เมื่อวาน เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปวิธีใช้ Gemini Deep Research วิเคราะห์ “คูเมืองทางเศรษฐกิจ” เพื่อหาหุ้นดีแบบ Warren Buffett

การมาถึงของเครื่องมืออย่าง AI สามารถทำให้ชีวิตการลงทุนของเราง่ายขึ้นไปอีกขั้น
เพราะตอนนี้เราสามารถใช้ AI เป็นผู้รวบรวมข้อมูลพร้อมวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจให้ตามที่เราต้องการ เหมือนเป็นผู้ช่วยการลงทุนได้แล้ว
ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือ AI ที่น่าสนใจคือ Gemini โมเดล AI จาก Google ที่เราสามารถใช้ฟังก์ชัน Deep Research ในการวิเคราะห์คุณภาพธุรกิจ
ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Economic Moat หรือ “คูเมืองทางเศรษฐกิจ” ที่คุณปู่ Warren Buffett ชอบใช้ แล้วนำมาสรุปพร้อมอธิบายเป็นภาษาที่เราเข้าใจง่าย ๆ ได้อีกด้วย
ถ้าหากสงสัยว่าเราจะใช้ Deep Research อย่างไร ในการช่วยวิเคราะห์ว่าหุ้นที่เราศึกษาอยู่นี้ เป็นหุ้นดีมีคุณภาพมากแค่ไหน ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ หรือลืมไปแล้วว่า คูเมืองทางเศรษฐกิจ ของคุณ Warren Buffett คืออะไร เราจึงต้องมาทบทวนกันก่อน
ที่เครื่องมือนี้มีคำว่า “คูเมือง” หรือ Moat อยู่ในชื่อ นั่นก็เป็นเพราะว่า คุณ Warren Buffett ใช้เครื่องมือนี้ในการวิเคราะห์ว่า
กิจการมีความได้เปรียบอะไรบ้าง ที่จะยันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่ หรือคู่แข่งเดิมที่มีอยู่แล้วเข้ามาแข่งขันกับบริษัท เพื่อที่จะทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจต่อไป และทำกำไรได้เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างยั่งยืน
เหมือนกับปราสาทที่ถ้ายิ่งมีคูเมืองกว้างเท่าไร ก็จะทำให้ศัตรูบุกมาโจมตีตัวปราสาทและเมืองที่อยู่หลังกำแพงได้ยากขึ้นเท่านั้น
โดยความได้เปรียบที่จะกลายเป็นคูเมืองทางเศรษฐกิจ เพื่อปกป้องธุรกิจให้อยู่รอดปลอดภัยไปนาน ๆ ก็มีอยู่ 5 ด้าน ได้แก่
1. ความได้เปรียบทางด้านต้นทุน (Cost Advantage)
เกิดจากการที่บริษัทผลิตสินค้าหรือบริการได้ในต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่ง
เพราะเกิด Economies of Scale จนต้นทุนเฉลี่ยของสินค้าและบริการถูกลง หรือควบคุมต้นทุนได้ดี จนมีอัตรากำไรสูงกว่าคู่แข่ง
2. ความได้เปรียบทางด้านขนาด (Efficient Scale)
เกิดจากการที่บริษัทสามารถครองส่วนแบ่งตลาดในอุตสาหกรรมได้เป็นจำนวนมาก
จนคู่แข่งที่จะเข้ามาทีหลัง จะต้องเจอกับต้นทุนที่สูงมาก ในการจะทำธุรกิจแข่ง จนดูไม่คุ้มค่าที่จะเข้ามา
3. ความได้เปรียบด้านสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (Intangible Asset)
เกิดจากการที่บริษัทมีความได้เปรียบจากสินทรัพย์ไม่มีตัวตน ที่ธุรกิจอื่นไม่มีหรือลอกเลียนแบบได้ยาก
เช่น แบรนด์ที่แข็งแกร่ง, สิทธิบัตร, ทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP รวมไปถึงใบอนุญาตจากภาครัฐ
4. ความได้เปรียบด้านต้นทุนในการเปลี่ยนย้าย (Switching Cost)
เกิดจากการที่สินค้าหรือบริการของบริษัท มีความจำเป็นกับลูกค้ามาก ๆ หรือมีเหตุให้เปลี่ยนการใช้งานได้ยาก
จนทำให้ลูกค้าไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้สินค้าหรือบริการของคู่แข่งได้ง่าย ๆ
5. ความได้เปรียบด้านพลังเครือข่าย (Network Effect)
เกิดจากโมเดลธุรกิจของบริษัท ที่ทำให้เมื่อยิ่งมีคนใช้สินค้าและบริการของบริษัทมากขึ้น บริษัทก็จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามจำนวนคนที่ใช้งานเพิ่ม
เช่น ธุรกิจ Social Media ที่ถ้ายิ่งมีคนใช้งานมาก ก็จะยิ่งทำให้อัลกอริทึมของ Social Media เก่งขึ้น และสามารถยิงโฆษณา ให้ตรงกับกลุ่มผู้ใช้งานได้มากขึ้น เป็นต้น
ทีนี้ก็มาถึงวิธีการที่จะสั่งให้ Gemini ใช้ Deep Research ช่วยเราวิเคราะห์คูเมืองทางเศรษฐกิจแล้ว
โดยให้เราเข้าไปยัง Gemini จากนั้นกดคำว่า Tools หรือ เครื่องมือ ตรงช่องแชตที่เราจะพิมพ์ถาม Gemini แล้วเลือกคำว่า Deep Research
3
จากนั้นก็ใส่ Prompt ต่อไปนี้
วิเคราะห์แยกเป็น Economic Moat แต่ละด้านของ (ใส่ชื่อหุ้นที่เราอยากศึกษา) ได้แก่
- Intangible Asset
- Cost Advantage
- Network Effect
- Efficient Scale
- Switching Cost
เมื่อวิเคราะห์เสร็จแล้ว จากนั้นให้ทำขั้นตอนต่อไปนี้
1. ให้คะแนนเป็น สูง-กลาง-ต่ำ
2. หา Business Metric ที่ Support คะแนนการวิเคราะห์ Economic Moat แต่ละด้าน
3. เรียงลำดับ Economic Moat ด้านที่โดดเด่นมากที่สุด ไปจนถึงโดดเด่นน้อยที่สุด
Gemini ก็จะใช้เวลาสักประมาณ 5 ถึง 10 นาที ในการสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ และวิเคราะห์ออกมาเป็นรายงาน พร้อมอ้างอิง ให้เราได้อ่านกัน
ซึ่งการกำหนดให้ Gemini หา Business Metric หรือตัวเลขที่สำคัญของธุรกิจมา Support การวิเคราะห์แบบนี้ ก็จะทำให้เรารู้ได้ว่า หลังจากนี้เวลาข่าวของหุ้นตัวนั้นออกมา
นอกจากตัวเลขรายได้และกำไรแล้ว เราจะต้องติดตามตัวเลขอะไรอีกเป็นพิเศษหรือเปล่า
โดยความลึกซึ้งของการวิเคราะห์จะขึ้นอยู่กับโมเดลของ Gemini ด้วย
ถ้าหากเราใช้ฟรี ก็จะได้โมเดล Gemini 2.5 Flash ที่ความละเอียดในการวิเคราะห์ไม่เยอะมาก แต่ให้คำตอบที่เร็วกว่า
แต่ถ้าหากใช้แพ็กเกจ Google AI Pro และ Ultra ที่ต้องเสียเงิน ก็จะสามารถใช้โมเดล Gemini 3.0 Pro ที่ความละเอียดในการวิเคราะห์สูงกว่าได้ด้วย แต่ต้องรอคำตอบนานขึ้นสักหน่อย
ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้ว แม้จะมีเครื่องมือ AI มาช่วยให้ความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาในการศึกษาหุ้นลงไปมาก
แต่ตัวเราเองก็อย่าลืมเช็กความถูกต้องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือของแหล่งอ้างอิงที่ AI หามาให้ทุกครั้ง
รวมถึงทบทวนความสมเหตุสมผลของการวิเคราะห์จาก AI อย่างละเอียด เนื่องจากในบางครั้ง AI อาจเกิดอาการหลอนขึ้นได้
เพราะการลงทุนที่ดี เราไม่ควรตัดสินใจ จากความเชื่อใจใครอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่ว่าจะเป็นเซียนหุ้น หรือ โมเดล AI ที่ถูกโฆษณาว่าฉลาดล้ำแค่ไหนก็ตาม..
#ลงทุน
#AI
#EconomicMoat
โฆษณา