Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 03:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
กลเม็ดตระกูล Samsung ถือหุ้นน้อย ซ้อนกันไปมา เพื่อกุมอำนาจทุกบริษัทในเครือ
ถ้าเราอยากกุมอำนาจบริษัท แต่ไม่อยากใช้เงินเยอะมาก หรือไม่ต้องถือหุ้นเกิน 50%
เราจะใช้วิธีไหนได้บ้าง ?
ถ้าเป็นคุณ Mark Zuckerberg ก็คงตอบว่า แบ่งหุ้นย่อยออกเป็นคลาสต่าง ๆ เช่น Class A, Class B
โดยให้นักลงทุนทั่วไป ถือหุ้นคลาสที่มีอำนาจโหวต 1 หุ้น = 1 เสียง
ส่วนตัวเองถือหุ้นอีกคลาส ที่ 1 หุ้น มีอำนาจโหวต = 10 เสียง ในการกุมเสียงส่วนใหญ่ของบริษัท
แต่ถ้าเป็นตระกูลอี ที่เป็นเจ้าของ Samsung จะใช้อีกท่า ด้วยการสร้างโครงข่ายการถือหุ้นที่ซับซ้อนกว่า โดยไม่จำเป็นต้องถือหุ้นบริษัทในเครือทั้งหมด ถือเพียงบางส่วน.. ก็สามารถกุมอำนาจบริษัททั้งหมดไว้ได้
ตระกูลอี กุมอำนาจใน Samsung แม้จะถือหุ้นส่วนน้อย ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ต้องบอกว่า อาณาจักร Samsung ไม่ได้มีแค่ธุรกิจสมาร์ตโฟน เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิปหน่วยความจำเพียงเท่านั้น แต่ยังทำธุรกิจอื่นอีกในหลากหลายอุตสาหกรรม
ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง, ต่อเรือ, สร้างแท่นขุดเจาะน้ำมัน, ให้บริการที่ปรึกษาด้านไอที, แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต
ด้วยอาณาจักรที่ใหญ่มากขนาดนี้ ทำให้ตระกูลอี แห่ง
Samsung ต้องกุมอำนาจบริษัทให้ดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ธุรกิจทั้งหมดจะอยู่ในกำมือของตระกูลตัวเอง
แต่ถ้าจะกุมอำนาจด้วยการถือหุ้นใหญ่ในอาณาจักรทั้งหมดนี้ ต้องใช้เงินมหาศาลเลยทีเดียว ทำให้ตระกูลอี แห่งอาณาจักร Samsung เลือกถือหุ้นใหญ่ในบางธุรกิจแทน
ยกตัวอย่าง การถือหุ้นของคุณอีแจยอง ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ซึ่งเป็นพี่ชายคนโต หรือก็คือผู้นำของตระกูลอีในปัจจุบัน
โดยเริ่มจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่าง Samsung C&T ที่คุณอีแจยอง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 19.9%
แม้จะมีมูลค่าบริษัทราว 818,700 ล้านบาท และเป็นบริษัทใหญ่สุดอันดับ 3 ในเครือ Samsung
แต่แค่บริษัทเดียวนี้เอง ก็ทำให้คุณอีแจยอง สามารถกุมอำนาจในบริษัทอื่น ๆ ของเครือ Samsung ได้
เพราะปัจจุบัน ถ้าเราไปดูสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ใน
Samsung Electronics บริษัทใหญ่สุดอันดับ 1
ในเครือ Samsung ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 15,358,500 ล้านบาท
จะพบว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Samsung Electronics ก็คือ
- ธุรกิจประกัน Samsung Life Insurance
ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ราว 8.6%
- ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง Samsung C&T
ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ราว 5.0%
- คุณอีแจยอง ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ราว 1.6%
ดังนั้นการที่คุณอีแจยอง มีอำนาจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Samsung C&T ก็ทำให้เขามีอำนาจทางอ้อมใน Samsung Electronics ไปด้วย
และที่ซับซ้อนไปกว่านั้นคือ Samsung C&T และคุณอีแจยอง ก็ยังมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Samsung Life Insurance ด้วยสัดส่วน 19.3% และ 10.4% ตามลำดับ
ซึ่ง Samsung Life Insurance มีมูลค่าบริษัท 671,500 ล้านบาท
พูดง่าย ๆ คือ ในหุ้นของ Samsung Electronics มีชื่อของคุณอีแจยอง เกี่ยวข้องในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งทางตรงและทางอ้อม
และนอกจากบริษัทใหญ่สุดแล้ว
ตระกูลอี ยังใช้ท่านี้กับบริษัทอื่นในเครือด้วย
เช่น Samsung Biologics บริษัทรับจ้างผลิตและวิจัยยา
ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 1,255,000 ล้านบาท
ก็มี Samsung C&T เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 28.0% และมี Samsung Electronics เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 20.3%
หรืออย่าง Samsung Electronics ที่ก็ไปถือหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในเครือ Samsung เพิ่มเติมด้วย
ถ้าให้สรุปความสัมพันธ์อีกรอบ เผื่อใครตามไม่ทัน
ก็จะเป็นแบบนี้
ขั้นที่ 1 คุณอีแจยอง ถือหุ้นใหญ่ 19.9% ใน Samsung C&T
ถือหุ้นใน Samsung Electronics 1.6%
และถือหุ้นใน Samsung Life Insurance 10.4%
ขั้นที่ 2 Samsung C&T ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทอื่น ๆ ในเครือ เช่น
- 28.0% ใน Samsung Biologics
- 19.3% ใน Samsung Life Insurance
- 5.0% ใน Samsung Electronics
ขั้นที่ 3 คือ Samsung Life Insurance เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ใน Samsung Electronics อีกทีราว 8.6%
และ Samsung Electronics ก็ยังถือหุ้นบริษัทอื่น ๆ ในเครือ Samsung ที่เหลือแทน
เช่น ถือหุ้นในบริษัท Samsung Biologics 20.3%
พอถือหุ้นซ้อนกันไปเรื่อย ๆ จากยอดสุดที่เป็นคุณอีแจยอง ไล่ไปยังบริษัทต่าง ๆ ในแต่ละขั้น ก็ทำให้มีชื่อของเขาครอบคลุมบริษัทในเครือ Samsung ทั้งหมด
เมื่อบวกกับการที่คุณอีแจยอง และสมาชิกในตระกูลคนอื่น ๆ เช่น คุณฮงราฮี แม่ของคุณอีแจยอง, คุณอีบูจิน น้องสาวที่ดูแลธุรกิจ Hotel Shilla ที่ยังมีหุ้นบางส่วนในธุรกิจเครือ Samsung เป็นการส่วนตัว
ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว ก็ทำให้ตระกูลอี ยิ่งกุมอำนาจในบริษัทได้มากขึ้น
โครงข่ายการถือหุ้นที่กระจายไปทั่วทั้งเครือ
ทำให้หากคนในตระกูลจะตัดสินใจทำอะไร ก็ต้องมาจากมติของตระกูล ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
และยังช่วยให้การถูกครอบงำจากคนภายนอกทำได้ยาก เพราะถูกถ่วงดุลด้วยหุ้นของคนในตระกูลนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้การทำแบบนี้ จะทำให้ตระกูล Samsung กุมอำนาจบริษัททั้งหมดได้ โดยไม่จำเป็นต้องถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัททั้งหมดในเครือเอง
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยภาษีมรดกจำนวนมาก เพราะหุ้นที่คุณอีแจยองถือ เป็นมรดกที่ได้มาจากคุณพ่ออีกอนฮี ทายาทรุ่นที่ 2 ของเครือ Samsung
ซึ่งปัจจุบัน คนในตระกูลอี มีภาระต้องจ่ายภาษีมรดกสูงถึง 278,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวตระกูลอีของ Samsung
ที่วางโครงข่ายการถือหุ้น จนสามารถกุมอำนาจเหนือบริษัทอื่นในเครือทั้งหมดได้
และการกุมอำนาจได้ตรงนี้ ไม่ได้มีผลกับ Samsung เท่านั้น แต่ยังมีผลกับเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ที่ยังต้องพึ่งพาตระกูลนี้ต่อไป
1
เพราะ Samsung สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ คิดเป็น 20% หรือกว่า 1 ใน 5 ของมูลค่าทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน
พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลอี เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ก็คงจะไม่เหมือนเดิม..
References
-
https://companiesmarketcap.com/south-korea/largest-companies-in-south-korea-by-market-cap/
-
https://www.forbes.com/profile/jay-y-lee/
-
https://www.samsung.com/global/ir/
-
https://www.marketscreener.com/
หุ้น
เศรษฐกิจ
8 บันทึก
19
6
8
19
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย