15 พ.ย. เวลา 08:12 • การศึกษา

หวงตี้ มหาราชผู้ทรงในสมัยโบราณ

พระองค์ทรงเป็นหนึ่งในสามกษัตริย์ (三皇) ที่ถูกยกย่องมาแต่โบราณ สามกษัตริย์หมายถึงสามอริยกษัตริย์ อันประกอบด้วย ฝูซี (伏羲) เสินหนง (神農) เซวียนเอวี๋ยน (軒轅)
ชาวจีนรุ่นหลังต่างเชื่อกันว่า ชาติพันธุ์ชาวฮั่นที่เป็นชาติพันธุ์แห่งชนชาติจีนนั้น แต่เดิมสืบเชื้อสายสายมาแต่หวงตี้ นอกจากเชื่อว่าเป็นทายาทแห่งหวงตี้แล้ว ก็ยังเชื่อว่าสืบเชื้อสายมาแต่เสินหนง (神農) หรือกษัตริย์เหยียน (炎帝) อีกด้วย ดังนั้นชนชาติจีนจึงยกตนเองว่าเป็นทายาทแห่งเหยียนหวง (炎黃子孫) โดยคำว่าเหยียนมาจากพระนามของกษัตริย์เหยียน (炎帝) ส่วนคำว่าหวงมาจากพระนามของกษัตริย์หวงตี้ (黃帝)
เหตุที่กล่าวว่า หวงตี้เป็นต้นสายบรรพบุรุษของชนชาติจีน นั่นก็เพราะครั้งหนึ่ง ชนเผ่าของหวงตี้กับชนเผ่าของเหยียนตี้ได้ผนึกรวมกันเป็นหนึ่ง แล้วเรียกว่าชนเผ่าใหม่ที่เกิดจากการผนึกรวมกันนี้ว่าชนเผ่าฮว๋าเซี่ย (華夏民族) โดยคำว่าฮว๋า (華) มีความหมายว่าสวยงาม เซี่ย (夏) มีความหมายยิ่งใหญ่
เหตุที่ใช้คำว่า “ชนเผ่ายิ่งใหญ่ที่สวยงาม” นั่นก็เพราะเผ่าฮว๋าเซี่ยเป็นชนเผ่าที่มีอารยธรรมอันงดงาม ชอบสวมใส่เสื้ออาภรณ์อันวิจิตรจนเป็นที่อิจฉาชื่นชมของชนต่างเผ่า และคำว่าฮว๋าเซี่ย (華夏) นี้ ก็ยังคงมีใช้ตราบถึงปัจจุบัน หากแต่มีน้อยคนที่จะรับรู้ที่มาที่แท้จริง
ไม่เพียงแต่เท่านี้ หวงตี้ยังเป็นต้นสายบรรพบุรุษของอริยกษัตริย์อีกมากมายหลายพระองค์ เริ่มตั้งแต่ทายาทของท่านจนถึงราชวงศ์โจวเลยทีเดียว อันประกอบด้วย เส้าเฮ่า (少昊) จวนซวี (顓頊) ตี้คู่ (帝嚳) เหยา (堯) ซุ่น (舜) อวี่ (禹) โจวเหวินหวัง (周文王) โจวอู่หวัง (周武王) และโจวกง (周公)
หวงตี้ทรงเป็นนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ ทรงเป็นมหาราชผู้เกรียงไกรในสมัยโบราณ หากดูบันทึกที่มีการอ้างถึงเรื่องราวของหวงตี้ที่เก่าแก่ที่สุด ก็พบว่าจะมีอยู่สองฉบับ ฉบับแรกคือจั่วจ้วน (左傳) อีกฉบับคือซือจื่อ (尸子) โดยเฉพาะในซือจื่อ ได้อ้างอิงขงจื่อว่าได้กล่าวถึงคุณธรรมของหวงตี้ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
จื่อก้งถามขงจื่อว่า “ในสมัยโบราณ มีหวงตี้ที่ทรงมีพระพักตร์สี่หน้า เชื่อได้หรือไม่”
ขงจื่อกล่าวว่า “หวงตี้ทรงแต่งตั้งบุคคลที่มีความคิดเหมือนพระองค์สี่คน ให้ไปปกครองจตุรทิศ ไม่ร่วมคิดอ่านแต่ก็สนิท ไร้กำหนดกฎเกณฑ์แต่ก็บรรลุผล มีผลสำเร็จอันยิ่งใหญ่ นี่ก็คือความหมายของจตุรพักตร์นั่นแล (子貢問孔子曰:『古者黃帝四面,信乎?』孔子曰:『黃帝取合己者四人,使治四方,不謀而親,不約而成,大有成功,此之謂四面也。)”
แต่ด้วยเหตุอันใดจึงทำให้หวงตี้ยังคงเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือมาแต่โบราณ แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านมายาวนานถึงเกือบห้าพันปีในปัจจุบัน และสิ่งต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงทำไว้อาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในปัจจุบันไปแล้วก็ตาม นั่นก็เพราะหากไม่มีสิ่งที่พระองค์ได้ทรงทำในฐานะมหาราชที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทรงปูรากฐานอันมั่นคงไว้ในวันนั้น ก็คงจะไม่มีอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติในปัจจุบันได้
ในฐานะนักปกครองที่ยิ่งใหญ่ มหาราชผู้เกรียงไกร
พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มที่ทำเกิดสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นรากฐานแห่งอารยธรรมของมวลมนุษยชาติตราบจนทุกวันนี้ เช่น ทรงบัญชาให้ซีเหอ (羲和) สังเกตพระอาทิตย์ ให้ฉางอี๋สังเกตพระจันทร์ (常儀) ให้อวี๋ชวี (臾區) สังเกตดวงดาว ให้หลิงหลุน (伶倫) สร้างระบบดนตรีและเครื่องดนตรี (律呂) ให้ต้าเหนา (大撓) สร้างระบบคำนวณโหร (甲子) ให้ลี่โส่ว (隸首) สร้างระบบการคำนวณ จากนั้นก็ทรงให้นำแขนงวิชาเหล่านี้มาสังเคราะห์จนกลายเป็นระบบปฏิทิน (調曆) และระบบดนตรี
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงให้ชังเจี๋ย (倉頡) และจวี่ซ่ง (沮誦) สร้างตัวอักษร ยงฟู่ (雍父) สร้างครกสากที่ใช้สำหรับตำข้าว อี๋โหมว (夷牟) และฮุย (揮) สร้างธนูและศร ก้งกู่ (共鼓) ฮั่วตี๋ (貨狄) สร้างเรือ และยังมีพระสนมเอกของพระองค์นามว่าเหลยเจี่ย (嫘祖) ที่สอนประชาชนให้เลี้ยงหม่อนไหมเพื่อดึงไยมาทอผ้า ทั้งนี้ ยังมีพระสนมองค์ที่สี่ นามว่าหมอหมู่ (嫫母) ที่ลือกันว่าเป็นหนึ่งในสี่หญิงยอดอัปลักษณ์ของประวัติศาสตร์จีน หากแต่มีคุณธรรมสูงส่งจนหวงตี้ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระสนม ได้เป็นผู้สร้างคันฉ่องหิน
จะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมด ได้เป็นรากฐานแห่งความเจริญที่ทำให้เราต่างได้รับอานิสงส์ในปัจจุบันทั้งสิ้น และนี่ก็คือเหตุผลแห่งความยิ่งใหญ่ของมหาราชหวงตี้ผู้ทรงธรรมนั่นเอง
โฆษณา