กับ “ราคาที่ได้จริง”
ตัวอย่าง:
คุณกด Market Buy ที่ BTC 70,000
แต่เพราะ Order Book บาง / วอลุ่มน้อย / Order ใหญ่ → ระบบไปไล่เคลียร์ Offer ขึ้นไป
สุดท้ายคุณได้ราคาเฉลี่ยจริงที่ 70,300
Slippage = +300 (หรือ ~0.43%)
ฝั่งขายก็เหมือนกัน:
ตั้งใจจะขาย 70,000
แต่มี Bid บาง ระบบต้องไล่ลงไปเคลียร์ Bid ต่ำกว่า → ได้จริง 69,600
คุณเสีย Slippage ไป 400
ปัจจัยที่ทำให้ Slippage หนัก
เทรดคู่ที่ วอลุ่มน้อย / Alt เล็ก
ใช้คำสั่ง Market ขนาดใหญ่
ช่วงข่าวแรง ๆ เช่น CPI / FOMC → Order Book บางชั่วคราว คนกดยกเลิก Limit
ใช้ DEX ที่อิง AMM แต่ Pool เล็ก → Price Impact สูง
6️⃣ ผูกทุกอย่างเข้าด้วยกัน: Liquidity Map → Order Book → Slippage → Alt Rotation
ลองสรุปเป็น Flow สั้น ๆ สำหรับเล่าในคลิป/โพสต์:
1. Liquidity Map
บอก “โซนที่มีคำสั่ง/สภาพคล่องสะสม”
แถวไหนมี Stop / Liquidation หนา = จุดที่ราคาชอบมาล้าง
2. Order Book
ซูมเข้าไปดูทีละระดับราคา
เห็นเลยว่าฝั่งซื้อ/ขายหนาแค่ไหน มีช่องว่างตรงไหน
3. Slippage
ถ้า Book บาง หรือเราใส่ไม้ใหญ่ → จะได้ราคา “ไม่ตรงที่คิด”
โดยเฉพาะเวลาเข้า/ออก Alt เล็ก หรือช่วงข่าว
4. Alt Rotation
เมื่อ Liquidity หลักไหลเข้า BTC/ETH ก่อน → Alt แห้ง
พอ BTC เริ่มนิ่ง สภาพคล่องกระจายลง Alt → เกิด Sector/Alt Rotation
ถ้าเราเข้าเล่น Alt โดยไม่ดู Liquidity → เสี่ยงติดเกม Slippage หนัก และออกยาก
7️⃣ เอาไปใช้เป็น Framework ตัดสินใจแบบนักเทรดจริง
เวลาจะเข้าไม้ Alt หรือเก็งกำไร:
1. ถามตัวเองก่อนว่า
> “ตอนนี้ Liquidity อยู่ฝั่งไหน? BTC กำลังดูดเงิน หรือเงินกำลังไหลลง Alt?”
2. เปิดดู:
วอลุ่ม & Order Book ของเหรียญนั้น
ดูว่า “เราจะกลายเป็นปลาวาฬในบ่อเล็กไหม” ถ้าใส่ไม้ตามขนาดพอร์ตเรา
3. ประเมิน:
ถ้าเป็นเหรียญเล็ก / DEX / Pool เล็ก → ควรใช้ Limit Order, แบ่งไม้, ยอมให้ “เข้าไม่สุด” ดีกว่า “โดนรูดราคา”
4. วางแผนออก:
ทุกครั้งที่เข้า ให้คิดพร้อมเลยว่า “ถ้าต้องหนีแบบฉุกเฉิน Slippage จะหนักแค่ไหน”
การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง!
อยากได้ สไลด์ Liquidity Map + Alt Rotation + Order Book + Slippage แบบครบเซต
สำหรับโพสต์ / คลิป / ไลฟ์ เพื่ออธิบายตลาดให้โคตรเข้าใจง่าย?
ทักมาได้เลย — เดี๋ยวผมจัดแพ็ก “Framework เทรดเหมือนโปร” ให้แบบสำเร็จรูป
บัญชีเทรดทั้งหมดของผม
Exness — เทรดคริปโต/ทองคำ
เข้ากลุ่มไลน์: @peachcrypto
ติดตามทุกแพลตฟอร์ม Facebook / YouTube / TikTok: ตามผมลงทุนคริปโต
#วิเคราะห์กราฟ #อิเลียตเวฟ #ลงทุนคริปโต #ลงทุนทองคำ #Altseason #สภาพคล่อง #OrderBook #Slippage #ตามผมลงทุนคริปโต
โฆษณา