🌧️ สถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา (21 พฤศจิกายน 2568)

วิเคราะห์เชิง “Structure–Function–Risk” สำหรับประชาชนและผู้กำหนดนโยบาย
อ้างอิง: รองเลขาธิการ สทนช. / กรมชลประทาน / กรมอุตุนิยมวิทยา / ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม
วันนี้ ผมสรุปภาพรวมระบบน้ำเจ้าพระยาแบบมองครั้งเดียวเข้าใจได้ โดยเชื่อมโยงข้อมูลล่าสุดทั้งด้านโครงสร้างน้ำ การไหลจริงในแม่น้ำ และความเสี่ยงจากฝนล่วงหน้าที่กำลังจะเข้ามา
1) Structure — โครงสร้างหลักที่กำลังรับภาระน้ำ
1.1 อ่างเก็บน้ำตอนบน
เขื่อนภูมิพล
ปริมาณน้ำ 13,402.88 ล้าน ลบ.ม. (99.56%)
ระบายน้ำ 48.39 ล้าน ลบ.ม. (สะสม)
เหลือพื้นที่รับน้ำเพียง 71.55 ล้าน ลบ.ม. → “Full Capacity Risk”
เขื่อนสิริกิติ์
อยู่ในระดับใช้งานปกติ แต่รับน้ำใหม่ช้าลง
ทำหน้าที่ชะลอการเร่งตัวของน้ำน่านได้ดี
1.2 จุดประสานน้ำสำคัญ
P.17 (ปิง): 575 ลบ.ม./วินาที (ลดจากวานนี้ 708)
N.67 (น่าน): 1,173 ลบ.ม./วินาที (ลดจาก 1,197)
C.2 (เจ้าพระยา) — 2,622 ลบ.ม./วินาที
เริ่ม “ทรงตัว” แต่ยังสูงอยู่มากเมื่อเทียบค่าเฉลี่ยระยะยาว
1.3 ลำรางตะวันตก–ตะวันออก
ฝั่งตะวันตก: 327 ลบ.ม./วินาที
ฝั่งตะวันออก: 294 ลบ.ม./วินาที
ทั้งสองฝั่งทำงานใกล้ระดับลิมิตของโครงสร้าง
2) Function — หน้าที่ของแต่ละโซนกำลังทำงานเต็มกำลัง
2.1 การระบายพื้นที่ริมน้ำหลัก
• เขื่อนเจ้าพระยา (C.13) – 2,637 ลบ.ม./วินาที
• ส่งผลให้สิงห์บุรี–อ่างทอง–ปทุมธานี ยังอยู่ใต้แรงดันน้ำสูง
• แม้ระดับ +17.26 → +17.20 ม.รทก. เริ่มลด แต่ยังต้องเฝ้าระวัง
2.2 ระบบบ่ายน้ำออกทุ่ง
• ทุ่งนครสวรรค์–ทุ่งบางปลากด–ทุ่งผักไห่ กำลังรับน้ำช่วยลดคิวที่ C.2
• การเปิดประตูน้ำแต่ละอันมีผลต่อพื้นที่อาศัยของประชาชนโดยตรง
→ ต้องสื่อสารและชี้แจงเป็นรายวัน
2.3 ระบบระบายสาขาย่อย
คลองมหาสวัสดิ์, คลองรังสิตประยูรศักดิ์, คลองบางประแก้ว
→ ทำงานเพื่อพยุงท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้ไม่อั้นท่อน้ำหลัก
3) Risk — ความเสี่ยง 3 วันข้างหน้า (21–23 พ.ย.)
3.1 ฝนหนักภาคใต้
พื้นที่เสี่ยงสะสม >200 มม. ได้แก่ สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ฯลฯ
แต่ความเสี่ยงต่อลุ่มเจ้าพระยา “ต่ำมาก” ในระยะสั้น
3.2 ลุ่มเจ้าพระยายังต้องเฝ้าระวัง
แม้ฝนลดลง แต่
ระบบน้ำยังมีแรงดันสูง
พื้นที่ปลายน้ำยังรับภาระหนัก
สภาพพื้นที่อิ่มน้ำ (soil saturation) สูงมากในลุ่มกลาง–ลุ่มล่าง
→ น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ยังต้องการเวลาในการระบาย
🔍 สรุปภาพรวม “เจ้าพระยาวันนี้” : บริหารวันต่อวัน โดยใช้ข้อมูลจริงเป็นตัวนำ
✔ เขื่อนภูมิพล “เต็มเกือบ 100%”
→ รับน้ำใหม่ได้น้อย ต้องระบายเชิงรุกอย่างระมัดระวัง
✔ จุดประสานน้ำ C.2 เริ่มทรงตัว
→ สัญญาณดี แต่ยังสูงกว่าระดับปลอดภัยในหลายช่วงน้ำ
✔ ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา–สิงห์บุรี–อ่างทอง ยังวิกฤต
→ ต้องใช้ระบบระบายข้าง–ทุ่งรับน้ำช่วยต่อเนื่อง
✔ ฝน 3 วันข้างหน้าไม่กระทบลุ่มเจ้าพระยามาก
→ เปิดโอกาสให้เร่งระบายน้ำช่วยชาวบ้านได้เร็วขึ้น
📌 บทเรียนจากข้อมูลวันนี้ (สำหรับผู้กำหนดนโยบาย)
ข้อมูลรายวันจำเป็นต่อการปรับยุทธศาสตร์ระบาย
ลุ่มกลาง–ลุ่มล่างมีบทบาทสำคัญมากในปี 2568
โครงสร้างระบายฝั่งตะวันตก–ตะวันออกคือ “คอขวดเชิงระบบ” ที่ต้องพัฒนา
ปัญหาน้ำท่วมปีนี้เกิดจากลุ่มกลาง–ลุ่มล่างมากกว่าต้นน้ำ
→ ข้อเสนอเพิ่มอ่างต้นน้ำ “ช่วยได้ในบางปี แต่ไม่ใช่คำตอบหลักของปีนี้”
🌧️ สถานการณ์ฝนหนักภาคใต้ 21–23 พฤศจิกายน 2568
(อ้างอิงข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา และ สทนช.)
จากภาพคาดการณ์ฝน 3 วันข้างหน้า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างจะได้รับผลกระทบจาก ฝนตกหนักถึงหนักมาก ต่อเนื่อง โดยเฉพาะแนว ฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง ซึ่งเป็นแนวที่มักเกิด Waterlogging และน้ำท่วมฉับพลันง่าย ในช่วงพายุลมตะวันออกเฉียงเหนือ
🔴 จังหวัดที่เสี่ยงฝนสะสมมากกว่า 200 มม. (สีแดง)
นราธิวาส — สุไหงโก-ลก, สุไหงปาดี, ระแงะ
ยะลา — รามัน, กาบัง
ปัตตานี — ปะนาเระ, ไม้แก่น
สงขลา — จะนะ, เทพา
🟡 จังหวัดที่เสี่ยงฝน 150–200 มม. (สีเหลือง)
พัทลุง
นครศรีธรรมราช (บางพื้นที่)
⚠️ ความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
1) น้ำหลาก–น้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาสันกาลาคีรีและบูโด–สุไหงปาดี
พื้นที่ชายแดนมักมีลักษณะร่องน้ำสั้น–ชัน ทำให้
น้ำขึ้นเร็ว
เตือนภัยล่วงหน้าได้น้อย
ต้องติดตามประกาศของ ปภ.–อุตุฯ แบบรายชั่วโมง
2) น้ำท่วมขังในเขตเมืองและชุมชนลุ่มต่ำ
เช่น
หาดใหญ่
ยะลาเมือง
ปัตตานีเมือง
นราธิวาสตัวเมือง
พื้นที่เหล่านี้มี ข้อจำกัดด้านการระบายน้ำ อยู่แล้ว หากฝนตกมากกว่า 100 มม./24 ชม. จะเกิดน้ำรอการระบายได้ทันที
3) คลื่นลมแรงฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง
ลมตะวันออกเฉียงเหนือทำให้คลื่นสูง 2–3 เมตร
เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ระวังการกัดเซาะชายฝั่งและน้ำทะเลดันเข้าปากคลอง
4) พื้นที่การเกษตรราบลุ่มริมแม่น้ำสายหลัก
เช่น ธารโต–ยะหา, ปัตตานีตอนกลาง, พรุทับช้าง
อาจได้รับผลกระทบจากฝนซ้ำซ้อนสะสมหลายวัน
💡 คำแนะนำเชิงระบบ (เชื่อมโยงกับบทความ SFR)
ระบบภาคใต้เป็น “พื้นที่รับน้ำฝนโดยตรง” ต่างจากเจ้าพระยาที่เป็น “ระบบรวมมวลน้ำหลายลุ่ม”
ดังนั้น “ความเสี่ยง” ขึ้นอยู่กับ ฝนอีเวนต์เดียว (event-based risk) มากกว่าการไหลทับซ้อนจากหลายลุ่มน้ำ
การแจ้งเตือนจึงควรใช้ ข้อมูล Nowcast (1–3 ชม.) และ Radar เป็นหลัก
ควรเชื่อมการทำงานระหว่าง อุตุฯ – สสนก – ปภ – อปท. เพื่อปรับแผนเฝ้าระวังรายพื้นที่แบบ realtime
📝 แหล่งข้อมูล (อ้างอิง)
รองเลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา 21 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.
กรมชลประทาน: แผนภาพสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา
กรมอุตุนิยมวิทยา: คาดการณ์ฝน 3 วันล่วงหน้า
เอกสาร “21-11-2568.pdf” ที่ผู้เขียนได้รับมาเป็น excel file
โฆษณา