18 พ.ย. เวลา 09:42 • นิยาย เรื่องสั้น

ปริศนาลับราชวงศ์ถัง(Strange Tales of Tang Dynasty) ตอน ท่าเรือเชียนฉงตู้ (จบ)

.
เรือแล่นต่อไปจนถึงท่าเรืออีกแห่งที่ร้างไปแล้ว ซูอู๋หมิงบอกว่าตามแผนที่นั้นที่นี่ห่างจากท่าเรือเชียนฉงตู้ 40 กว่าลี้(มหาโจรตัวพ่อหลอกว่าร้อยกว่าลี้) แม้ข้าหลวงเซี่ยจะรีบร้อนไปรับตำแหน่งแต่ท่าเรือเชียนฉงตู้กลับพิศดารอย่างที่ซูอู๋หมิงวิเคราะนั่นคือ
.
1. ทุกคนที่ขึ้นเรือต้องลงทะเบียนทำประวัติ โดยเขียนชื่อ-แซ่ ตำแหน่งขุนนาง หรือ อาชีพ เพื่อยืนยันสถานะของข้าหลวงเซี่ย นำไปสู่การคิดฆ่าคนทั้งหมดเพื่อปิดปาก
.
2. ก่อนหน้านั้นข้าหลวงตรวจการณ์อีก2คนก็ไม่ได้ไปรับตำแหน่งตามกำหนด หรือ...ว่า...เกิดเหตุร้ายขึ้น
.
3. พฤติกรรมที่แปลกประหลาดอีกข้อคือตนข้ามเรือได้ ม้าข้ามไม่ได้ ราคาที่รับซื้อม้าก็ไม่ได้กดราคาแต่อย่างใด พวกเขาจะเอาม้ามากมายไปทำอะไร
.
แต่การจับโจรพวกนี้ให้สิ้นซาก ลำพังกำลังของพวกเขาย่อมไม่พอเพียง จำต้องขอยืมกำลังทหาร เพราะถ้าลงเรือที่ท่าเรือร้างข้างหน้านี้จะไปถึงด่านรักษาการณ์เหอไซ่ไม่ถึง20ลี้
.
ซูอู๋หมิง "ขอให้ท่านข้าหลวงเดินทางไปยืมกำลังทหารจากแม่ทัพรักษาด่านด้วยตนเอง เรื่องนี้คนอื่นไปไม่ได้ผลแน่"
.
ข้าหลวงเซี่ย "ระยะทาง20ลี้โดยไม่มีม้า ฟ้าก็ใกล้สว่างหากไม่เห็นเรือ พวกโจรต้องสงสัยแน่"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าหลวงเซี่ยพูดถูกเรื่องด่วนตอนนี้คือต้องเร็ว"
.
เหตุผลข้อนี้ทำให้อึ้งกันไปหมด อวี้ตี้นั้นนับแต่ไดัรับการช่วยจากที่ถูกแขวนข้างเรือก็เงียบมาตลอด ดูราวหายบ้าเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้เสียที หลังจากได้ฟังเรื่องราวแล้วก็เสนอตัวขอช่วยเพื่อตอบแทนที่คณะของซูอู๋หมิงช่วยชีวิตเขาไว้
.
อวี้ตี้จะแบกข้าหลวงเซี่ยวิ่งไปยืมกำลังทหารจากแม่ทัพที่รักษาด่าน ระยะทาง20ลี้แถมแบกข้าหลวงซึ่งหนักอย่างมากก็50ชั่ง(60กก.) หมูมากสำหรับเขา ปกติแบกหินหนักกว่า100ชั่งขึ้นเขา(1 ชั่ง เท่ากับ 1.2 กิโลกรัม)
.
อวี้ตี้ "ข้าไม่ได้คิดหนีนะ ชีวิตของข้าก็เป็นพวกท่านช่วยกลับมา บนโลกนี้ไม่มีเทพหรือเซียนมีแต่เพียงกษัตริย์ที่ดีดั่งเทพเซียน"
.
ซูอู๋หมิง "ข้ารู้สีกว่าเจ้าสำนึกผิดได้เร็วไปหน่อย"
.
อวี้ตี้ "ตอนที่ถูกแขวนอยู่ข้างเรือ ข้าเหมือนได้ผ่านความเป็นความตายมา ก่อนหน้า
นี้ข้ามักคิดเสมอว่า ข้าเป็นเด็กที่โชคร้ายที่สุด จึงทำตัวอย่างที่พวกท่านเห็นเพื่อประชด แต่ถึงตอนนี้ข้าเสียใจ"
.
ซูอู๋หมิง "ท่านข้าหลวงคิดอย่างไร"
.
ข้าหลวงเซี่ย "บรรพบุรุษของข้ามีคุณูปการต่อบ้านเมือง นำความสุขมาให้ชาวบ้าน ผ่านเคราะห์มาแล้วอวี้ตี้น่าจะคิดได้ ฉะนั้นข้าเชื่อใจเขา"
.
อวี้ตี้ยิ้มยกเว้นผมที่ยาวรุงรังแล้ว ใบหน้าท่าทางแทบไม่มีท่าทีของคนบ้าเหลืออยู่เลย ดังนั้นคณะของซูอู๋หมิงจึงมั่นใจว่าความช่วยเหลือมาทันเวลาแน่นอน
.
เพื่อกันพลาดทางด้านของซูอู๋หมิงจะต้องดึงความสนใจของกลุ่มโจรให้อยู่จุดเดียวคือท่าเรือเชียนฉงตู้เท่านั้น
นอกจากนี้ซูอู๋หมิงยังตั้งข้อสังเกตว่าวันนี้กลุ่มโจรได้ม้าไปจากพวกเขา5ตัว(รวมข้าหลวงเซี่ย) ถ้าสะสมไปเรื่อยๆพวกเขาจะได้ม้าไปเท่าใด หลูหลิงเฟิงคาดว่าต้องการก่อกบฏ ถ้าเช่นนั้นก็ยิ่งจำเป็นต้องย้อนกลับไป
.
ในขณะเดียวกันกลุ่มโจรก็เตรียมคนและอาวุธพร้อมแล้ว เตรียมออกเรือล่องไปตามหาเหยื่อเพื่อจัดการหาก...มีผู้รอดชีวิต มิคาดประตูเปิดออกโดยแรง สมุนคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา "นายท่าน"
.
สมุนคนนั้นได้รับการต้อนรับด้วยลูกถีบของหัวหน้าโจรน้อยทั้งตวาดว่า "เอะอะทำไมวะ"
.
สมุน "เรือกลับมาแล้วขอรับ"
.
หัวหน้าโจรน้อย "ท่านพ่อ ข้ายังไม่ได้ส่งคนไปตามหาเรือ"
.
อูผิง "ข้าก็เปล่า"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ใครบังคับเรือมา"
.
สมุน "ไม่รู้ขอรับ แต่ที่หัวเรือมีคนยืนอยู่"
.
สีหน้ามหาโจรตัวพ่อเคร่งเครียด ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหยื่อคนไหนรอดจากเรือไปได้ เพราะยาสลบอันทรงอานุภาพของเขาที่ยังไม่มียาแก้ กลุ่มคนเหล่านี้ทำได้อย่างไรแล้วยังรอดจากพั่วเจ๋อได้อีก มหาโจรเฒ่าร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ
.
คนที่ยืนอยู่หัวเรือจะเป็นใครเล่าหากมิใช่หลูหลิงเฟิงยืนถือทวนอย่างมั่นคง ชุดขาวของเขาปลิวไสวในสายลมองอาจกล้าหาญยิ่งนัก
เขามองดูลูกธนูที่มหาโจรตัวพ่อยิงใส่อย่างไม่ครั่นคร้าม ในขณะที่ใต้ท้องเรือคนที่เหลือต่างช่วยกันเร่งพายเพื่อนำเรือเข้าฝั่ง
ก่อนหน้านั้นซูอู๋หมิงได้เตือนหลูหลิงเฟิงให้ระวังตาแก่ที่เฝ้าท่าเรือ เพราะสายตาที่คมเหมือนเหยี่ยวย่อมมิใช่คน...ธรรมดาเป็นแน่
.
หลูหลิงเฟิงเพียงเอี้ยวคอเล็กน้อยลูกธนูก็ไม่ระคายแม้แต่ผิว มหาโจรตัวพ่อเสียหน้ายิ่งนักที่ผ่านมาธนูที่เขายิงออกไปไม่เคยพลาด จึงหยิบลูกธนูขึ้นมาใหม่ เพื่อไม่ให้พลาดอีกคราวนี้3ดอกซ้อน
.
คราวนี้หลูหลิงเฟิงใช้ทวนในมือปัดลูกธนูกระเด็นไป แล้วยังพูดให้เสือเฒ่าเจ็บใจอีกว่า "เจ้าแก่แล้วแรงไม่พอ"
.
เงียบไปสักครู่คราวนี้หลูหลิงเฟิงพูดกับเหล่าสมุน "พวกเจ้าฟังให้ดี ข้าคือหัวหน้ามือปราบคนใหม่แห่งอวิ๋นติ่ง หลูหลิงเฟิง ผู้ที่วางอาวุธยอมมอบตัวจะลงโทษสถานเบา"
.
แน่นอนว่ามหาโจรเฒ่าตัวพ่อย่อมไม่ยอมให้เสียหน้ามากไปกว่านี้ จึงโยนคันธนูทิ้งแผดเสียงลั่น "เจ้าเด็กน้อยมาทำกำแหงกับข้า ฆ่ามันซะ"
.
เหล่าสมุนนับสิบต่างใช้ธนูยิงใส่ หลูหลิงเฟิงกวาดตาคาดคำนวณวิถียิง และ การหลบเลี่ยงไว้แล้วจึงสามารถรอดพ้นมาได้อย่างสวยงาม(ชนะอย่างขาวสะอาด)
.
เฟ่ยจีได้ยินเสียงของธนูกระทบพื้นเรือจึงถามซูอู๋หมิงว่าเหนือความคาดเดาหรือไม่ ซูอู๋หมิงกลับตอบว่าเร่งมือขึ้นอีก เรือกำลังจะเทียบท่าแล้ว ในตอนนั้นเองหลูหลิงเฟิงก็กระโดดลอยตัวขึ้นฝั่งประจันบานกับเหล่าร้ายเพื่อมิให้ใช้ธนูได้อีก
.
ทันทีที่เรือเทียบท่าสี่จวินก็ขอร้องให้ซูอู๋หมิงช่วยคนรักของนาง ซึ่งก็ต้องเดือดร้อนอิงเถาอยู่ดีเพราะเป็นคนเดียวที่มียุทธ แต่นางยังไม่ทันได้ไปช่วยหลูหลิงเฟิงก็พบเข้ากับหัวหน้าโจรน้อยที่แบ่งสมุนขึ้นมาบนเรือ
.
หลังจากประลองฝีมือได้ไม่กี่เพลง อิงเถาก็ถามว่า "เจ้าไปฝึกวิชามาจากไหน"
.
หัวหน้าโจรน้อย "surprise รึ"
.
อิงเถา "คือมันกระจอกไปไหม แล้วยังอยากเป็นพี่ชายข้าอีก เจ้าหาคู่ควรไม่"
.
หัวหน้าโจรน้อย "ข้าจะฆ่าเจ้า"
.
อิงเถายังไม่ทันได้เหงื่อก็สยบหัวหน้าโจรน้อยอย่างชิวๆ ทางด้านหลูหลิงเฟิงก็จัดการกับลิ่วล้อของมหาโจรได้ไม่ยาก
อูผิงตาไวหันไปเห็นกองทหารที่นำมาโดยข้าหลวงเซี่ยมีอวี้ตี้จูงม้าวิ่งมาข้างๆด้วยขาทั้ง2ข้างของเขา
.
อูผิงตกใจร้องเตือนหัวหน้าตัวเขาเองกระโดดลงน้ำหนี โจรเฒ่าช้าไปเพียงก้าวเดียว ก้าวเดียวเท่านั้นจึงถูกหลูหลิงเฟิงควบคุมตัว อวี้ตี้หันไปยิ้มกับท่านข้าหลวงเซี่ยอย่างดีใจ ท่านข้าหลวงร้องสั่งการให้ทหารจับตัวคนร้ายให้หมด
.
หลังจากเสร็จภาระกิจข้าหลวงเซี่ยไม่ชำนาญการในเรื่องไต่สวน ซูอู๋หมิงเคยเป็นรองหัวหน้าศาลต้าหลี่ หลูหลิงเฟิงก็เป็นหัวหน้ามือปราบ
ข้าหลวงเซี่ยจึงได้ทำหนังสือรับรองด้วยศีรษะบนบ่าของเขา แต่งตั้งหลูหลิงเฟิงเป็นผู้ไต่สวนคดีนี้แทน
.
ผ่านความยากลำบากครั้งนี้ จึงทำให้ข้าหลวงเซี่ยรู้ถึงปัญหายุ่งยากในการเดินทางไปรับตำแหน่งของหลูหลิงเฟิง หนังสือที่ท่านเขียนด้วยมือฉบับนี้จะทำให้หลูหลิงเฟิงทำงานง่ายขึ้น
.
ก่อนการเดินทางต่อทันที ซูอู๋หมิงเห็นอวี้ตี้ยืนรอข้างม้าจึงได้แอบถามว่า "เอาเขาไปด้วยหรือ"
.
ข้าหลวงเซี่ย "แน่นอน"
.
ซูอู๋หมิง "จะเชื่อได้อย่างไรว่าอวี้ตี้จะไม่พาสหายเซี่ยไปสวรรค์"
.
ข้าหลวงเซี่ย "ระหว่างทางไปขอทหารตกลงกันแล้ว อวี้ตี้จะเป็นผู้ติดตามข้า เพื่อ
ชดใช้ความผิดตอนที่สติแตกนึกว่าตัวเองเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ตกสวรรค์ คนๆนี้หา
ได้ยากยิ่งเพราะเขาวิ่งเร็วกว่าม้า เขาคงช่วยงานข้าได้มาก"
.
ซูอู๋หมิง "เชื่อใจเขาได้แน่นะ"
.
ข้าหลวงเซี่ย "ข้าเชื่อใจ มิเช่นนั้นเขาคงทิ้งข้าตั้งแต่ตอนไปขอทหารแล้ว"
.
ซูอู๋หมิงผงกศีรษะน้อยๆ แน่นอนว่าส่วนตัวของเขายอมรับว่าอวี้ตี้มีความสามารถสูง เขาหายบ้าเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ช่วยงานของข้าหลวงเซี่ยเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน
.
ท่าเรือเชียนฉงตู้จึงเปิดบริการให้ทั้งข้าหลวงเซี่ย อวี้ตี้ และ ม้าได้ข้ามฟากซึ่งอาจเป็นเที่ยวสุดท้ายก็ได้ ตราบใดที่ใจกลางแม่น้ำยังมีน้ำวน และ ข้อสำคัญพั่วเจ๋อยัง
ไม่ได้จัดการ
.
หลูหลิงเฟิงเปิดการไต่สวน2พ่อ-ลูกโจร เมื่อเห็นรายชื่อที่ถูกวงไว้ทำให้เขาโกรธจนจับลูกคิดกระแทกกับโต๊ะ "บังอาจนัก ในบัญชีรายชื่อนี้ มีข้าหลวงทั้งหมด5คนที่ถูกขีดชื่อ พวกเขาถูกเจ้าฆ่าใช่หรือไม่"
.
มหาโจรตัวพ่อ "จะฆ่าก็ฆ่า จะพูดมากทำไม"
.
หลูหลิงเฟิง "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะฆ่าก่อนแล้วค่อยรายงาน"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ลงมือเลยสิ"
.
หลูหลิงเฟิงไม่พูดพร่ำคว้าดาบขึ้นมาเตรียมแทงใส่หัวหน้าโจรน้อยที่ร้องลั่น "ท่านพ่อ"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ช้าก่อน อย่าฆ่าลูกชายข้า ข้ายอมพูดแล้ว ข้าเคยต้องโทษประหาร โชคดีที่ได้เยียนกั๋วกงช่วยเอาไว้ ให้ข้าทำความดีชดใช้ความผิด น่าเสียดายเยียนกั๋วกงทำเพื่อราช่สำนักจนอายุ60 แต่กลับถูกใส่ร้ายจนติดคุกต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม
.
เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครที่ใส่ร้ายว่าเขาก่อกบฎ ก็แค่ข้าหลวงตรวจการคนหนึ่งเท่านั้น ขุนนางตัวเล็กๆพูดจายุยง ทำให้ขุนนางที่จงรักภักดีต้องตาย น่าแค้นใจนัก"
.
หลูหลิงเฟิง "เจ้าเป็นลูกน้องของเฮยฉื่อฉางจือ หรือ"
.
"ถูกต้อง"
.
หลูหลิงเฟิง "เยียนกั๋วกงตายอย่างไม่เป็นธรรม ผู้ที่ได้ยินเรื่องนี้ไม่มีใครไม่โกรธแค้น แต่นั่นเป็นเรื่องสมัยจักรพรรดินี ราชสำนักก็คืนชื่อเสียงให้แล้ว"
.
มหาโจรตัวพ่อ "หุบปากนะ วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าแล้วพรุ่งนี้ค่อยคืนชื่อเสียงให้เจ้าได้ไหม ล่ะ"
.
หลูหลิงเฟิง "เฮอะ ปีที่เยียนกั๋วกงตายเป็นปีแรกของรัชสมัยหย่งชาง แต่ครั้งแรกที่เจ้าสังหารข้าหลวงตรวจการณ์อยู่ในรัชสมัยของเกาจง เจ้าพูดจาอย่างนี้เพื่อใช้ความไม่เป็นธรรมของเยียนกั๋วกงมาลดโทษให้ตัวเอง"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ฮ่าๆๆๆ เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดข้าจึงต้องโทษประหาร"
.
หลูหลิงเฟิง "ลอบสังหารข้าหลวง"
.
หัวหน้าโจรน้อย "ใช่ ตระกูลของข้าตั้งแต่ทวด ท่านปู่ และพ่อของข้าล้วนมีตำแหน่งเป็นนายท่า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าหลวงตรวจการคนหนึ่งจึงถวายฎีกาต่อราชสำนักให้ปิดท่าเรือเชียนฉงตู้ ทำให้พ่อข้าไม่ได้เป็นนายท่า พ่อจึงฆ่าเขา สมน้ำหน้า"
.
สวี่จิน "ข้าหลวงคนนั้นถวายฎีกาต่อราชสำนักให้ปิดท่าเรือเชียนฉงตู้ เพราะสาเหตุน้ำวนกลางแม่น้ำใช่ไหม"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ถ้าใช่แล้วจะทำไม เด็กผู้หญิงอย่างเจ้ารู้เรื่องเก่าได้อย่างไร"
.
สวี่จิน "ทุกท่านยังจำได้หรือไม่ เขา(มหาโจรตัวพ่อ)พูดว่า>>>สมัยก่อนแม่น้ำเหลืองยามเกิดน้ำท่วมจะรุนแรง แต่ตอนนั้นความกว้างใหญ่ของแม่น้ำยังไม่เท่า
นี้ ความลึกยิ่งไม่อาจคาดเดา<<<
.
สวี่จิน "มือปราบหลูเชิญดูภาพวาดโบราณนี่ น่าจะวาดก่อนน้ำในแม่น้ำจะขึ้น น้ำวนกลางแม่น้ำอาจเกิดขึ้นเพราะหินประหลาดเหล่านี้ก็ได้"
.
ซูอู๋หมิงพิจารณาภาพวาดโบราณโดยละเอียดแล้วกล่าวว่า "น้ำวนกลางแม่น้ำอาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ มักพบได้ง่ายในจุดโค้งที่น้ำเชี่ยว หากภาพหินที่ต่อกัน
หลายลูกนี้วาดก่อนที่น้ำจะขึ้น ตอนนี้หินนั้นก็จมอยู่ใต้น้ำเป็นแน่
.
การมีอยู่ของพวกมันจะขวางทางกระแสน้ำ เมื่อกระแสน้ำถูกบังคับให้ถอยกลับมา
ก็เจอกับกระแสน้ำที่มาทีหลัง แล้วพัดไปทางหินประหลาดพวกนี้อีกครั้ง แต่ก็ยังถูกขวางแล้วถอยกลับมาใหม่อยู่ดี
.
พอเป็นเช่นนี้พัดเข้าไปแล้วถอย ถอยแล้วพัดเข้าไปใหม่ กระแสน้ำที่ไหลกลับไปกลับมาหมุนวนอยู่ที่เดิมกลายเป็นน้ำวน
ไอ้หยา...สี่จวิน เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ลืมวัตถุที่อยู่ในภาพแถมยังสังเกตวิถีภูเขาและแม่น้ำได้ เจ้าเก่งจริงๆ"
.
สวี่จินยิ้มหน้าบาน ไม่มีใครไม่ชอบวาจาหวานหูไม่รู้หาย ทั้งๆที่รู้ว่าพี่บุญธรรมของนางเป็นคนกะล่อนแถมปากหวานราวตาลเชื่อมก็ไม่ปาน นางเหลือบตามองหลูหลิงเฟิงที่ไม่รับมุขเลย เพราะเขายังคงสอบ2พ่อลูกต่อ
.
"น้ำวนกลางแม่น้ำเกิดขึ้นได้จากน้ำขึ้น แต่สัตว์ร้ายกลางแม่น้ำเจ้าเป็นคนเลี้ยงรึ"
.
มหาโจรตัวพ่อ "ถ้าใช่แล้วจะทำไม ตอนที่ข้าเจอมันครั้งแรกมันยาวไม่ถึง1จั้ง(3.33 เมตร) พวกเจ้าเจอปลาที่ข้าเลี้ยง แต่กลับรอดมาได้ ฮึ"
.
หลูหลิงเฟิง "ข้าหลวงคนนั้นที่ถวายฎีกาต่อราชสำนักให้ปิดท่าเรือเชียนฉงตู้ข่างมีสายตายาวไกล น่าเสียดายที่ถูกพวกเจ้าฆ่า"
.
ทหารผู้หนึ่ง "รายงาน ตรวจเจอม้าที่ซุกซ่อน 1,052 ตัว จับโจรได้ 727 คน ธนู ดาบ หอก ตุ้ม ค้อน และ อาวุธอื่นๆพันกว่าชิ้น นี่คือรายงานขอรับ"
.
ซูอู๋หมิงพิจารณาดูพวกสมุนโจรที่ใส่เสื้อแขนสั้น เห็นแปลกตาที่ทั้งหมดล้วนมีรอยสักที่ไหล่ซ้ายป็นรูปประหลาดรวมทั้ง 2 พ่อลุูกโจรด้วย
หลูหลิงเฟิงจึงถามว่าสัญลักษณ์นี้คืออะไร พวกเจ้าสังกัดพรรคใดเพื่อก่อกบฎ ใครคือผู้บงการ
.
2พ่อลุูกโจร "จะฆ่าก็ฆ่าไม่ต้องถามมาก ประมุขจะแก้แค้นแทนพวกเราเอง ฮ่าๆๆๆๆ"
.
บัดนี้คนทั้ง5กำลังควบม้าไปอวิ๋นติ่งซึ่งต้องผ่านทะเลทรายโกบี ที่มีลักษณะเป็นทะเลทรายหนาวเย็นบนที่ราบสูงที่มีอุณหภูมิแปรปรวนอย่างมาก
.
ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นหินเปลือยและกรวด แต่ก็มีเนินทรายและพื้นที่ทุ่งหญ้าแห้งปะปนอยู่ด้วย ลักษณะเด่นอื่นๆ ได้แก่ อากาศแห้งแล้ง (ปริมาณน้ำฝนน้อย) ลมแรง และ ฤดูหนาวที่รุนแรงซึ่งมักจะมีหิมะตกด้วย
.
ซูอู๋หมิงจึงบอกว่าเมื่อถึงจุดหมายจะหายเหนื่อย เพราะที่นั้นมีภูเขาไท้อินที่สวยงามที่สุดบนโลกมนุษย์ ยอดเขาเขียวสลับซับซ้อน ต้นไม้หนาทั้งมี 4 ฤดู ถ้าเดินเล่นบนภูเขาว่ากันว่าสวรรค์บนดินเลยทีเดียว
.
สี่จวิน "ถ้าเช่นนั้นจะมัวช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ"
.
จบตอน ท่าเรือเชียนฉงตู้ ภาพปกจากกูเกิ้ล ลูกคิด-เครื่องคิดเลขของจีนในสมัยโบราณ ยุคนี้เครื่องคิดเลขครองโลก คนใช้ลูกคิดเป็นจะยังมีไหมนะ
โฆษณา