14 พ.ย. เวลา 04:07 • ประวัติศาสตร์

BM-21 เพชรฆาตผู้พ่ายแพ้ F-16

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผู้เขียนก็มีข้อมูลอาวุธยุทโธปกรณ์ชื่อที่คนไทยทุกท่านคุ้นเคยกันดี นี่คืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่แม้จะล้าสมัย แต่มันสร้างความเจ็บปวดให้กับแผ่นดินไทยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมพ.ศ.2568 ทีแรกตั้งใจจะยิงไปตกที่ค่ายทหาร แต่พลาดไปโดนปั๊มน้ำมัน โดนบ้านเรือน โดนโรงพยาบาล
จนทำให้ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาจบชีวิตที่ฝีมือเพชรฆาตร้ายชนิดนี้ แต่ทว่าเรากลับตอบโต้ทันควันโดยการส่ง F-16 ทิ้งบอมบ์ใส่อย่างแม่นยำ ไม่โดนพลเรือนฝ่ายตรงข้าม สำหรับเรื่องราวของอาวุธโบราณยุคสงครามเย็นชนิดนี้มีความเป็นมาอย่างไร ไปติดตามกันครับ
BM-21 เป็นระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง (Multiple Launch Rocket System : MLRS) ที่พัฒนาขึ้นโดยสหภาพโซเวียต โดยรหัส BM ย่อมาจาก boyevaya mashina ซึ่งหมายถึง "ยานรบ" ในภาษารัสเซีย ระบบนี้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 โดยเป็นผู้สืบทอดของเครื่องยิงจรวด Katyusha ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ซึ่งเน้นการโจมตีด้วยปริมาณมหาศาลมากกว่าความแม่นยำ BM-21 ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในกองทัพโซเวียตในปีค.ศ.1963 (พ.ศ.2506) และได้รับความนิยมสูงในการใช้งานทางทหารทั่วโลก เนื่องจากประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่าย
BM-21 กองทัพบกกัมพูชา
BM-21 มี ท่อยิงจรวดขนาด 122 มม. จำนวน 40 ท่อ ติดตั้งอยู่บนตัวถังรถบรรทุกแบบ 6x6 โดยสามารถยิงจรวด 40 ลูกได้ภายใน 20 วินาที มีพิสัยทำการสูงสุดราว 20 กิโลเมตร การระดมยิงเต็มรูปแบบของ BM-21 สามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 8,000 ถึง 10,000 ตารางเมตร ทำให้มีประสิทธิภาพสูงมากในการทำลายเป้าหมายที่เป็นพื้นที่กว้าง เช่น การรวมตัวของกองกำลังยานพาหนะทางบก และสนามบิน
ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย ทำให้ใช้เวลาเตรียมการยิงแต่ละครั้งไม่ถึง 5 นาที และมักถูกนำมาใช้สำหรับการโจมตีแบบ "ยิงแล้วหนี" (shoot-and-scoot) อย่างไรก็ตาม ข้อเสียสำคัญของ BM-21 คือมันขาดความแม่นยำในการทำลายเป้าหมายเฉพาะจุด เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อยิงปูพรมพื้นที่บริเวณกว้าง
เครื่องยิงจรวด BM-21 เคยถูกนำมาใช้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยแล้วในกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารในปี พ.ศ. 2554 หลังจากเหตุการณ์โจมตีครั้งแรก กองทัพกัมพูชาได้ใช้ BM-21 โจมตีใส่พื้นที่ ตำบลเสาธงชัย จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 5 กิโลเมตร การโจมตีครั้งนั้นทำให้โรงเรียนประถม โรงพยาบาลท้องถิ่น และบ้านเรือนหลายหลังถูกทำลาย โดยมีพลเรือนชาวไทยเสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 34 คน ซึ่งในครั้งนั้น กองทัพไทยได้ตอบโต้กลับด้วยปืนใหญ่อัตตาจรซีซาร์
ปืนใหญ่อัตตาจรซีซาร์
มีรายงานล่าสุดในวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมาจากไทยรัฐนิวโชวส์ว่า ทางกองทัพบกกัมพูชาได้มีการเคลื่อนย้ายระบบจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าสู่พื้นที่บริเวณชายแดนอีกครั้ง โดยมีการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธจากเสียมราฐ มุ่งหน้าไปจังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งมีพรมแดนติดกับสุรินทร์ บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ
การเคลื่อนย้ายอาวุธหนักครั้งนี้ถือเป็นการ ละเมิดข้อตกลงที่ตกลงกันไว้อย่างร้ายแรง เนื่องจาก BM-21 เป็นอาวุธที่อันตรายต่อประชาชน เพราะไม่สามารถกะทิศทางได้อย่างแม่นยำ และมีประวัติการยิงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนของไทย เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล บ้านเรือน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ
จากสถานการณ์ที่กัมพูชาแสดงพฤติกรรมยั่วยุและเตรียมพร้อมรบด้วยการขนจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าประจำการ ทำให้เกิดข้อเสนอแนะว่าประเทศไทยควรมีมาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาดและชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ BM-21 เป็นอาวุธที่ไม่สนใจเป้าหมายพลเรือน ทำให้ความปลอดภัยของชาวบ้านไทยตกอยู่ในความเสี่ยงสูง
มีการตั้งข้อสังเกตว่าทหารไทยโดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 2 ไม่ควรปล่อยให้ BM-21 ส่งเสียงออกมาอีกแม้แต่ลูกเดียว หากอาวุธหนักของกัมพูชา เช่น BM-21 หรือรถถัง เข้ามาอยู่ในระยะห่างจากพื้นที่ชายแดนในระยะยิง เมื่อนั้นไทยควร โจมตีระบบอาวุธดังกล่าวทันที โดยไม่ต้องรอให้มีการยิงเข้าใส่ประเทศไทยก่อน ซึ่งอาจรวมถึงการใช้เครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ F-16 เข้าโจมตีเป้าหมาย BM-21 เหล่านั้น
F-16 ผู้ฆ่า BM-21 ในสมรภูมิ 5 วันไทย-กัมพูชา
เพื่อเป็นการป้องกันพลเรือนและแสดงความเด็ดขาด ในขณะนี้รัฐบาลไทยควรประกาศอย่างเป็นทางการต่อประชาคมโลก ว่าหากกัมพูชานำอาวุธหนักเช่น BM-21 เข้ามาอยู่ในระยะยิง ยกตัวอย่างเช่น 200 เมตรจากชายแดน ไทยจะไม่ทนอีกต่อไป และจะดำเนินการเปิดฉากจัดการทันทีเพื่อทำลายระบบอาวุธนั้น การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้นานาชาติได้รับทราบถึงภัยคุกคามที่ชัดเจน และมาตรการป้องกันตนเองของไทย
ความคิดเห็นส่วนตัวผู้เขียนมองว่าการนำขีปนาวุธหลายลำกล้อง BM-21 มาในครั้งนี้อาจเป็นการชำระแค้นที่เราได้จัดการทหารกัมพูชาไปไม่ต่ำกว่า 2,000 หรือ 3,000 ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่เราๆท่านๆทราบ F-16 ได้ขึ้นจัดการขีปนาวุธประเภทนี้ไปแล้ว แต่ยังมีมาเสริมเพิ่มเติม ผู้เขียนเลยตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจได้รับมาจากการสนับสนุนของรัสเซียจากการรบล่าสุดหรือไม่ หรือมาจากการสนับสนุนของจีน
พอผู้เขียนไปหาข้อมูลเพิ่มปรากฎว่าจีนก็มี BM-21 อาจเป็นไปได้ว่าอาวุธแบบนี้อาจเป็นการจัดหามาทดแทนแบบมือสองแทนของเดิมที่ถูก F-16 ทำลายไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพราะจากภาพที่ผู้เขียนเห็นในข่าวทีวีจะเห็นว่าไม่รอยเปื้อนโคลนหรือร่องรอยฝุ่นเกาะ จึงสันนิษฐานได้ว่านี่เป็น BM-21 ที่เพิ่งได้รับมาใหม่ หากความคิดเห็นผู้เขียนผิดพลาดประการใด ท่านสามารถแย้งได้
ในขณะที่ BM-21 ได้กลับมาเป็นภัยคุกคามอีกครั้ง กองทัพอากาศไทยจึงได้เตรียมฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-16 พร้อมแล้ว แม้ไม่ต้องลั่น BM-21 เข้ามาสักลูก เสียงของ F-16 ก็ทำให้ทหารกัมพูชาขวัญกำลังใจอ่อนแอลงอีกทั้งยังอาจทิ้งระเบิดใส่แม่นยำก่อนที่ทหารกัมพูชาจะยิง BM-21 เข้ามาในฝั่งไทยได้
แม้ในขณะนี้ F-16 จะยังไม่มีการติดอาวุธเพื่อทำลาย BM-21 แต่หากสถานการณ์กลับมารุนแรงจนไปถึงขั้นบานปลายเป็นสงครามกองทัพอากาศไทยพร้อมแล้วที่จะส่ง F-16 เข้าสู่สมรภูมิอีกครั้ง สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
Credit บทความและภาพประกอบ
JSTCNX
SUKASOM HIRANPHAN
เดลินิวส์
H.C.HO
วอร์โซน เรื่องราวสงคราม
ไทยรัฐนิวโชวส์
เรียบเรียงโดย : จ่าหวาน เกรียงไกร
โฆษณา