6 ชั่วโมงที่แล้ว • ท่องเที่ยว

สวนสวยของแม่

‘สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์’
สืบสานพระราชปณิธาน “พระพันปีหลวง”
อนุรักษ์-เผยแพร่ความรู้พรรณพฤกษชาติไทย
ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้คุณค่าของพรรณไม้ไทย
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่กว่า 6,500 ไร่ ท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. 2535 โดยมีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ปี 2537 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานพระราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามเป็นชื่อสวนว่า สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
นับแต่นั้นเป็นต้นมา สวนพฤกษศาสตร์ฯ แห่งนี้ได้ทำหน้าที่ สืบสานพระราชปณิธาน ในการอนุรักษ์และเผยแพร่คุณค่าพรรณพฤกษชาติไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดิน งดงามตามธรรมชาติ มีความหลากหลายทางชีวภาพ ในบรรยากาศที่ร่มรื่น
วันที่ 8 เมษายน 2539 เสด็จฯ เปิดสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540 เสด็จฯ ทอดพระเนตรแปลงพรรณไม้วงศ์กล้วย ปาล์ม บอน เฟิร์น ขิงข่า
วันที่ 29 มกราคม 2541 เสด็จฯ ทอดพระเนตรกล้วยไม้ไทย เส้นทางสวนหิน น้ำตกแม่สาน้อย
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2542 เสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ เส้นทางวัลยชาติ
วันที่ 30 มกราคม 2543 เสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ พืชสมุนไพรไทย เส้นทางวัลยชาติ
วันที่ 30 มกราคม 2544 เสด็จฯ พร้อมด้วย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลูกต้นเอื้องแซะหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตัดริบบิ้นเปิดกลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ
วันที่ 31 มกราคม 2545 เสด็จฯ ทอดพระเนตรพรรณไม้ในเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ ทรงปลูกต้นต๋าว (ลูกชิด) ในเรือนป่าดิบชื้น
วันที่ 1 มีนาคม 2547 เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการพันธุ์กล้วยไม้ไทย พืชกินแมลง และเฟิร์นในเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ
วันที่ 27 มกราคม 2549 เสด็จฯ ทอดพระเนตรการอนุรักษ์กล้วยไม้ไทย ณ เรือนกล้วยไม้
ปัจจุบัน สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ยังคงดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้คุณค่าของพรรณไม้ไทย และเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน ภายใต้สังกัดองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
จุดที่น่าสนใจภายในสวนพฤกษศาสตร์ฯ มี 4 จุดหลัก ได้แก่ กลุ่มอาคารเรือนกระจก (Plant Conservatories) / เส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้ (Canopy walkway) / พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museum) / น้ำตกแม่สาน้อย (Mae Sa Noi Waterfall)
กลุ่มอาคารเรือนกระจก (Plant Conservatories) เป็นกลุ่มอาคารเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวบรวมและจัดแสดงพรรณไม้ที่โดดเด่น หายาก ใกล้สูญพันธุ์จากหลากหลายระบบนิเวศ จำลองบรรยากาศให้คล้ายกับที่พืชอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ ชมนาฬิกาดอกไม้เรืองแสงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 เมตร ปลูกไม้ดอกไม้ประดับตามฤดูกาลในหน้าปัดของนาฬิกา
เรือนป่าดิบชื้น (Tropical Rainforests) เป็นโรงเรือนที่ใหญ่ที่สุด จัดแสดงสภาพป่าและพรรณไม้ในป่าดิบชื้น พืชเฉพาะถิ่น พืชหายากทางภาคใต้ อาทิ เถาใบสีทอง, ปาล์มเจ้าเมืองตรัง ปาล์มเจ้าเมืองถลาง, ปาล์มบังสูรย์, กะทือพิลาส, หมากแดง, กล้วยศรีนรา และดาหลาขาว
บรรยากาศชุ่มชื้นสูงด้วยระบบไอน้ำพ่นฝอยอัตโนมัติ เพื่อให้มีความชื้นทั่วถึงทุกจุด ปรับภูมิทัศน์ด้วยน้ำตกและถ้ำ มีทางเดินยกระดับ สามารถเดินชมเรือนยอดพรรณไม้จากมุมสูงได้อย่างทั่วถึง
เรือนกล้วยไม้และเฟิร์น (Orchids and Ferns) จัดแสดงกล้วยไม้ไทย กล้วยไม้ลูกผสม เช่น ว่านเพชรหึง (ว่านหางช้าง) กล้วยไม้ที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก, วนิลา กล้วยไม้ที่มีลำต้นยาวที่สุดในโลก ฝักมีกลิ่นหอม ใช้ทำขนมหรือไอศกรีม
และกล้วยไม้ลูกผสมหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ กล้วยไม้ลูกผสมสกุลหวาย (Dendrobium sp.) สกุลแวนด้า (Vanda sp.) สกุลอิพิเดนดรัม (Epidendrum sp.) ด้านล่างเป็นเฟิร์นนานาชนิด อาทิ เฟิร์นกีบแรด เฟิร์นแม่ลูกอ่อน เฟิร์นก้านดำ เฟิร์นชายผ้าสีดา
เรือนพืชทนแล้ง (Arid Plants) ความมหัศจรรย์ของพืชที่มีการปรับตัวให้อยู่ในสภาพแห้งแล้งได้ ประกอบด้วยพืชกลุ่มกระบองเพชร พืชอวบน้ำ มีรูปร่างแปลกตา ดอกกระบองเพชรหลากหลายสีสัน พืชอวบน้ำต่าง ๆ อาทิ กุหลาบหิน ว่านหางจระเข้ และป่านศรนารายณ์ ชนิดต่าง ๆ และพืชที่หาดูยากจากเกาะมาดากัสการ์
เรือนสับปะรดสี (Bromeliads) รวบรวมพืชกลุ่มสับปะรดสีหลากหลายสายพันธุ์ ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา ลักษณะใบมีลวดลายและสีสันสวยงาม นิยมปลูกเป็นพืชประดับตกแต่งสวน
เรือนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน (Ethnobotany) ตัวอย่างภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ใช้ประโยชน์จากพืชพื้นบ้านและสมุนไพร จาก 5 กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ม้ง ไทใหญ่ ลัวะ กะเหรี่ยง ไท-ยวน
เส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้ (Canopy walkway) โครงสร้างเหล็กกล้า เส้นทางเดินระยะทาง 500 เมตร สูงเหนือพื้นดินกว่า 20 เมตร ชมธรรมชาติป่าเขาที่มีทัศนียภาพสวยงาม มีป้ายสื่อความหมายของพรรณไม้และสัตว์บางชนิดที่อาจพบเจอระหว่างทางเดิน
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ตั้งอยู่เลขที่ 100 หมู่ที่ 9 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ (https://maps.app.goo.gl/aautUhwTEE5mMhsj9) เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น. (ตรวจสอบเวลาเปิด–ปิดล่าสุดจากเว็บไซต์/เฟซบุ๊กก่อนเดินทาง)
ค่าเข้าชม (รวมค่าเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้ :Canopy walkway ไว้แล้ว)
ชาวไทย ผู้ใหญ่ 50 บาท / นักเรียน นักศึกษา 20 บาท / เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี - ผู้สูงอายุ - ผู้พิการ - ภิกษุสงฆ์ ไม่เสียค่าเข้าชม / ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 150 บาท / เด็ก 100 บาท / รถยนต์ คันละ 100 บาท (อัตราค่าเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบจากช่องทางทางการอีกครั้ง)
การเดินทาง
รถยนต์ : ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 25 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่-แม่ริม) จนถึงสามแยกแม่ริม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าใช้ทางหลวงหมายเลข 1096 (แม่ริม-สะเมิง) ตรงไปประมาณ 12 กิโลเมตร จะพบสวนพฤกษศาสตร์ฯ ตั้งอยู่ริมถนนทางซ้ายมือ
รถโดยสารประจำทาง: มีรถสองแถว (สีเหลือง) สายเชียงใหม่-สะเมิง-เชียงใหม่ ให้บริการจากสถานีขนส่งผู้โดยสารช้างเผือก ผ่านสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ สุดสายที่อำเภอสะเมิง รถออกทุก 1 ชั่วโมง เวลา 08.00-17.00 น. ขากลับเข้าเมืองเชียงใหม่ มาโบกรถโดยสารได้ที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามทางเข้าสวนพฤกษศาสตร์ฯ
ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 08 0009 9433 (ในวันและเวลาราชการ)
เว็บไซต์: https://botanic.qsbg.org
เฟซบุ๊ก: สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
อ้างอิง : ข่าวสารท่องเที่ยว ททท.
โฆษณา