เมื่อวาน เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมต้อง Google ? วิเคราะห์ดีลประวัติศาสตร์ Berkshire Hathaway ของบัฟเฟตต์ เห็นอะไร ?

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวใหญ่ที่ทำให้วงการนักลงทุน VI ไปจนถึงนักลงทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ต้องตกตะลึง
คงหนีไม่พ้นการเข้าซื้อหุ้น Alphabet (เจ้าของ Google) มูลค่าเกือบ 140,000 ล้านบาทของ Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนยักษ์ใหญ่ของ คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์
ทำให้ Alphabet กลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการลงทุน มากเป็นอันดับที่ 10 ในพอร์ตของ Berkshire Hathaway
และส่งผลให้ราคาหุ้น Alphabet พุ่งขึ้นในทันที
การลงทุนครั้งนี้ นับว่าน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นหนึ่งในการลงทุนครั้งใหญ่ของ Berkshire Hathaway ในรอบหลายปีแล้ว
ยังถือเป็นการลงทุนในบริษัทด้านเทคโนโลยีครั้งประวัติศาสตร์ของ Berkshire Hathaway ซึ่งครั้งหนึ่งคุณบัฟเฟตต์ เคยมองว่าบริษัทเทคโนโลยีนั้น “เข้าใจยาก”
สำหรับรายละเอียดของดีลนั้น หลาย ๆ สื่อทั่วโลก ได้มีการนำเสนอไปแล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจคือ แล้วทำไมจู่ ๆ การลงทุนนี้จึงเกิดขึ้น ?
คุณบัฟเฟตต์ มองเห็นอะไรใน Google ?
หรือว่า Berkshire Hathaway เปลี่ยนสไตล์การลงทุนไปแล้ว
ในบทความนี้ ลงทุนแมนจะชวนวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กัน
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่า หุ้นแบบไหนที่คุณบัฟเฟตต์ และผู้สืบทอดของเขา
หรือแม้แต่อดีตคู่หูผู้ล่วงลับอย่าง คุณชาร์ลี มังเกอร์ จะเก็บเข้าพอร์ตการลงทุนบ้าง
ซึ่งหากให้สรุปใน 5 ข้อ ก็จะมี..
1. ธุรกิจเรียบง่าย เข้าใจได้ ไม่ซับซ้อน
2. มีป้อมปราการ (Moat) ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน มีความสามารถในการแข่งขัน
3. ผู้บริหารมีความสามารถ ความซื่อสัตย์ และวินัย
4. กำไรมั่นคง ไม่ผันผวน และมีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
5. ราคาต้องสมเหตุสมผล
แล้วการลงทุนใน Alphabet เข้าข่าย 5 ข้อนี้หรือไม่ ?
เริ่มจากข้อแรก.. ธุรกิจเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน
ที่ผ่านมา ทั้งคุณบัฟเฟตต์ และคุณมังเกอร์ มีกฎเหล็กที่ชัดเจนว่า “จะไม่ลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง”
ซึ่งนี่คือเหตุผลที่ Berkshire Hathaway หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีมาโดยตลอด เพราะคุณบัฟเฟตต์ มองว่าตัวเองนั้นไม่เข้าใจธุรกิจนี้ดีพอ
และทำให้ไม่รู้ว่าจะประเมินอนาคตของบริษัท ให้แม่นยำได้อย่างไร
นั่นทำให้ที่ผ่านมา Berkshire Hathaway พลาดโอกาสลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย ในช่วงที่หุ้นยังมีราคาถูกมาก หนึ่งในนั้นรวมถึง Alphabet ด้วย
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ในวันนี้ได้เปลี่ยนไป..
เพราะในความเป็นจริง Berkshire Hathaway เข้าใจโมเดลธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจโฆษณา ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของ Google แล้ว
จากการที่ GEICO บริษัทประกันภัยซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทลูกของ Berkshire Hathaway เป็นลูกค้ารายแรก ๆ ของ Google ที่จ่ายเงินลงโฆษณาบน Google Search
โดยคุณบัฟเฟตต์ เคยเล่าว่า GEICO ต้องจ่ายเงินให้ Google จำนวน 10 ดอลลาร์สหรัฐ ทุกครั้งที่มีคนคลิกดูโฆษณา
ขณะที่ทุกคลิกที่เกิดขึ้นนั้น ต้นทุนของ Google ไม่ได้เพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ทำให้รายได้ที่เพิ่มนั้น ไหลไปเป็นกำไรแทบทั้งหมด
นั่นทำให้คุณบัฟเฟตต์ เข้าใจในทันทีว่าโมเดลธุรกิจของ Google นั้น ทำงานอย่างไร
นอกจากนี้ Google ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เรียกได้ว่า แทบจะอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ไม่ต่างกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ที่ผู้คนเริ่มขาดไม่ได้
เช่น Android, Gmail หรือ YouTube ซึ่งก็สร้างรายได้มาจากค่าโฆษณา ค่าสมาชิกรายเดือน และอื่น ๆ อีกมากมาย
มาต่อข้อที่สอง.. ป้อมปราการ (Moat) ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
1
ปฏิเสธไม่ได้ว่า Google ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ ที่มี Moat แข็งแกร่งที่สุดในโลก
ไม่ว่าจะเป็นในมุมของ Network Effect จากการที่เว็บไซต์ Google นั้น มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ทำให้บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ตัดสินใจทุ่มงบโฆษณาใน Google มากขึ้น
หรือแม้แต่แพลตฟอร์มวิดีโออย่าง YouTube ก็เป็นตัวอย่างชั้นดี ที่เชื่อมต่อผู้สร้างคอนเทนต์และผู้ชมเข้าไว้ด้วยกัน
โดยมีผู้ใช้งานกว่า 2,600 ล้านคนต่อเดือน
หรือในมุมของ Efficient Scale ที่ Google นั้นครองส่วนแบ่งด้าน Search Engine มากถึง 90% ทิ้งห่างคู่แข่งเจ้าอื่นชนิดไม่เห็นฝุ่น
ที่น่าสนใจ ก็คือในมุมของแบรนด์..
รู้หรือไม่ว่า คำว่า Google นั้น ถูกบรรจุไว้ในพจนานุกรมฉบับออกซฟอร์ด ในฐานะคำกริยาที่สื่อถึง “การค้นหา” เรียบร้อยแล้ว
เพียงเท่านี้ ก็คงไม่ต้องพูดถึงความขลังของแบรนด์ Google
มาต่อกันที่ข้อสาม.. ผู้บริหารมีความสามารถ ความซื่อสัตย์ และวินัย
“ผู้บริหาร” เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่คุณบัฟเฟตต์ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด
การจะเข้าลงทุนในบริษัทใด ๆ ไม่ว่าจะซื้อทั้งบริษัท หรือซื้อหุ้นบางส่วนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
บริษัทที่ผ่านเกณฑ์การลงทุนของคุณบัฟเฟตต์ และ Berkshire Hathaway
ต้องมีผู้บริหารที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ซึ่งสามารถเชื่อใจและไว้ใจได้ คอยกุมบังเหียนธุรกิจอยู่
สำหรับ Google ซีอีโอคนปัจจุบันอย่างคุณ Sundar Pichai ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2015
ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า Google ภายใต้การนำของคุณ Pichai นั้น เติบโตมากขนาดไหน ขณะที่ก็สามารถตัดสินใจได้เฉียบขาด เห็นได้จากการยกเลิกโครงการที่ไม่คุ้มค่า
นอกจากนี้ Google ยังมีคุณ Larry Page และคุณ Sergey Brin สองอดีตผู้ก่อตั้ง ที่แม้จะไม่ได้บริหารงานแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจสำคัญ ๆ อยู่เสมอ มาคอยช่วยเหลือบริษัทอีกแรง
มาต่อข้อที่สี่.. กำไรมั่นคง มีกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
หากเราลองไปดูผลประกอบการของ Google ย้อนหลังจะพบว่า กำไรของ Google นั้น มีแนวโน้มสูงขึ้นมาโดยตลอด
ปี 2015 มีกำไร 513,775 ล้านบาท
ปี 2019 มีกำไร 1,114,911 ล้านบาท
ปี 2022 มีกำไร 1,946,931 ล้านบาท
ปี 2023 มีกำไร 2,395,680 ล้านบาท
ปี 2024 มีกำไร 3,250,230 ล้านบาท
นอกจากนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัท ที่ปรับตัวจาก 25% ในปี 2015 มาเป็น 32% ในปี 2024 นั้น แสดงให้เห็นว่า Google สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น จึงไหลลงมาเป็นกำไรนั่นเอง
ที่น่าสนใจคือ กระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) ของ Google นั้น ก็มีแนวโน้มเติบโตเช่นเดียวกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการลงทุนใน Data Center และ AI อย่างหนักในช่วงหลัง
ซึ่งการเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดนี่เอง ที่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่คุณบัฟเฟตต์ และ Berkshire Hathaway ชื่นชอบ
มาที่ข้อสุดท้าย.. ราคาต้องสมเหตุสมผล
แม้การลงทุนในตอนนี้ จะเป็นช่วงที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามว่า หุ้นเทคโนโลยีนั้นกำลังอยู่ใน “ภาวะฟองสบู่” หรือไม่
ยิ่งถ้าหากเราดูอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E Ratio) ของกลุ่ม Big Tech จะพบว่า
- Nvidia 52 เท่า
- Microsoft 35 เท่า
- Apple 36 เท่า
- Tesla 269 เท่า
ขณะที่ Berkshire Hathaway เข้าซื้อหุ้น Alphabet ที่ P/E 29 เท่า
แม้จะไม่ได้มีราคาถูกเหมือนหุ้นอื่น ๆ ที่คุณบัฟเฟตต์เคยลงทุน แต่เมื่อเทียบกับโมเดลธุรกิจ ความมี Branding รวมถึงศักยภาพในการเติบโตแล้ว อาจมองได้ว่ามีความคุ้มค่า ในมุมมองของ Berkshire Hathaway
ยิ่งถ้าหากเทียบกับแนวคิดที่ว่า Alphabet จะเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดในยุค AI การลงทุนที่ราคานี้ก็อาจถูกมองว่า มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
จากเหตุผลทั้ง 5 ข้อนี้ เราคงได้เห็นแล้วว่า หุ้น Alphabet นั้น ก็มีคุณสมบัติเพียงพอ ที่จะเข้าข่ายหุ้นที่ถูกใส่ลงในตะกร้าการลงทุนของ Berkshire Hathaway
แม้ในตอนนี้เราจะยังไม่รู้แน่ชัดว่า บุคคลใดในบริษัทกันแน่ ที่เป็นผู้ตัดสินใจในการลงทุนครั้งนี้
เพราะอย่างที่รู้กันว่า Berkshire Hathaway เองก็กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการสละเรือของคุณบัฟเฟตต์ ที่กำลังจะลงจากเก้าอี้กัปตันในปลายปีนี้
ซึ่งไม่ว่าการตัดสินใจนี้ จะมาจากคุณบัฟเฟตต์หรือไม่ แต่ก็ทำให้เห็นว่า Berkshire Hathaway ไม่ได้หลีกเลี่ยงหุ้นบริษัทเทคโนโลยี เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการปรับตัว ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ดังที่ทั้งคุณบัฟเฟตต์ และคุณมังเกอร์ เคยพร่ำสอนมาโดยตลอด
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ..
รู้หรือไม่ว่า ครั้งหนึ่ง คุณบัฟเฟตต์ และคุณมังเกอร์ เคยบอกว่า พวกเขานั้นเสียใจมากที่พลาดโอกาสลงทุนในหุ้น Alphabet
โดยคุณมังเกอร์ถึงกับบอกว่า รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับ “ลาโง่” เลยทีเดียว..
คำเตือน : บทความนี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้แนะนำให้ซื้อหรือขายแต่อย่างใด
การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา