Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ธรรมะ คือ คุณากรณ์
•
ติดตาม
16 พ.ย. เวลา 21:09 • ปรัชญา
watthakhanun
วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เอาเรื่องสำคัญของเราก่อน ก็คือกระผม/อาตมภาพตั้งใจจัดงานอุปสมบทหมู่รุ่นพิเศษ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่อง
ในวาระปัญญาสมวาร ก็คือครบ ๕๐ วันที่สมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จสวรรคต
คราวนี้การรับสมัครนั้นจะให้ทางเว็บไซต์วัดท่าขนุนเปิดกระทู้รับสมัคร ผู้ที่ตั้งใจจะบวช ถ้าหากว่ายังไม่เคยบวชแบบอุกาสะฯ กับทางวัดท่าขนุนก่อน ก็ต้องเข้าวัดตั้งแต่ก่อน ๑๘.๐๐ น.ของวันศุกร์ที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ นี้
ส่วนท่านใดที่เคยบวชแบบอุกาสะฯ มาแล้ว ผ่อนผันให้เข้าวัดได้ก่อน ๑๘.๐๐ น.ของวันอังคารที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ โดยที่จะไปอุปสมบทหมู่ในเวลา ๑๒.๓๐ น.ของวันศุกร์ที่ ๕ แล้วขอให้ทุกคนอยู่ถึงวันศุกร์ที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นวันครบ ๕๐ วันการเสด็จสวรรคต ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่วนที่เหลือจะอยู่ต่ออีกนานน้อยนานมากเท่าไร แล้วแต่ความสมัครใจของท่านเอง เริ่มสมัครได้ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปเลย หลังจากที่ทางเว็บไซต์วัดท่าขนุนเปิดกระทู้แล้ว
ทุกท่านต้องคิดว่าในเรื่องของการอุปสมบทถวายพระราชกุศลแบบนี้ หาคนอยู่ยาว ๆ ยาก ก็น่าจะไม่ใช่ เพราะว่าอย่างหลวงพ่อสมคิด (พระครูบวรกาญจนธรรม) เจ้าคณะตำบลบ้านเก่า เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดตะเคียนงาม ท่านก็อุปสมบทถวายพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แล้วก็อยู่ยาวมาจนบัดนี้ ๔๑ ปีเข้าไปแล้ว
หรือเอาแค่ท่านจิต (พระจิตติพัฒน์ อินฺทปญฺโญ) ของเรา ก็อุปสมบทหมู่เหมือนกัน แล้วก็อยู่ยาวมาจนบัดนี้ ก็แปลว่าถ้าหากว่าใครบุญดี สามารถอยู่ต่อได้ ก็ถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่ตนเองและบุคคลที่ตนเองรัก โดยเฉพาะเป็นการอุปสมบทหมู่ในวาระสำคัญ ก็คือในวันพ่อแห่งชาติ เพื่อถวายพระราชกุศลแก่สมเด็จแม่ของชาติเราด้วย
เรื่องต่อไปก็คือเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ว่า ประเทศเรามีรัฐบาลไว้ทำอะไรก็ไม่รู้ ? โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีนี้ทรงเจริญพระชนมายุ ๗๔ พรรษาแล้ว ถ้าหากว่านับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ท่านก็เสด็จเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ไม่นับตอนที่ยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
เนื่องเพราะว่าเป็นโอกาสหรือวาระพิเศษ ในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับประเทศจีนครบ ๕๐ ปี ก็คือมีการลงนามกันระหว่างท่านนายกรัฐมนตรีโจว เอิน ไหล นายกรัฐมนตรีจีน กับท่านหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ในวันที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ มาจนป่านนี้
เพราะว่าก่อนหน้านั้น พวกเราโดนโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องของลัทธิคอมมิวนิสต์ จนกระทั่งเห็นเป็นยักษ์เป็นมาร หวาดกลัวไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมื่อประเทศเวียดนาม ประเทศลาว ประเทศกัมพูชา ตกอยู่ภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์กันหมด ก็ทำให้เกรงว่าไทยเราจะเป็นโดมิโนตัวต่อไป ซึ่งถ้าประเทศไทยพังลงเมื่อไร อาเซียนทั้งหมดก็จะไม่เหลืออะไรเลย..!
แต่ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงต่อสู้กับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มาโดยตลอด ก็คือทำโครงการทุกอย่างเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน จนกระทั่งนักข่าวต่างประเทศสัมภาษณ์พระองค์ว่า "การต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์นี้ พระองค์ท่านมีความหวังว่าจะชนะหรือไม่ ?"
พระองค์ท่านบอกว่า "คุณถามผิด..เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ หากแต่กำลังต่อสู้เพื่อปากท้องของประชาชนผู้หิวโหย" นั่นก็คือพระวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และกว้างไกล โดยเฉพาะกำลังพระทัยที่เปิดกว้าง ไม่เห็นว่าใครเป็นศัตรู หากแต่ว่าทุกผู้คนล้วนแล้วแต่เป็นพสกนิกร ที่พระองค์ท่านจะต้องช่วยเหลือให้พ้นจากความอดอยากปากแห้ง..!
แล้วตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ๗๐ ปี พระองค์ท่านก็ได้พลิกฟื้นบรรดาสถานที่แห้งแล้งกันดารต่าง ๆ ให้กลายเป็นที่อุดมสมบูรณ์ จากโครงการทั้งหมด ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ จนปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐ ก็ทรง "สืบสาน รักษา และต่อยอด" มา จนถึงวันนี้ที่พระองค์ท่านเจริญพระชนมายุ ๗๔ พรรษาแล้ว ยังต้องเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอีก..!
เนื่องเพราะว่าบรรดานักการเมืองทั้งของเราและของประเทศรอบข้าง ล้วนแล้วแต่เห็นผลประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่ ไม่ได้เห็นผลประโยชน์ของชาติเป็นใหญ่..!
ดังนั้น..ประชาชนของเราจึงต้องอดทนอดกลั้น ต่อการยั่วยุของเขมรมาโดยตลอด แม้กระทั่งประเทศมาเลเซียที่อยู่ในฐานะของประธานอาเซียน ก็กล่าวหาไทยเราว่าไปรุกรานประเทศเขมร นายกรัฐมตรีเขมรเป็นผู้ที่ใฝ่สันติภาพ..!
ฟังดูแล้วเราจะเห็นว่า ในเรื่องของการเมืองนั้น เป็นการพลิกลิ้น กลับคำ สาดโคลนกันแบบไม่เกรงใจใคร ขอให้ได้ประโยชน์เข้าตัวเท่านั้นเอง จนกระทั่งท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ออกมาปราม จากคำกล่าวหาที่ว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิดเก่า ประเทศมาเลเซียก็ต้องกลับลำ ๑๘๐ องศา บอกว่าเป็นกับระเบิดใหม่ แต่ผู้สื่อข่าวเสนอข่าวผิดพลาด..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๘
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย