ปตท.กำไรสุทธิไตรมาสสาม 19,784 ล้านบาท โต 21.2% โบรกฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปตท. กำไรสุทธิไตรมาสสาม 19,784 ล้านบาท โต 21.2% โบรกฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” เพราะมองว่ากำไรของ PTT มีเสถียรภาพสูงจากการมีธุรกิจที่หลากหลาย
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 โดย ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 19,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,460 ล้านบาท หรือ 21.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
โดยหลักเป็นผลจากการทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการและมาตรการลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งการรับรู้กำไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่ม ได้แก่
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.)
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ซึ่งช่วยลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต
สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนปี 2568 ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 64,632 ล้านบาท ลดลง 16,129 ล้านบาท หรือ 20.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากระดับราคาน้ำมันและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ถูกกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ตาม ปตท. สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายและสร้าง Profit Enhancement รวมกว่า 15,000 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นสวนกระแสเศรษฐกิจที่ถดถอย สามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.90 บาทต่อหุ้น
นอกจากนี้ ภายใต้ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ปตท. ได้ยกระดับผลการดำเนินงาน (EBITDA Uplift) และสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดย 9 เดือน มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
1. การบริหารความร่วมมือด้าน Supply Chain และ Marketing ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ผ่านโครงการ P1 และ D1 สร้างผลประโยชน์รวมทั้ง 2 โครงการประมาณ 3,634 ล้านบาท
2. MissionX ยกระดับการทำ Operational Excellence ปรับปรุงกระบวนการทำงาน ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ โดยวางเป้าเพิ่ม EBITDA ทั้งกลุ่ม ปตท. ปีนี้รวม 10,000 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนของปีนี้มีมูลค่าประมาณ 8,332 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านบาท ภายในปี 2570
3. ขับเคลื่อน Digital Transformation (AXIS) โดยผลักดันการนำ Digital Tools/AI มาใช้ในองค์กร โดยวางเป้าเพิ่ม EBITDA ปีนี้รวม 200 ล้านบาท มีผลการดำเนินงาน 9 เดือนคิดเป็นมูลค่าประมาณ 155 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 12,000 ล้านบาท ภายในปี 2572
4. Asset Monetization (A1) การบริหารสินทรัพย์ สร้าง Synergy ผ่านการ Optimize Asset & Capital และปรับโครงสร้างสินทรัพย์ให้เหมาะสม
5. Financial Excellence (F1) บริหารการเงิน เช่น ขยายเครดิตเทอมค่าวัตถุดิบให้บริษัทในกลุ่ม และการบริหารหนี้เงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน
กลุ่ม ปตท. ยังสามารถรักษาการดำเนินงานตามแผนได้ในทุกมิติ โดยมี EBITDA 9 เดือนแรกจำนวน 257,957 ล้านบาท และมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 413,718 ล้านบาท รองรับการลงทุนและสภาพคล่องในระยะยาว
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) มีความเห็นต่อผลประกอบการ ปตท. ระบุว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจยังคืบหน้าตามแผน ดังนี้
1. การปรับโครงสร้างธุรกิจ P&R ยังคืบหน้าตามแผน โดยคาดจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปีหน้า มุ่งเพิ่มความสามารถการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว และ PTT ยังคงถือหุ้นใหญ่
2. แผน Asset Monetization ของ PTTGC และ TOP ยังเป็นเฟสแรก คาดจะมีอีกด้วยสินทรัพย์ที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายสุดท้ายผ่านมูลค่าเพิ่มจากการจัดตั้ง “Energy Infrastructure Flagship”
3. ส่วนแนวโน้มธุรกิจปีหน้าท้าทายจากราคาน้ำมันดิบและสเปรดปิโตรเคมีลดลง โดยมองว่าค่าการกลั่นจะแข็งแกร่งที่สุด
คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เพราะมองว่ากำไรของ PTT มีเสถียรภาพสูงจากการมีธุรกิจที่หลากหลาย แผนการปรับโครงสร้างธุรกิจจะช่วยสร้างกระแสเงินสดและบันทึกกำไรพิเศษและอัตราเงินปันผลสูง 6.9% โดย PTT จ่ายเงินปันผลไตรมาส 1/68 0.9 บาท คาดจ่ายทั้งปี 2.1 บาท คงเหลือจ่ายอีก 1.2 บาท หลังประกาศงบปี
สำหรับปัจจัยเสี่ยง มองว่า ยังมีภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ภาวะชะลอตัว/ชะงักงันของเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบโลก ค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีอะโรเมติกส์ และอัตราแลกเปลี่ยนมีความผันผวนและต่ำกว่าประมาณการ
สำหรับราคาหุ้น ปตท. (PTT) วันที่ 21 พ.ย.2568 เวลา 15.30 น. อยู่ที่ 30.25 บาทต่อหุ้น
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ :
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
Facebook PPTVHD36 : https://www.facebook.com/PPTVHD36
YouTube : www.youtube.com/@PPTVHD36
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
