📘 EP8 — SEA: ทำไม Natural/Hybrid ต้องถูกใส่เข้าไปในกระบวนการตัดสินใจของรัฐ

ประเทศไทยกำลังเผชิญ “ความซับซ้อนของน้ำ” มากกว่าทุกยุค
ฝนตกแรงขึ้น น้ำทะเลหนุนสูงขึ้น ทุ่งรับน้ำลดลง
และระบบ Grey Infrastructure ต้องทำงานเกินกำลังมากขึ้นทุกปี
คำถามจึงไม่ใช่
“เราจะสร้างอะไรเพิ่ม?”
แต่คือ
“เราจะใช้ความสามารถของธรรมชาติร่วมกับโครงสร้างมนุษย์อย่างไร?”
คำตอบคือ SEA – Strategic Environmental Assessment
กรอบคิดที่ออกแบบมาเพื่อให้รัฐ “เห็นระบบทั้งหมด” ก่อนตัดสินใจ
และเป็นกรอบเดียวที่ทำให้ Natural/Hybrid กลายเป็นเครื่องมือระดับประเทศอย่างถูกต้อง
🌏 1) SEA ทำให้รัฐมองเห็นว่า Grey Infrastructure ไม่ได้ทำงานคนเดียว
ปกติการตัดสินใจของรัฐมักดูเฉพาะ “โครงการ” ไม่ได้มองทั้งลุ่มน้ำ
แต่ SEA บังคับให้รัฐต้องตอบคำถามว่า:
F1 ต้นน้ำรับแรงได้เท่าไหร่?
F2 ลำน้ำมี floodplain พอไหม?
F3 ทุ่งรับน้ำยังทำงานได้แค่ไหน?
F4 เมืองซึมน้ำได้หรือไม่?
F5 ชายฝั่งมีป่าชายเลนพอไหม?
F6 ชุมชนเสี่ยงหรือปลอดภัยแค่ไหน?
คำถามเหล่านี้ไม่มีทางตอบได้ด้วยการมอง Grey อย่างเดียว
ต้องมอง Natural + Hybrid + Grey พร้อมกัน
SEA คือกรอบที่เชื่อม “โครงสร้างทั้งสามโลก” ให้เป็นระบบเดียว
🌿 2) SEA ทำให้ Natural/Hybrid กลายเป็นตัวเลือกเชิงนโยบายอย่างเป็นทางการ
ทุกครั้งที่รัฐจะสร้างอะไร
กฎหมาย SEA บังคับให้ถามว่า:
✔ มีทางเลือกที่เป็นธรรมชาติมากกว่าหรือไม่?
เช่น ป่าต้นน้ำ–ป่าชายเลน–ทุ่งรับน้ำ–urban wetland
✔ มีทางเลือกที่เป็น Hybrid ที่ถูกกว่าแต่ได้ผลสูงไหม?
ฝายตื้น–bio-swale–flood bypass–setback levee
✔ ถ้าสร้าง Grey อย่างเดียว ผลกระทบจะดันไปที่ใคร?
ชุมชนเปราะบาง?
เมืองตอนล่าง?
เกษตรกรทุ่งรับน้ำ?
ชายฝั่ง?
การมี SEA ทำให้รัฐ “ต้อง” พิจารณาทั้งหมดนี้
ไม่ใช่ “เลือก Grey เป็นค่าเริ่มต้น”
💧 3) SEA ทำให้เห็นต้นทุนและผลลัพธ์แบบองค์รวม (ไม่ใช่ต้นทุนก่อสร้างอย่างเดียว)
รัฐมักมองค่าใช้จ่ายเฉพาะ “ค่าก่อสร้าง”
แต่ SEA ทำให้ต้องดู:
ต้นทุนระยะยาว
ค่าซ่อมบำรุง
ผลประโยชน์ทางนิเวศ
มูลค่าคาร์บอน
ผลกระทบต่อเมือง–ทุ่ง–ชุมชน
ความเสี่ยงน้ำทะเลหนุน
ความยืดหยุ่นต่อ climate shock
ซึ่งผลลัพธ์มักออกมาชัดเจนว่า
Natural/Hybrid ให้ผลงานระดับประเทศ แต่ต้นทุนต่ำกว่ามาก
🌱 4) SEA ทำให้ประชาชน–นักวิชาการ–รัฐคุยเรื่องน้ำด้วยภาษาเดียวกัน
SEA คือ “ภาษากลาง” ที่ทุกฝ่ายเข้าใจร่วมกันได้
เพราะมันไม่ใช่ภาษาวิศวกรอย่างเดียว
แต่เป็นกรอบที่รวม:
ระบบนิเวศ
สังคม
เศรษฐกิจ
ความเสี่ยงน้ำ
ความคุ้มค่า
ความยั่งยืน
SEA จึงสร้าง “เวทีที่ยุติธรรม”
ให้เสียงของชุมชน–นักวิชาการ–ธรรมชาติ
เข้าไปอยู่บนโต๊ะเดียวกับโครงการของรัฐ
🔍 5) SEA ทำให้ลุ่มน้ำไทยเดินไปในทิศทางเดียวกัน (ไม่ใช่โครงการกระจัดกระจาย)
นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุดในมุมของเรา
SEA ทำให้เราเห็นว่า
F1–F6 ต้องทำงานผูกข้อเท้าเดียวกัน
ถ้าต้นน้ำล้ม → ตอนล่างหนัก
ถ้าทุ่งรับน้ำหาย → เมืองท่วม
ถ้าป่าชายเลนพัง → ประตูน้ำปลายน้ำรับภาระเต็ม ๆ
SEA เป็นกรอบที่ “บังคับให้มองทั้งระบบ”
และจัดลำดับการลงทุนอย่างสมดุลที่สุด
📘 บทสรุป EP8
SEA คือกรอบคิดระดับประเทศ
ที่ทำให้ Natural–Hybrid–Grey
อยู่ในกระบวนการตัดสินใจของรัฐอย่างถูกต้อง
และทำให้ลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มของไทย
เดินไปในทิศทางเดียวกันอย่างยั่งยืน
การบริหารน้ำของไทยในอนาคต
จะไม่ใช่ “แข่งกันสร้าง”
แต่คือ “แข่งกันออกแบบระบบ”
ที่ใช้พลังของธรรมชาติและวิศวกรรมอย่างสมดุลที่สุด

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา