3 ชั่วโมงที่แล้ว • หุ้น & เศรษฐกิจ

ย้อนรอยเศรษฐกิจไทย

รัฐบาลพรรคไหนขึ้นมาบริหารแล้ว "เศรษฐกิจดีขึ้นจริง" เพราะฝีมือ หรือแค่ได้จังหวะโลกเป็นใจ บทเรียนการเมืองที่ตัวเลขไม่เคยโกหก
ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย มักจะมีคำถามว่า “รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคการเมืองไหน ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตที่สุด” ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบได้ยากยิ่ง
1. ทำไมคำถามนี้ตอบยากกว่าที่คิด
เวลาเราถามว่า “รัฐบาลพรรคไหนทำเศรษฐกิจดี?”
คำถามจริง ๆ แฝงไว้สองเรื่องพร้อมกันคือ
1. ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นแค่ไหน – GDP โตเท่าไหร่ รายได้คนดีขึ้นไหม
2. คนส่วนใหญ่ “รู้สึก” ว่าดีขึ้นหรือเปล่า – เงินหมุนไหม หนี้ท่วมไหม ค่าครองชีพไล่ทันรายได้หรือไม่
ยิ่งไปกว่านั้น เศรษฐกิจไทยยังผูกกับ จังหวะเศรษฐกิจโลกและเงินลงทุนต่างชาติ อย่างหนัก
ทำให้หลายรอบที่ดูเหมือน “รัฐบาลเก่ง” จริง ๆ แล้ว
อาจเป็นเพราะเราขึ้นลิฟต์ตามรอบโลกมากกว่าฝีมือนักการเมืองล้วน ๆ
บทความนี้เลยจะพาปูเสื่อไล่ทีละยุค แล้วค่อยสรุปตรง ๆ ตอนท้ายว่า
> ถ้าต้องตอบชื่อ “ยุค/พรรค” ที่เห็นว่า เศรษฐกิจดีขึ้นชัด ในภาพรวม มีใครบ้าง
2. ยุคบูม 2530–2539: เศรษฐกิจพุ่งแรงสุดในประวัติศาสตร์ แต่เครดิตแบ่งกับ “เงินต่างชาติ”
ช่วง ปี 2530–2539 (1987–1996) คือยุคที่ไทยโตแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ใหม่
GDP โตเฉลี่ยเกือบ 9–10% ต่อปี มีบางปีขึ้นไปแตะกว่า 13% ด้วยซ้ำ
ตัวขับเคลื่อนหลักคือ
- เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ไหลเข้าแบบท่วม หลัง Plaza Accord
- ไทยเปลี่ยนจาก “ผลิตแทนการนำเข้า” มาเป็น โรงงานส่งออกของโลก อย่างเต็มตัว
แต่ด้านมืดก็ตามมา:
- ดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบเฉลี่ยหลายปีติด
- เงินกู้ต่างประเทศไหลเข้าเร็วเกินไป กลายเป็นพื้นฐานของวิกฤตปี 2540 ในเวลาต่อมา
การเมืองช่วงนั้นเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค
ทั้งชาติไทย ประชาธิปัตย์ และขั้วอื่นหมุนเวียนกัน
> ถ้าดูแต่ตัวเลข จะบอกว่า “รัฐบาลช่วงนั้นทำเศรษฐกิจดีมาก” ก็ไม่ผิด
> แต่ถ้าแฟร์ ๆ ต้องยอมรับว่า แรงส่งหลักมาจากรอบโลก + FDI
> และจบลงด้วยวิกฤตครั้งใหญ่ เพราะบริหารความเสี่ยงไม่อยู่
3. ยุคฟื้นจากปี 40 สู่ “ทักษิโณมิกส์”: ไทยรักไทย กับภาพจำว่า “เศรษฐกิจกลับมาคึก”
หลังวิกฤตปี 2540 เศรษฐกิจไทยติดลบหนัก ก่อนจะเริ่มฟื้นช่วงปลายรัฐบาลชวน (ประชาธิปัตย์)
ด้วยชุดนโยบายปรับโครงสร้างตามกรอบ IMF – แนวรัดเข็มขัด เน้นเสถียรภาพ
พอถึง ปี 2544 รัฐบาลไทยรักไทย (ทักษิณ) เข้ามาในจังหวะที่
- เศรษฐกิจเริ่มตั้งหลักได้
- ค่าเงินบาทอยู่ในระดับส่งออกแข่งขันได้
- โลกกำลังอยู่ในรอบขาขึ้นอีกรอบ
ตัวเลขเติบโตในช่วงนั้นถือว่าโดดเด่น:
- หลังปี 2002 ไทยกลับมาโต 5–7% ต่อปีต่อเนื่องหลายปี
- อีสานเป็นภูมิภาคที่รายได้ต่อหัวโตเร็วมาก ช่วง 2001–2011 รายได้ต่อหัวของอีสานเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ขณะที่กรุงเทพฯ ก็โตต่อเนื่องเช่นกัน
นโยบายที่คนจำได้:
- 30 บาทรักษาทุกโรค
- กองทุนหมู่บ้าน / SML
- OTOP
- ผลักดันสินเชื่อรายย่อย ทำให้คนตัวเล็กเข้าถึงเครดิตง่ายขึ้น
สิ่งเหล่านี้ทำให้ “ความรู้สึก” ของคนจำนวนมากคือ
> “ยุคนี้เงินหมุน คนต่างจังหวัดเริ่มมีโอกาส มีเครดิต มีหน้าที่การงานมากขึ้น”
แน่นอน ด้านลบก็มี ทั้งเรื่องหนี้ครัวเรือนที่เริ่มสูงขึ้น
ข้อครหาเรื่องคอร์รัปชัน และความขัดแย้งทางการเมืองที่สร้างบาดแผลยาวนาน
แต่ถ้าตอบตามข้อมูล + perception ของสังคมส่วนใหญ่:
> ยุคไทยรักไทย (ทักษิณ) คือหนึ่งในยุคที่ตอบได้เต็มปากว่า “เศรษฐกิจดีขึ้นชัดเจน”
> ทั้งในแง่ตัวเลข และความรู้สึกของฐานรากจำนวนมาก
4. 2008–2013: วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์–น้ำท่วมใหญ่ และการรีบาวด์ของอภิสิทธิ์–ยิ่งลักษณ์
พอถึงปี 2008 โลกเจอวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เศรษฐกิจไทยปี 2009 ติดลบเล็กน้อย ก่อนจะรีบาวด์แรงในปี 2010:
- ปี 2009 โตประมาณ -0.7%
- ปี 2010 รีบาวด์ขึ้นราว 7.5%
ช่วงนี้อยู่ภายใต้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ (ประชาธิปัตย์)
> ถ้าดูแค่ตัวเลข จะเห็นว่าช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์มีปีที่ “เศรษฐกิจดีขึ้นชัด”
> แต่ส่วนสำคัญมาจาก เศรษฐกิจโลกที่ฟื้น + สินค้าส่งออก
> มากกว่านโยบายเชิงรุกภายในประเทศ
ต่อมาคือ ยุคยิ่งลักษณ์ (เพื่อไทย) 2554–2557
- ปี 2011 เจอน้ำท่วมใหญ่ GDP โตแค่ 0.8%
- ปี 2012 รีบาวด์แรง โตประมาณ 7.2% จากการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม + นโยบายกระตุ้น เช่น รถคันแรก ฯลฯ
- หลังจากนั้น 2013–2014 โตชะลอลงมาราว 2–1% ตามลำดับ เพราะความไม่แน่นอนทางการเมืองเพิ่มขึ้น
สรุปยุคนี้แบบสั้น ๆ:
> ทั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์และยิ่งลักษณ์ ต่างก็มี “ปีทอง” ที่ตัวเลขดีขึ้นชัด
> แต่ส่วนหนึ่งเป็น การเด้งกลับหลังวิกฤต (โลกหรือน้ำท่วม)
> มากกว่าจะเป็นโหมด “บูมต่อเนื่อง” แบบช่วงไทยรักไทย
5. ยุครัฐประหาร–คสช.–พลังประชารัฐ: ตัวเลข “กลาง ๆ” แต่คนรู้สึก “ฝืด”
หลังรัฐประหารปี 2557 ไทยเข้าสู่ยุค คสช.
ต่อด้วยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งยังมีขั้วเดิมเป็นแกนหลัก
ตัวเลขการเติบโตช่วง 2015–2019 อยู่ราว:
- 2015: 3.1%
- 2016: 3.4%
- 2017: 4.2%
- 2018: 4.2%
- 2019: 2.2%
ถ้าดูเฉพาะ macro:
- ไม่ได้แย่ระดับวิกฤต
- แต่ก็ไม่แรงพอจะเรียกว่า “บูม”
ปัญหาคือด้านโครงสร้าง:
- ไทยเริ่มแก่ตัวลงเร็ว (สังคมสูงวัย)
- ผลิตภาพแรงงานไม่ได้ดีขึ้นมาก
- หนี้ครัวเรือนระดับสูง กดการบริโภค
เลยเกิดภาพที่คุ้นกันมากในฐาน SME/มนุษย์เงินเดือน:
> ตัวเลขประเทศโต แต่ร้านเล็ก–คนตัวเล็กรู้สึกฝืด ค่าครองชีพไล่แซงรายได้
ดังนั้น ถ้าถามแบบตรง ๆ ว่า
“พอรัฐบาลชุดนี้ขึ้นแล้ว เศรษฐกิจดีขึ้นชัดไหม?”
คำตอบในสายตาคนส่วนใหญ่จะอยู่ในโทน “ไม่ถึงขั้นดีขึ้นชัด เป็นแค่ไม่ล้ม” มากกว่า
6. หลังโควิดถึงปัจจุบัน: ไทยโตช้าเมื่อเทียบภูมิภาค
โควิดทำไทยเจ็บหนักเป็นพิเศษ เพราะพึ่งพาการท่องเที่ยวสูง:
- ปี 2020 GDP หดตัวราว -6.2%
- ปี 2021 โตแค่ 1.5%
- ปี 2022 โตประมาณ 2.8%
หลังจากนั้น แม้จะฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่หลายองค์กรระหว่างประเทศ
มองว่าไทยจะโตแค่ ประมาณ 2–3% ต่อปี ในช่วง 2024–2026
ขณะเดียวกัน รัฐบาลปัจจุบันพยายามใช้มาตรการกระตุ้น เช่น
- โครงการโอนเงินดิจิทัล
- มาตรการดึง FDI ในอุตสาหกรรมใหม่
- โครงการที่อยู่อาศัยรายได้น้อย และขยายระบบประกันสุขภาพ
แต่เมื่อเทียบกับ:
- โครงสร้างที่ไทยแก่เร็ว
- หนี้ครัวเรือนสูง
- แข่งกับเวียดนาม–อินโดฯ ที่ดึงโรงงาน–ลงทุนโลกไปก่อน
จึงยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่า
> “รัฐบาลปัจจุบันขึ้นมาแล้วเศรษฐกิจดีขึ้นชัดเจน”
7. แล้วสุดท้าย… รัฐบาลพรรคไหน “ขึ้นแล้วเศรษฐกิจดีขึ้น” ในสายตาผู้เขียน?
ถ้าแยก “อารมณ์ทางการเมือง” ออก แล้วมองตามข้อมูล + ความรู้สึกรวม ๆ ของสังคม
7.1 ยุคไทยรักไทย – ทักษิณ (2544–2549)
- ขึ้นมาช่วงฟื้นตัวหลังวิกฤตปี 40
- กล้าใช้นโยบายการคลังดันกำลังซื้อฐานราก
- ตัวเลขโต 5–7% ต่อเนื่องหลายปี
- ฐานรากและต่างจังหวัด “รู้สึก” ว่าชีวิตดีขึ้น มีเครดิต มีโอกาส
> ✅ ถ้าให้ตอบชื่อ “ยุค–พรรค” ที่เศรษฐกิจดีขึ้นชัด ทั้งตัวเลขและความรู้สึก
> ยุคไทยรักไทย คือเคสที่ชัดที่สุด (โดยไม่ปฏิเสธว่ามีต้นทุนทางหนี้ คอร์รัปชัน และความขัดแย้งทางการเมืองตามมา)
7.2 ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ (ปชป.) และยิ่งลักษณ์ (เพื่อไทย)
ทั้งสองยุคมี “ปีรีบาวด์สวยมาก”
- อภิสิทธิ์: ปี 2010 โต ~7.5% หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
- ยิ่งลักษณ์: ปี 2012 โต ~7.2% หลังน้ำท่วมใหญ่
แต่ภาพรวม:
- โตแรงในปีที่เด้งจากภาวะตกต่ำ
- จากนั้นโมเมนตัมถูกตัดด้วยปัจจัยการเมืองและปัญหาเชิงนโยบาย (เช่น จำนำข้าว)
> ✅ ถ้าถามว่า “ขึ้นแล้วมีช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้นชัดไหม” – มี
> ❌ แต่ไม่ใช่ “รอบบูมยาว” แบบช่วงไทยรักไทย หรือยุคบูมก่อนปี 40
7.3 ยุคบูม 2530–2539 (รัฐบาลผสมหลายพรรค)
- เศรษฐกิจโตเฉลี่ยเกือบ 9–10% ต่อปี
- ไทยก้าวกระโดดจากเกษตรไปสู่อุตสาหกรรมส่งออก
- แต่ต้องยอมรับว่าจบลงด้วยวิกฤตใหญ่ เพราะหนี้–ดุลบัญชีเดินสะพัดผิดรูป
> ✅ ถ้ามองแค่ตัวเลขและการเปลี่ยนผ่านประเทศ ยุคนี้ “สุด”
> ⚠️ แต่เครดิตแบ่งหนักกับ “รอบโลก + เงินต่างชาติ”
> และเป็นยุคที่วางระเบิดเวลาไว้ให้รุ่นต่อไป
8. 3 บทเรียนจากการย้อนดูทุกยุค
1. จังหวะโลกสำคัญไม่แพ้นโยบายพรรค
พรรคที่ดู “เก่ง” มักขึ้นมาในจังหวะที่โลกเป็นขาขึ้น และกล้าขยายการคลังในเวลาที่เหมาะ
2. คนจะรู้สึกว่าเศรษฐกิจดี เมื่อฐานรากมีโอกาสจริง ไม่ใช่แค่ GDP โต แต่คือ
- เข้าถึงเครดิต
- มีงาน มีรายได้พอ
- ไม่ถูกหนี้และค่าครองชีพไล่จนหายใจไม่ออก
3. ถ้าจะตัดสินรัฐบาลด้วยคำว่า “ทำเศรษฐกิจดีไหม” ต้องดูยาวกว่า 1 ปีรีบาวด์
ปีทองหลังวิกฤตเป็นเรื่องปกติ แต่ความเก่งจริงคือ
- รักษาโมเมนตัม
- วางโครงสร้างใหม่ให้โตต่อได้โดยไม่พังในอีกสิบปีข้างหน้า
โฆษณา