15 พ.ย. เวลา 05:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค.68 ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ”คนละครึ่งพลัส“ หนุนกระตุ้น ศก. ปลายปี

ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค.68 ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ”คนละครึ่งพลัส“ หนุนกระตุ้น ศก. ยอดใช้จ่ายพุ่งหลังเปิดใช้ผ่านเดลิเวอรี่ได้ คาด! เม็ดเงินสะพัดปลายปีรวมกว่า 1 แสนล้าน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมปี 2568 พบว่า โดยรวมปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความหวังและมีความเชื่อมั่นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ฟื้นตัวได้ในระยะสั้น
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ต.ค.68 ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ”คนละครึ่งพลัส“ หนุนกระตุ้น ศก. ปลายปี
แม้ว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่สหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวได้ช้าก็ตาม
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 45.5 49.7 และ 60.6 ตามลำดับปรับตัวดีขึ้นทุกรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกันยายน ที่อยู่ในระดับ 44.4 48.5 และ 59.3 ตามลำดับ การที่ดัชนีทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจนแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีผลงานที่ออกมาเป็นรูปธรรมและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลงจากสงครามการค้า และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 50.7 เป็น 51.9 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง
ตลอดจนปัญหาสงครามการค้าและสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากระดับ 34.4 เป็น 35.3 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือนจาก 58.7 มาอยู่ที่ระดับ 60.1 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน
แต่ผู้บริโภคเริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้จากนโยบายคนละครึ่งพลัสและนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล ซึ่งจะต้องตามดูสถานการณ์ต่อไปว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนถัดไปจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด คาดว่าผู้บริโภคจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในไตรมาสที่ 4 นี้
นายธนวรรธน์ คาดว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 จะเติบโตได้ 1.5% - 2% ส่วนไตรมาสที่ 4 จะเติบโตได้0.6% - 1% ค่ากลางที่ 0.8% เฉลี่ยช่วงครึ่งหลังของปีจะเติบโตได้ประมาณ 1.1%- 1.5% และทั้งปี 68 จะเติบโตได้ประมาณ 2% - 2.5%
เดือนนี้ ผู้บริโภคเริ่มรับรู้มาตรการต่างๆของภาครัฐเพิ่มขึ้น และเริ่มได้ใช้เงินจากกระเป๋าตังค์ตัวเองผ่านแอปฯเป๋าตัง อย่าง โครงการคนละครึ่งพลัส 20 ล้านสิทธิ เริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้ตั้งข้อสังเกต การใช้จ่ายเงินโครงการคนละครึ่งพลัสช่วงแรก จะใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณวันละ 1000 - 1500 บาท แต่หลังจากที่มีการอนุมัติให้สามารถใช้ผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ได้ เริ่มทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นวันละ 1500-2000 บาท และส่งผลให้ยอดใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม จนถึงขณะนี้ จะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 25,000 ล้านบาท
พร้อมเชื่อว่า ทั้งสองโครงการของรัฐบาล อย่างโครงการคนละครึ่งพลัส 88,000 ล้านบาท กับ โครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 22,000 ล้านบาท จะสร้างเม็ดเงินสะพัดช่วงกลางเดือนธันวาคมมากกว่า 100,000 ล้านบาท
จากนั้น รัฐบาลยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง อย่าง “เที่ยวดีมีคืน” คาดว่า จะเติมเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างน้อยกว่า 50,000 ล้านบาท ดังนั้น โครงการต่างๆจะช่วยดันให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้เติบโตเกิน 1% ได้
อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามรอยต่อการยุบสภาในช่วงต้นปี 2569 ซึ่งการสานต่อโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 จะช่วยพยุงเศรษฐกิจในช่วงการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ และนักท่องเที่ยวจีนเริ่มทยอยกลับมา จะช่วยส่งเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศ
คนละครึ่งพลัส เฟส 2 สำคัญ ที่จะส่งผ่านไปยังไตรมาสที่ 1 ของปี 69 ซึ่งเป็นสูญญากาศทางการเมืองของรัฐบาลรักษาการ และการท่องเที่ยวจะเป็นช่วงที่สำคัญที่จะต่อยอดทำให้การท่องเที่ยวไทยใน ไตรมาสที่หนึ่งปีหน้าเกิน 3 ล้านคน โดยปัญหาความปลอดภัยโดยเฉพาะสแกมเมอร์ที่นักท่องเที่ยวได้ชี้ประเด็น รวมถึงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ถือเป็นประเด็นสำคัญ
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา