Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนูนิ
•
ติดตาม
14 พ.ย. เวลา 13:26 • นิยาย เรื่องสั้น
ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน ท่าเรือเชียนฉงตู้ 2
.
อูผิงเป็นผู้ดูแลเรือลำนี้ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีพูดจาสุภาพ คนละขั้วโลกกับเสี่ยวเอ้อร้านเหล้า ดังนั้นเมื่อเขาบอกว่าบนเรือเตรียมน้ำสะอาดที่ไม่ขมไว้ให้ ทุกคนต่างเฮกันไปดื่มน้ำ
.
ต่อจากนั้นจึงเตรียมไปรวมกันที่ที่พักซึ่งลงบันไดไปอยู่ตอนกลางของเรือ เพราะอูผิงบอกว่ากลางคืนลมแรงขอให้ทุกท่านพักผ่อนในห้องพัก
.
อรี้ตี้ที่แบกสัมภาระมาราวย้ายบ้านเฉพาะขนมสือโถวปิ่งจำนวนมากมายกินเป็นปีก็ยังไม่หมด วิ่งมาขึ้นเรือเป็นคนสุดท้าย
"มีเรือกลางอากาศจริงๆด้วย" เขาอุทานอย่างตื่นเต้นพลางวิ่งขึ้นบันไดไปที่ห้องใต้หลังคาดาดฟ้าเรือ
.
อูผิง "นี่เจ้าทำอะไรไม่กลัวคลื่นเหวี่ยงตกน้ำหรือ"
.
อรี้ตี้ "ไม่กลัว ข้าชอบลมเย็น อีกอย่างของข้าเยอะ เกรงจะเกะกะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เฮอะๆๆๆ"
.
เฟ่ยจี "บังเอิญจัง ข้าก็ชอบลมเย็น" แล้วไปสมทบกับอรี้ตี้ โดยที่อูผิงไม่รู้จะทำอย่างไร
.
อรี้ตี้ "ช่างเป็นเรือที่ดีจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะเหมือนที่บรรยายในบันทึก"
.
เฟ่ยจี "บันทึกเล่มไหน ล่ะ"
.
อรี้ตี้ไม่ตอบเขามองดูเดือนอย่างชื่นชม "คืนนี้พระจันทร์สองสว่างอากาศดี ดูซิพระจันทร์สว่างแค่ไหน ครั้งที่แล้วข้าขึ้นไปเมื่อ 500 ปีก่อน แต่นั่นเป็นอดีต"
.
เฟ่ยจี "ขึ้นไปดวงจันทร์รึ ก็ได้ ไหนเจ้าบอกข้าซิ บนพระจันทร์มีอะไรบ้าง มีกระต่ายมั้ย อย่าบอกนะว่าอู๋กังกำลังตัดต้นไม้"
.
(อู๋กัง เป็นเทพเจ้าในตำนานจีนที่ถูกลงโทษให้ไปตัดต้นไม้บนดวงจันทร์อย่างไม่รู้จบ เขาถูกลงโทษเพราะความขี้เกียจสันหลังยาว
ต้นไม้ที่เขาต้องตัดคือต้นกุ้ยฮวา-หอมหมื่นลี้ เป็นต้นไม้ที่มีความสูงใหญ่มาก และทุกครั้งที่ฟันลงไปต้นไม้ก็จะสมานตัวเองกลับมาเหมือนเดิม ทำให้เขาไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้ จึงต้องทำภารกิจนี้บนดวงจันทร์ตลอดไป)
.
คราวนี้อวี้ตี้ยอมตอบคำถามของเฟ่ยจี ปกติถามช้างตอบม้า ถามวัวตอบควาย
"พระจันทร์สร้างขึ้นจากของล้ำค่า7ชิ้น มีบางจุดที่สว่างมากเป็นเพราะแสงอาทิตย์ส่องไปโดนจุดที่นูนออกมา เพียงแต่พระจันทร์ก็ต้องซ่อมแซม ทุกปีใช้คน8หมื่นคนทำงาน"
.
เฟ่ยจี "เพ้อเจ้อไปมั้ย"
.
อรี้ตี้หันมายิ้มอย่างเชื่อมั่น "เจ้าจะบอกว่าข้าเพ้อเจ้อก็ได้"
.
เฟ่ยจี "งั้นข้าลงไปดีกว่า ข้าชักกลัวเจ้าแล้ว"
.
อวี้ตี้หัวเราะเบาๆ เขายังคงจับตามองพระจันทร์อย่างมีความสุข สำหรับเขาแล้วสวรรค์ก็คือพระจันทร์ และ พระจันทร์คือสวรรค์
หากเขามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกพันกว่าปีก็จะรู้ว่า พระจันทร์มีแต่หินและฝุ่นที่ละเอียดจนเหมือนของเหลว
.
"ออกเรือแล้ว" มีเสียงตะโกน แล้วเรือข้ามฟากขนาดใหญ่ก็ออกจากท่าในคืนนั้น นอกจากอวี้ตี้แล้วอีก6คนต่างดื่มน้ำที่ไม่ขมร่วมกัน
ข้าหลวงเซี่ยบอกว่า "ข้าเป็นคนใจร้อน ทันทีที่เรือถึงฝั่งข้าจะซื้อม้าแล้วเร่งเดินทาง คืนนี้จึงขอลาไปพัก ที่แม่นาง(สีจวิน)บอกข้าว่า มีอำนาจและสายตาเฉียบคม ข้าในฐานะข้าหลวงตรวจการจะจดจำให้ขึ้นใจ"
.
สีจวิน "ท่านข้าหลวงเกรงใจไปแล้ว"
.
เฟ่ยจี "เสียดายที่ไม่มีสุราบอกลา เลยไม่ได้อารมณ์"
.
ซูอู๋หมิง "ใช้น้ำบอกลาจะเป็นใดไป ได้พบกันบนแม่น้ำนี้ถือเป็นโชคชะตาเช่นกัน"
.
แล้วพวกเขายกชามน้ำขึ้นชน(กันเปย)แล้วดื่ม มีเสียงของอูผิงตะโกนว่า "ใกล้ถึงน้ำวนแล้ว ระวังให้ดีจับให้มั่น"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าจะออกไปดูน้ำวน"
.
หลูหลิงเฟิงเดินไปได้เพียง3ก้าวก็เซสีจวินรีบประคองไว้ ข้าหลวงเซี่ยฟุบไปกับโต๊ะ เฟ่ยจีโวยว่าน้ำมีพิษ อิงเถาบอกไม่ใช่ นางทดสอบพิษแล้วไม่พบ ซูอู๋หมิงบอกว่าสุราเพราะสี่จวินเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ดื่มและไม่มีอาการ
.
สายตาของเฟ่ยจีหาผิดไม่ เสี่ยวเอ้อที่ร้านเหล้ามาบัดนี้แต่งกายภูมิฐาน แม้แต่อูผิงผู้ดูแลเรือลำนี้ยังต้องพินอบพิเทาและเรียกเขาว่า "นายท่าน้อย"
.
นายท่าน้อยหันไปมองอวี้ตี้ที่ยังคงจับตามองพระจันทร์อย่างมีความสุข อวี้ตี้มารู้ตัวเมื่อโดนมัดในตาข่าย แล้วนายท่าน้อยก็ออกคำสั่งต่อ "อุ้มข้าหลวงตรวจการนั่นออกมา"
.
นายท่าน้อยที่มายังที่พักผู้โดยสารพร้อมลูกน้องอีก2คนหัวเราะเสียงกร้าว กวาดตามองคนอื่นๆที่ฟุบหมดสติอย่างพอใจ สีจวินที่ยืนอยู่อย่างสงบนิ่งถามว่า "พวกเจ้าจะทำอะไร"
.
นายท่าน้อยที่ต่อไปนี้จะเรียกหัวหน้าโจรน้อยบอกกับสี่จวินว่ายังไม่ฆ่านางในตอนนี้ แล้วหันไปที่อิงเถา "ข้าชอบสาวงามคนนี้ ข้าจะแต่งกับเจ้าและเป็นท่านพี่ไปตลอดชีวิต ไม่ต้องรีบร้อนจงหลับให้สบาย สำหรับนางคนที่ไม่ได้ดื่มสุรายกให้พวกเจ้า"
.
"ขอบคุณ นายท่าน้อย"
.
แล้วลูกน้องทั้ง2คนก็อุ้มข้าหลวงตรวจการเซี่ยออกไปวางบนแท่น หัวหน้าโจรน้อยลับมีดเตรียมฆ่าคนอย่างครึกครื้น แสดงว่านี่มิใช่เหยื่อรายแรกของมัน
.
หัวหน้าโจรน้อยตบหน้าของเหยื่อเบาๆเมื่อเห็นนิ่งอยู่จึงใช้น้ำสาด และเมื่อแน่ใจว่าสลบชัวร์จึงเงื้อมีดขึ้นสูง อวี้ตี้จะบ้าๆบอๆอย่างไรก็กลัวตายเป็น ทั้งที่อยู่ในตาข่าย
แท้ๆยังยกมือขึ้นปิดหน้า
.
"หยุดนะ" เป็นเสียงตวาดของหลูหลิงเฟิง พร้อมกับร่างสูงโปร่งก้าวออกมาแม้ไม่มั่นคงนัก
.
หัวหน้าโจรน้อย "impossible-เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่เคยมีมาก่อน"
.
หลูหลิงเฟิง "พวกเจ้าแอบอ้างชื่อของทางการ ทำเรื่องปล้นทรัพย์ฆ่าคนเช่นนี้"
.
หัวหน้าโจรน้อย "ข้าไม่ได้สนใจเงินหรอกที่จะทำคือฆ่าพวกเจ้าทุกคน ต้องโทษเขา" ชี้ไปที่ร่างนอนแน่นิ่ง "ใครใช้ให้เขาเป็นข้าหลวงตรวจการล่ะ"
.
อวี้ตี้เองก็ตะลึงที่เขาต้องพลอยติดร่างแหไปด้วย(นี่ก็อยู่ในแหอยู่แล้ว) แถมยังต้องเป็นวงพลอยถูกฆ่าไปด้วย อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ แล้วดวงจันทร์ตรงหน้าล่ะ จะได้กลับไหม
.
หัวหน้าโจรน้อย "ที่ข้าแปลกใจก็คือทำไมเจ้าจึงไม่สลบเพราะยาของข้า และเจ้าเป็นใคร"
.
หลูหลิงเฟิงนึกไปถึงเหตุการณ์ตอนที่รู้ตัวว่าโดนวางยา สี่จวินคอยดูแลด้วยควรมเป็นห่วง เฟ่ยจีเรียกนางไปหาแล้วส่งมุกสร่างเมาให้ ซูอู๋หมิงจึงรีบพูดก่อนที่จะหมดสติว่า "ไปช่วยหลูหลิงเฟิงก่อน"
.
ในพวกเขาทั้ง5คน หลูหลิงเฟิงเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงที่สุดและยังไม่หมดสติ แม้อิงเถาจะมีฝีมือแต่นางหมดสติแล้ว
การรีบช่วยหลูหลิงก่อนเพื่อรับหน้าพวกโจรจึงเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าที่ดีที่สุด
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าคือหัวหน้ามือปราบคนใหม่ของอวิ๋นติ่ง พวกเจ้ายังไม่ยอมให้จับโดยดีอีก"
.
หัวหน้าโจรน้อย "ฮี่ๆๆๆดูท่าวันนี้คงต้องฆ่าเขาเป็นอาหารปลาก่อน กำยำแข็งแรงอย่างนี้มีเนื้อดีๆอีกเยอะ จัดการ"
.
แต่...โจรกระจอกเหล่านี้หาใช่คู่มือของหลูหลิงเฟิงไม่ ยังไม่ทันนกกระจอกกินน้ำพี่หลูก็เล่นงานจนแต่ละตัวลงไปอยู่ในน้ำ ยกเว้นหัวหน้าโจรน้อยที่ไม่ต้องเปลืองแรงขอกระโดดเองพร้อมคำขู่
.
"ข้างหน้าคือน้ำวนใจกลางแม่น้ำ พวกเจ้าเตรียมตัวตายได้เลย"
.
แล้วทำลายใบเรือก่อนกระโจนลงน้ำ การทำลายใบเรือทำให้เรือสูญเสียการควบคุมการขับเคลื่อนและทิศทาง ทำให้ไม่สามารถบังคับทิศทางได้ และ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น การเกยตื้น หรือการพลิกคว่ำได้
.
อวี้ตี้ "เร็วเข้ามือปราบหลู เอาข้าออกไปที"
.
หลังจากนั้นหลูหลิงเฟิงไปช่วยเหลือข้าหลวงเซี่ยด้วยมุกสร่างเมาจนฟื้น และยังไม่ทันไรอวี้ตี้ก็ร้องขึ้นว่า "ทุกคนระวังนะ ข้างหน้ามีน้ำวน"
.
เบื้องหน้าของพวกเขาเป็นน้ำที่ไหลวนเป็นวงกลมรอบจุดศูนย์กลาง ซึ่งเกิดจากการที่กระแสน้ำที่มีความเร็วและความลึกต่างกันไหลมาบรรจบกัน
ทำให้เกิดการหมุนในแนวดิ่งหรือเป็นเส้นโค้งเข้าสู่จุดกึ่งกลาง สามารถมองเห็นเป็นคลื่นวงกลมรุนแรงบนผิวน้ำ และบางครั้งก็มีน้ำที่พุ่งขึ้นตรงกลางราวกับว่ากำลังเดือด
.
ขณะนี้ทั้งเรือทั้งคนต่างเดียวดายกลางคลื่นลมแรงกลางแม่น้ำ แล้วยังเจอน้ำวนใจกลางแม่น้ำอีก อวี้ตี้รำพันว่า "โลกมนุษย์อันตรายกว่าสวรรค์ยิ่งนัก"
.
เฟ่ยจี "นี่เจ้ากำลังพูดอะไรอวี้ตี้"
.
หลูหลิงเฟิงตะโกน "คนเรือหนีไปแล้ว ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเราแย่แน่ ใบเรือก็ไม่มีคุมทิศทางเรือไม่ได้"
.
ทันใดนั้นอวี้ตี้ก็ผุดลุกขึ้นไต่ไปบนเสากระโดงเรืออย่างรวดเร็วผิดมนุษย์ เขาทำการติดตั้งใบเรือชั่วคราวเพื่อใช้ขับเคลื่อนบังคับทิศทางจนข้าหลวงเซี่ยทึ่ง "มีฝีมือ ๆ"
.
ทางด้านชายชราที่เฝ้าท่าเรือแท้จริงแล้วคือมหาโจรตัวพ่อ กำลังตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารที่ข้ามฟาก นอกจากเซี่ยเนี่ยนจู่แห่งเฉินจวิ้น ข้าหลวงตรวจการลาดตระเวณตะวันตกแล้ว
ยังมีอีกรายชื่อที่ทำให้โจรเฒ่าขยี้ตาเพราะไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนที่จะหัวเราะ "เง็กเซียนฮ่องเต้ กลับสวรรค์อีกครั้ง"
.
ประตูห้องเปิดโครม "ท่านพ่อ" หัวหน้าโจรน้อยลูกชายมหาโจรตัวพ่อร้อง นับเป็นโชคที่หลูหลิงเฟิงยังไว้ชีวิตกลุ่มโจรร้วมสิบคนจึงรอดชีวิตกลับมาครบทุกคน
.
เมื่อยกไหสุราดื่มจนพอใจแล้ว หัวหน้าโจรน้อยลูกชายมหาโจรตัวพ่อจึงเล่าเรื่องที่ไปเจอหมูป่าเขี้ยวตันให้พ่อฟัง "หัวหน้ามือปราบคนนั้นมีวิทยายุทธสูงส่ง พวกเราหาใช่คู่มือมันไม่ แม้แต่ยาสลบก็ใช้ไม่ได้ผล"
.
มหาโจรตัวพ่อ "โลกนี้กว่างใหญ่ ผู้ที่สามารถจึงมีไม่น้อย แต่...ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย รอให้ลมสงบค่อยไปหาเรือตามแม่น้ำ เออจริงสิบนเรือมีคนบ้าอยู่คนหนึ่งเรียกตัวเองว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ ฮ่าๆๆๆ"
.
"ฮ่าๆๆๆ" นายว่าขี้ข้าพลอย สมุนโจรต่างพากันตะเบ็งเสียงหัวเราะกันสนั่นรวมทั้งหัวหน้าโจรน้อยลูกชายมหาโจรตัวพ่อ
.
กลับมาที่คณะของซูอู๋หมิง พวกเขายังคงผจญเวรผจญกรรมกับน้ำวนแม้อวี้ตี้จะซ่อมใบเรือให้ใช้ชั่วคราวแล้วก็ตาม อวี้ตี้ตะโกนแข้งกับลมแรงว่า "ข้าเคยเป็นคนหาปลาถ้าทุกคนเชื่อข้าจงตามข้าไปที่ท้องเรือแล้วพายสุดกำลัง จะต้องรอดแน่นอน"
.
ข้าหลวงเซี่ย "ได้"
.
แล้วมหกรรมพายเรือจนสุดกำลังเพื่อรอดชีวิตก็เริ่มขึ้น คนอื่นน่ะไม่มีปัญหา แต่...ซูอู๋หมิงของเราน่ะซีเพิ่งหายบาดเจ็บจากตอนจระเข้ยักษ์ จึงไม่สามรถพายเรือต่อไป
ได้ต้องพัก
.
เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบเหล่าสหาย ซูอู๋หมิงจึงใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ เข่งขนาดใหญ่ทาสีดำมีน้ำหนักมาก2เข่งที่ท้องเรือ เมื่อเปิดฝาเช่งภายในเต็มไปด้วยเนื้อลาของเฟ่ยจี ซึ่งซูอู๋หมิงไม่อาจรู้ได้ว่ามีไว้ทำไม เพื่ออะไร
.
เมื่อเรือเริ่มนิ่งแสดงว่าพวกเขาพ้นจากน้ำวนแล้วซินะ อวี้ตี้ที่ขึ้นไปดูเหตุการด้านบนกลับลงมาอย่างยิ้มแย้มพูดว่า "ทิศทางถูกต้องพอดี การเดินทางอันยาวนานกำลังจะเริ่ม"
.
ข้าหลวงเซี่ย "การเดินทางอันยาวนานรึ ในเมื่อพ้นจากน้ำวนแล้วก็รีบเข้าฝั่ง ข้าจะได้รีบเดินทาง"
.
อวี้ตี้หันมายิ้มแปลก ๆ พูดว่า "รีบร้อนอะไรกัน ในเมื่อเจ้ากับข้าไม่เคยรู้จักกัน อยู่บนเรือลำเดียวกัน ภาพแบบนี้ทำไมข้าคุ้นตามากขึ้น"
.
อิงเถา "ไม่รู้สึกว่าตัวเองแปลกประหลาดหริอ"
.
อวี้ตี้ "คนที่ถามแบบนี้ โง่เง่า"
.
แล้วเขาประกาศตัวเอง "ข้าชื่ออวี้ตี้ อวี้แปลว่าอึดอัดกลุ้มใจ ตี้แปลว่าน้องชาย ใช้ชื่อนี้เพื่อตบตาคน ในชาติก่อนข้าคือ เง็กเซียนฮ่องเต้ เจ้าแห่งสวรรค์อย่างไรเล่า"
.
ทุกคนพากันตกตะลึง เฟ่ยจีเป็นคนเดียวที่พูดขึ้นว่า "เขาเป็นบ้า เมื่อตอนที่ขึ้นเรือเขาก็บอกว่าเคยไปดวงจันทร์มาแล้ว"
.
อวี้ตี้ยังคงพูดต่อเหมือนเขากำลังแสดงละคร "เวลานั้นสวรรค์ได้เสียไป๋เชวี่ยไป(หมายถึง นกสีขาว)มันเป็นวิหคเทพเป็นศิริมงคล ถ้าได้มาจะทำการใหญ่สำเร็จ
ข้าสั่งให้ลงไปตรวจสอบอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าไป๋เชวี่ยลงมาจุติ
.
จางเจียน คนธรรมดาที่อวี๋หยางได้มันไป ข้าจึงขี่ราชรถมังกรมาที่โลกมนุษย์เพื่อจับไป๋เชวี่ยกลับมา คิดไม่ถึงว่าจางเจียนจะเจ้าเล่ห์เพทุบาย
แกล้งต้อนรับข้าอย่างกระตือรือล้น ร่วมมือกับไป๋เชวี่ยมอมสุราข้า ขโมยราชรถมังกรบินขึ้นไปบนสวรรค์
สวมรอยเป็นข้าเปลี่ยนเหล่าขุนนาง ตั้งแต่นั้นจางเจียนก็กลายเป็น เง็กเซียนฮ่องเต้ เจ้าแห่งสวรรค์องค์ใหม่ ส่วนข้าได้แต่เร่ร้อนในโลกมนุษย์"
.
ข้าหลวงเซี่ย "คนที่พาพวกเราผ่านพ้นอันตราย คงไม่ใช่คนบ้าหรอก นะ"
.
ซูอู๋หมิง "นี่อวี้ตี้ จากที่เจ้าพูดมาไป๋เชวี่ยนั่นน่าสงสัยมาก"
.
อวี้ตี้กระโดดพรวดมาหาซูอู๋หมิงด้วยความดีใจ "เจ้าก็คิดหรือ"
.
ซูอู๋หมิง "แต่...เรื่องที่เจ้าเล่านี่มีช่องโหว่อยู่ 2 จุด จุดที่1 เจ้าสูญเสียราชรถมังกรไปไม่อาจกลับสู่สวรรค์ นี้แสดงว่าเง็กเซียนฮ่องเต้อย่างเจ้ามีความสามารถไม่มากนัก
.
จุดที่2 หลังจากที่จางเจียนขึ้นไปบนสวรรค์สวมรอยเป็นเจ้า แล้วเปลี่ยนเหล่าขุนนางอย่างราบรื่นนั่นแสดงว่าเหล่าขุนนางไม่เคยเห็น ใบหน้าที่แท้จริงของเง็กเซียนฮ่องเต้อย่างเจ้า"
.
เฟ่ยจี "อะฮ้า ถูกต้องเลย ช่องโหว่2จุดนี้เจ้าจะอธิบายอย่างไร"
.
อวี้ตี้ "เหอะ นั่นเป็นเรื่องในอดีต ข้าจะไปจำได้ชัดเจนได้อย่างไร"
.
ข้าหลวงเซี่ย "เลิกพูดจาเหลวไหล เร่งคิดหาวิธีขึ้นฝั่งตรงข้ามโดยเร็วดีกว่า"
.
อวี้ตี้กระแทกกาน้ำที่กำลังรินใส่ชามเพื่อเตรียมดื่มอย่างฉุนเฉียว หันมามองข้าหลวงเซี่ยตาขวางเหมือนคนบ้า "ข้าหลวงตรวจการณ์ที่ใจร้อนอย่างเจ้าก็ควรหลับได้แล้ว"
.
สิ้นคำของอวี้ตี้ ข้าหลวงเซี่ยก็ฟุบหลับ อวี้ตี้หันไปมองคนที่เหลือ "พวกเจ้าด้วยนะ"
.
แล้วทุกคนต่างพากันฟุบหลับจนหมด อวี้ตี้เห็นดังนั้นหัวเราะเสียงก้องเดินขึ้นบัยไดไปข้างบนพูดกับตนเองอย่างยินดี "ในที่สุดเรือลำนี้ก็เป็นของข้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ"
.
เขาเพ่งมองดวงจันทร์กระจ่างตรงหน้า เหยียดแขนทั้ง2ข้างออกไปราวจะโอบกอดดวงจันทร์ไว้ "ข้าจะนั่งเรือลำนี้ตามกระแสน้ำลงไปในทะเล แล่นเรือไปให้ไกลจนถึงแม่น้ำสวรรค์ฮ่าๆๆๆ
.
แม่น้ำสวรรค์ติดต่อกับทะเล ช่วงนี้มีคนอาศัยอยู่ที่เกาะ เดือน8ของทุกปีจะเห็นเรือลำหนึ่งไม่เคยพลาดเวลา คนเรามี..."
.
เสียงซูอู๋หมิง "คนเรามีปณิธานอยากยินบนเรือกลางอากาศ สะสมเสบียง ขึ้นเรือเดินทางไป นี่คือบันทึกปีศาจที่จางหัวแห่ง6ราชวงศ์บันทึกเอาไว้ ดูเหมือนว่าเจ้า
จะคุ้นเคยกับบันทึกเล่มนี้มาก"
.
อวี้ตี้ "เจ้า"
.
หลูหลิงเฟิง "หากไม่แกล้งสลบเพราะยาของเจ้า ก็คงไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะปล้นเรือ เพ้อฝันที่จะเดินทางไปแม่น้ำสวรรค์ เจ้าบ้าไปแล้ว"
.
อวี้ตี้ "ทำไมยาสลบที่อาจารย์มอบให้ข้าจึงใช้ไม่ได้ผล มันเป็นยาวิเศษเชียวนะ"
.
เฟ่ยจี "อาจารย์ของเจ้าคนนั้นก็คงเป็นคนบ้าที่บำเพ็ญเพียรในภูเขาเหมือนกันใช่ไหม เทียบกับหมอเทวดาอย่างข้าได้หรือ"
.
อวี้ตี้ "แผนใช้ยาสลบของข้ามีช่องโหว่ตรงไหน"
.
ซูอู๋หมิง "ตอนที่เจ้าบอกว่าเคยเป็นคนหาปลามาก่อน ถ้าทุกคนเชื่อเจ้าจงตามไปที่ท้องเรือแล้วพายสุดกำลังจะต้องรอดแน่นอน
.
เป็นตอนนั้นที่ข้าแอบเตือนให้ท่านข้าหลวงระวังเจ้าเพราะเห็นแปลกประหลาด ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อ ข้าและหลูหลิงเฟิงจึงต้องแสดงตัว โชคดีที่ข้าหลวงเคยเห็นข้าทั้ง2มาก่อน"
.
อวี้ตี้ "เจ้ามีเหตุผลอะไรอีกที่ทำให้ท่านข้าหลวงเชื่อ"
.
ซูอู๋หมิง "เจ้าดูเหมือนเป็นคนบ้า แต่ในยามคับขันที่ทุกคนคิดอะไรไม่ออกทั้งสับสน เจ้ากลับเป็นคนเดียวที่มีสติคิดวิธีเอาตัวรอดได้ ข้าจึงคิดว่าเจ้าแกล้งบ้าเพื่ออะไรบางอย่าง
.
เจ้ารีบลงไปที่ท้องเรือก่อนแล้วใส่ยาในน้ำดื่มเพราะรู้ว่าหลังการพายอย่างหนักจะต้องดื่มน้ำ ข้าจึงให้เหล่าเฟ่ยหาโอกาสใส่ยาถอนพิษในน้ำดื่ม"
.
เฟ่ยจี "ข้าเคยอยู่ในตลาดผีที่ฉางอันมาก่อนหลายสิบปีจึงรู้จักยาพิษ-ยาถอนพิษทุกชนิด ไม่อย่างนั้นข้าจะอยู่มาได้ถึงป่านนี้หรือ"
.
ข้าหลวงเซี่ย "เจ้าพาพวกเราออกจากน้ำวน รอดพ้นอันตรายข้าขอบคุณเจ้า แต่ธาตุไฟเจ้าแตกหรือไรจึงกลับกลายเป็นมาร"
.
หลูหลิงเฟิง "เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าจะเดินเรือไปถึงแม่น้ำสวรรค์ได้"
.
อวี้ตี้ "นี่คือสิ่งที่ข้าปรารถนา น่าเสียดายที่โอกาสกลับสวรรค์อีกครั้งต้องเสียเวลาเพราะพวกเจ้า"
.
ซูอู๋หมิง "ในบันทึกปีศาจกล่าวไว้ว่าทะเลและแม่น้ำสวรรค์เชื่อมต่อกัน แต่นั่นเป็นเพียงบันทึกเรื่องปีศาจเป็นแค่ตำนาน เจ้าคิดเป็นจริงเป็นจังอย่างนั้นหรือ"
.
อวี้ตี้ตะโกน "มันเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว เพราะพวกเจ้าไม่เคยทำตามจะรู่ได้อย่างไรว่าไม่ใช่เรื่องจริง"
.
ซูอู๋หมิง "ถ้าเช่นนั้นถามหน่อยทำไมต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือเชียนฉงตู้"
.
อวี้ตี้หัวเราะ "ชื่อเชียนฉงตู้เพิ่งมาเปลี่ยนตอนราชวงศ์สุย ท่าเรือแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า เซียนเหรินตู้ แปลว่าท่าเรือเทพเซียน ในบันทึกบอกว่าออกทะเลไปถึงแม่น้ำสวรรค์ต้องขึ้นเรือจากที่นี่เท่านั้น"
.
ซูอู๋หมิง "พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้าอ่านบันทึกมากกว่าข้าหรือ"
.
อวี้ตี้ "ข้าเพียงอยากรู้ว่า เจ้าดูออกได้อย่างไรว่าข้าจะชิงเรือ"
.
ซูอู๋หมิง "วิชาปล่อยเลือดของเจ้า ดูออกว่าเป็นวิชานอกรีต(ไม่ประพฤติตามจารีตประเพณี) แต่ว่าสือโถวปิ่งนั่นเป็นของดีจริงๆ เก็บไว้ได้นาน
ทว่าตลอดทางมานี้มีทั้งโรงเตี้ยมของทางการของชาวบ้านอีก เจ้าเป็นนักเดินทาง
ใยต้องซื้อสือโถวปิ่งมากมายขนาดนั้น
.
ข้าต้องยอมรับว่าเจ้ามีความสามารถมากจริงๆ สถานที่ที่เราเจอกันจนถึงท่าเรืออย่างน้อยก็20กว่าลี้ พวกเราขี่ม้าแต่เจ้าวิ่ง แล้วเจ้ามาถึงก่อน
แถมสั่งซื้อสือโถวปิ่งล่วงหน้าและกินบะหมี่ปั๋วทัวจนหมด เจ้าวิ่งเร็วจริงๆ แต่...สิ่งที่ทำให้เจ้าเผยไต๋คือตอนที่ขึ้นเรือนั้นเจ้าพูดว่าอะไรนะ
>>>มีเรือกลางอากาศจริงๆด้วย<<<"
.
ซูอู๋หมิง "อยากยืนบนเรือกลางอากาศ สะสมเสบียง บนเรือนี้มีห้องใต้หลังคาพอดี เจ้าคิดว่าสวรรค์ช่วยเจ้าชิงเรือออกทะเล"
.
สี่จวิน "ข้าไม่เชื่อบันทึกนี้ แต่ถ้าล่องเรือแล้วบินไปบนฟ้าได้ นับว่าเรื่องราวนี้ช่างแปลกประหลาดงดงามจริงๆ"
.
อวี้ตี้ "ใช่แล้ว งดงามมาก น่าเสียดายที่ถูกพวกเจ้าก่อกวน เดิมทีข้าไม่อยากฆ่าคน
แต่ข้าจะไม่ให้การกลับสู่สวรรค์ต้องพังลง มนุษย์ที่ขวางเง็กเซียนฮ่องเต้จะต้องตายเท่านั้น" พลันชักอาวุธออกมา
.
ซูอู๋หมิงเรียกหลูหลิงเฟิงให้จัดการซึ่งพระเอกสั่งให้ทุกคนรีบไปหลบในที่ปลอดภัยจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลง ข้าหลวงเซี่ยแปลกใจที่ไม่มีใครไปช่วย อิงเถาตอบว่าจะเป็นการเอาเปรียบเง็กเซียนฮ่องเต้ เมื่อจบเรื่องแล้วหลูหลิงเฟิงจะเรียกเอง
.
ซูอู๋หมิงเชิญข้าหลวงเซี่ยมาดื่มน้ำรอ จะมีก็เพียงสี่จวินที่คอยเฝ้าแอบดูอยู่หลังม่านด้วยความเป็นห่วงหลูหลิงเฟิง แต่ยังไม่ทันที่ท่านข้าหลวงจะได้ดื่มน้ำหลูหลิงเฟิงก็ส่งเสียงบอกว่าเรียบร้อยแล้วออกมาเถอะ เฟ่ยจีจึงบ่นว่าเร็วไปไหม
.
อวี้ตี้ถูกจับมัดไว้ในตาข่ายเช่นเดิม ขณะที่ข้าหลวงเซี่ยคิดว่าเมื่อขึ้นฝั่งจะนำส่งทางการ ข้อหาคิดชิงเรือฆ่าคนนั้นตามกฏหมายมีโทษถึงตาย แม้เขาจะช่วยทุกคนไว้จากเรือล่มก็ตาม เพียงแต่...
.
เรือเอียงโอนไปมาด้วยคลื่นยักษ์โดยไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาต่างก็เซถลาหาที่ยึดเหนี่ยว ข้าวของกระเด็นกระดอน น่าสงสารก็แต่ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ในตาข่าย
ที่กลิ้งไปมา
.
แล้วก็ปรากฎภาพที่ทำให้ทุกคนสะพรึง อยู่ข้างเรือคือปีกขนาดยักษ์ มีหน้าเหมือนฉลาม มีหนวดของปลาหมึก "ตัวอะไรนั่น" อิงเถาอุทานเมื่อมันไปแล้ว เนื้อตัวนางเปียกด้วยคลื่นที่ซัดใส่ ขณะที่อวี้ตี้ยังคงแหกปากร้องลั่นด้วยความตกใจ
.
เฟ่ยจี "นางถามเจ้าอยู่นะ ซูอู๋หมิง"
.
"ข้าก็ไม่เคยเห็น แต่เคยได้ยินจากตำนานบนพื้นดินที่มีสีไม่เหมือน ในน้ำมีสัตว์ร้ายชนิดหนึ่งชื่อว้่า 5ไม่เหมือน"
.
เฟ่ยจี "กรงเล็บของมันเหมือนปูยักษ์"
.
สี่จวิน "สัตว์ในน้ำทำไมมีปีก มันมีหางเหมือนแมงป่องด้วย"
.
ซูอู๋หมิง "พั่วเจ๋อ หัวฉลาม หางแมงป่อง ขาปู หนวดหมึก ปีกค้างคาว นี่คือ 5ไม่เหมือน ที่บันทึกไว้ในตำรา"
.
อิงเถา "รู้ชื่อมันตอนนี้มีประโยชน์อะไร มันจะกินคนนะ"
.
แล้วพั่วเจ๋อก็โผล่ขึ้นมาใหม่ ความแรงของคลื่นทำให้อวี้ตี้ถูกจับมัดไว้ในตาข่ายกลิ้งไปตามความโคลงไปโคลงมาของเรือ
และกำลังจะตกจากเรือแม้เขาจะพยายามหาที่จับยึดแล้วก็ตาม อวี้ตี้ได้แต่เพียงร้องจนสุดเสียง ซูอู๋หมิงเองก็ใจหายวาบตะโกนจนสุดเสียงเช่นกัน
.
"ช่วยคน"
.
ซูอู๋หมิงไม่ได้คิดถึงชีวิตตัวเองแม้แต่น้อยกระโจนไปจับร่างของอวี้ตี้ไว้โดยมีเฟ่ยจีช่วยอีกแรง แต่ความแรงของคลื่นทำให้อวี้ตี้หลุดจากการจับของทั้ง2 กลิ้งต่อไปทำท่าจะตกจากเรือเข้าไปในปากของพั่วเจ๋อ
.
หลูหลิงเฟิงจึงใช้ทวนสกัดสัตว์ยักษ์ อิงเถาเหวี่ยงเชือกไปมัดตัวอวี้ตี้ไม่ให้ตกน้ำทำให้เขาถูกแขวนข้างเรือ
ทางด้านซูอู๋หมิงก็ไปที่ท้องเรือนำเนื้อลาในเข่งมาโยนให้พั่วเจ๋อ ทั้งสั่งให้ทุกคนทำตาม
.
กว่าพั่วเจ๋อจะยอมลงน้ำโดยดีเนื้อลาก็ไม่เหลือทั้ง2เข่งใหญ่ ซูอู๋หมิงจึงหายข้องใจว่าทำไมจึงต้องฆ่าลาก็เพื่อให้เจ้าสัตว์ยักษ์นี่เอง
ทุกคนต่างทรุดกายลงนั่งอย่างอ่อนแรง พลันเสียงของอวี้ตี้ที่ถูกแขวนข้างเรือก็ดังขึ้น "ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย"
.
จบตอน2 ภาพปกจากกูเกิ้ล กุ้ยฮวา หรือ ดอกหอมหมื่นลี้(Osmanthus) เป็นดอกไม้หอมที่มีชื่อเสียงของจีน มีกลิ่นหอมแรงและเป็นที่นิยมนำมาทำชาหรือขนมหวาน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย