18 พ.ย. เวลา 01:54 • สิ่งแวดล้อม
สวนป่าตื่น

📌 ข้อเสนอและแนวปฏิบัติ สำหรับแผนแม่บท “ลุ่มน้ำหลักที่เกี่ยวเนื่องกัน”

สำหรับแผนแม่บท “ลุ่มน้ำหลักที่เกี่ยวเนื่องกัน”
(FBC — SEA — Cross-Basin Integration)
ผมขอจัดทำข้อเสนอเชิงระบบที่ “นำไปใช้ได้จริง” สำหรับบรรจุในแผนแม่บทลุ่มน้ำหลัก ได้แก่ ลุ่มเจ้าพระยา–ป่าสัก–ท่าจีน–แม่กลอง–บางปะกง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกันโดยตรง ทั้งในด้านนิเวศ–เศรษฐกิจ–น้ำหลาก–น้ำทะเลหนุน
ข้อเสนอนี้เน้น 3 คำใหญ่
FBC (Function-Based Clusters)
SEA (Strategic Environmental Assessment)
Cross-Basin Integration (บูรณาการข้ามลุ่มน้ำ)
1) จัดทำ “Floodplain Governance Zone – FGZ” แบบ FBC
เพื่อระบุบทบาทการท่วม–การหน่วง–การระบาย ของพื้นที่ภาคกลางอย่างเป็นระบบ
● 1.1 จัดโซนตาม Function-Based Clusters
• F1 ป่า–ต้นน้ำ
• F2 พื้นที่ชุ่มน้ำ–หนองบึง
• F3 เกษตรทุ่งรับน้ำ
• F4 เขตเมือง–ชุมชน
• F5 เศรษฐกิจ/อุตสาหกรรม
• F6 ปากแม่น้ำ–ชายฝั่ง
● 1.2 จัดทำแผนที่ Floodplain หลักในภาคกลาง
• รวมข้อมูลน้ำท่วมดั้งเดิม 100 ปี
• รวมข้อมูล subsidence (การทรุดตัว)
• รวมข้อมูล sea-level rise
• รวมข้อมูลชุมชน–เมืองที่ขยายทับฟลัดเพลน
● 1.3 กำหนด “กติกาน้ำหลาก” รายพื้นที่
• ระดับท่วมยอมรับได้
• ระยะเวลาหน่วงน้ำ
• เกณฑ์ชดเชยตาม Cluster
ทั้งหมดต้องเป็นข้อกำหนดในแผนแม่บท
2) ฟื้นระบบระบายน้ำ (Drainage System Restoration) แบบ Hybrid
ใช้ทั้ง Nature-based + Engineering-based
● 2.1 เปิด “เส้นทางน้ำหลัก” 6–8 สายของภาคกลาง
เช่น
• คลองบางบาล–บางไทร
• คลองมหาสวัสดิ์–ท่าจีน
• คลองชัยนาท–ป่าสัก
• ร่องน้ำธรรมชาติเดิมรอบอยุธยา
● 2.2 ระบุ “Neck Points” หรือคอขวด
ต้องจัดทำเป็น “Critical Drainage Portfolio” รายจุด
เพื่อให้รัฐแก้ปัญหาถูกที่
เช่น
• จุดคลองตัน
• คอขวดย่านอยุธยา
• ทางข้ามรถไฟที่ต่ำ
• ท่อระบายน้ำขนาดต่ำกว่า Q50
● 2.3 ทำ Floodways ที่ใช้นิเวศเป็นฐาน
เช่น
• พื้นที่สีเขียว–นาข้าวที่เชื่อมต่อกับคลอง
• ทางน้ำธรรมชาติที่ฟื้นคืน
• ร่องน้ำที่นำร่องใน F3–F6
3) จัดตั้ง “Cross-Basin Coordination Authority – CBCA”
เพื่อการบริหาร 4 ลุ่มน้ำร่วมกันอย่างแท้จริง
● 3.1 ตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม (Joint Basin Operation Room)
มีตัวแทนจาก
• RID
• ONWR
• DWR
• ปภ.
• หน่วยงานจังหวัด
• ศูนย์ข้อมูลน้ำ
ทำงานร่วมกันแบบ real-time
● 3.2 กำหนด “กติกาการปล่อยน้ำข้ามลุ่มน้ำ”
มี Operating Rules สำหรับ 3 เงื่อนไข
• ปีน้ำมาก
• ปีน้ำปกติ
• ปีน้ำน้อย
พร้อมเชื่อมโยงกับระดับน้ำทะเล + การทรุดตัว
4) ฟื้น “คลองธรรมชาติ–คลองโบราณ” ที่หายไป
และเพิ่มความสามารถในการระบายน้ำลงทะเล
● 4.1 จัดลำดับคลองโบราณ 100 สายที่ต้องคืน
เช่น
คลองขนมจีน
คลองหัวรอ
คลองโคกกระเทียม
คลองบางจัก
คลองมะขามเฒ่า–ท่าตะโก
● 4.2 ใช้ UAV-SAR + LIDAR
สำรวจ “ท้องคลองเดิม”
ระบุความสูงต่ำแบบละเอียด
เพื่อเรียงลำดับคลองที่ฟื้นได้จริงและคุ้มค่า
5) จัดตั้ง “กองทุนชดเชยฟลัดเพลน” (Compensation for Floodplain Services – CFS)
● 5.1 จ่ายค่าชดเชยตาม FBC
• F3 เกษตร — ชดเชยโดยตรง
• F4 เมือง — ยกระดับมาตรฐานป้องกัน
• F6 ปากแม่น้ำ — สนับสนุน retention zone
● 5.2 จัดทำ “Early Compensation” แบบเนเธอร์แลนด์
เพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับความเสี่ยงโดยลำพัง
6) ระบบติดตามน้ำแบบ Real-Time Basin-Wide
(Real-Time Digital Flood Twin)
● 6.1 สร้าง Digital Twin ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา–ป่าสัก
จำลองปีน้ำต่าง ๆ
เชื่อมข้อมูล
• เขื่อน
• คลอง
• ระดับน้ำทะเล
• จุดคอขวด
• พื้นที่ทรุดตัว
● 6.2 สร้าง Dashboard ข้ามลุ่มน้ำ
สาธารณะ
โปร่งใส
อัปเดต 24 ชั่วโมง
7) ผังน้ำ–ผังเมือง–ผังลุ่มน้ำแบบ “Function-Based Layers”
ควรประกอบด้วย 4 แผนใหญ่
1. ผังน้ำ (Hydro-Zoning)
2. ผังตั้งถิ่นฐาน (Settlement suitability)
3. ผังทางน้ำหลาก (Flood Conveyance Path)
4. ผังฟื้นฟูลุ่มน้ำ (Restoration Zones)
ผังทั้ง 4 ต้องทับซ้อนกัน และใช้ SEA เพื่อประเมินภาพรวม
8) แผนงานเร่งด่วน 5 ปี (Fast-Track Package)
1. คืนฟลัดเพลน 300,000 ไร่
2. ฟื้นคลองโบราณ 20 สาย
3. แก้คอขวด 40 จุดสำคัญ
4. สร้าง Floodway บางบาล–บางไทร ระยะที่ 1
5. ติดตั้ง Sensor Telemetry 5,000 จุด
6. ตั้งกองทุน CFS
7. ลดความเสี่ยงกรุงเทพ–อยุธยา–ปทุมธานี แบบเห็นผลจริง
✨ Executive Summary
• คืนฟลัดเพลนภาคกลาง (FGZ – FBC)
• ระบุคอขวดและเส้นทางน้ำหลัก
• ฟื้นคลอง–ร่องน้ำธรรมชาติ
• จัดตั้ง CBCA บริหาร 4 ลุ่มน้ำร่วมกัน
• สร้าง Digital Flood Twin
• มีระบบชดเชยที่เป็นธรรม
• ผังน้ำ–ผังเมืองต้องทับกัน
• เร่งดำเนินการ 5 ปีแรกให้เกิดผลจริง
ในระดับลุ่มน้ำหลัก ผมขอเสนอให้ สทนช. ทำงานแบบ “ใกล้ชิด–เชื่อมตรง–บูรณาการลุ่มน้ำที่เกี่ยวเนื่องกัน” โดยเน้นเฉพาะโครงการที่มี “ผลกระทบสูงเชิงระบบ” (High-Impact Systemic Projects) เช่น ฟลัดเพลนภาคกลาง, คอขวดการระบายน้ำ, Floodways ข้ามลุ่มน้ำ, และเส้นทางน้ำลงทะเลที่เป็นคอวิกฤตของเจ้าพระยา–ป่าสัก–ท่าจีน–แม่กลอง การทำงานระดับนี้เป็นงานยุทธศาสตร์ของประเทศ และต้องใช้ข้อมูลข้ามหน่วยงานรวมถึง SEA ที่ครอบคลุมภาพใหญ่ทั้งลุ่มน้ำ
ในขณะที่ โครงการท้องถิ่นระดับตำบล–หมู่บ้าน หรือโครงการแก้ปัญหาเฉพาะจุด ผมขอให้รอ “ชุดโครงการระดับท้องถิ่นและตำบล” ที่ กรมชลประทาน กำลังจะดำเนินการ ซึ่งเหมาะสมกว่าเพราะมีเครื่องมือ ภารกิจ และบุคลากรที่ลงพื้นที่ได้ลึกและต่อเนื่องกว่า การแบ่งบทบาทชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้แผนแม่บทระดับลุ่มน้ำไม่ซ้อนทับงานจังหวัด–ตำบล แต่จะทำหน้าที่กำกับ “ภาพรวมของระบบน้ำทั้งลุ่มน้ำที่เชื่อมกัน” อย่างแท้จริงครับ
โฆษณา