Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สารพันความรู้
•
ติดตาม
25 พ.ย. เวลา 01:00 • ไลฟ์สไตล์
สุสานอันบ๊ะ – ความลับของสุสานหินยักษ์
นครแห่งผู้ตายที่งดงามที่สุดในเวียดนาม และปริศนาที่ซ่อนอยู่หลังสุสานยักษ์หลายพันแห่ง
บทนำ: ดินแดนที่คนเป็นยังต้องหลบให้คนตาย
หากเอ่ยถึงสุสานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาพแรกในหัวของใครหลายคนอาจเป็นสุสานแบบเรียบง่าย บ้านปูน หรือเนินดินธรรมดา แต่ที่ชายฝั่งตอนกลางของเวียดนาม ใกล้เมืองเว้ ซึ่งเป็นอดีตราชธานีของราชวงศ์เหงียน กลับมีสถานที่หนึ่งที่เปลี่ยนความหมายของคำว่า “สุสาน” ไปตลอดกาล—สถานที่ซึ่งคนในพื้นที่เรียกว่า “นครแห่งผู้ตาย” หรือ An Bằng Cemetery (สุสานอันบ๊ะ)
พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสุสานหินยักษ์นับพันรูปแบบ ตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าบ้านหนึ่งหลัง ไปจนถึงขนาดใหญ่สูงเทียบตึกสองถึงสามชั้น ประดับด้วยศิลปะจีน–เวียดนามแบบราชวงศ์โบราณ ปูนปั้นมังกร นกฟีนิกซ์ รูปสิงโตหิน กระเบื้องแกะสลักสีสด และยอดหลังคาแบบพระราชวังฮิว (Hue Imperial City) แต่ละสุสานประณีตจนบางครั้งงดงามเกินกว่าวังของชนชั้นสูงในอดีตเสียด้วยซ้ำ
ผู้เดินผ่านมักบอกว่า “ที่นี่คือเมืองหนึ่งจริง ๆ แต่เป็นเมืองของผู้ล่วงลับ”
และที่สำคัญ—มันยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องลึกลับ ความเชื่อ และคำถามที่ไม่เคยมีใครตอบได้อย่างสมบูรณ์
บทความนี้จะพาคุณสำรวจประวัติศาสตร์ที่มาของสุสานอันบ๊ะ ตำนานและเหตุการณ์ประหลาด สิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่เกินเหตุ รวมถึงความลับทางเศรษฐกิจ–สังคมที่ทำให้สุสานแห่งนี้เติบโตจนได้รับฉายาว่า “นครดูไบแห่งผู้ตาย” พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องวิญญาณของชาวเวียดนามที่ฝังรากลึกมาหลายพันปี
1. จุดกำเนิดของสุสานอันบ๊ะ: จากหมู่บ้านประมงสู่มหานครของคนตาย
1.1 หมู่บ้านอันบ๊ะ (An Bang Village) – ชุมชนเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก
เดิมที อันบ๊ะเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงติดทะเลใกล้เมืองเว้ มีประชากรเพียงไม่กี่พันครัวเรือน อาศัยอยู่ด้วยการจับปลา ทำเกลือ และเพาะปลูกแบบพอเพียง คนรุ่นเก่ามักถูกฝังด้วยพิธีเรียบง่าย เพราะชุมชนไม่ร่ำรวยพอจะสร้างสุสานใหญ่โต
1.2 จุดเปลี่ยน: เมื่อชาวบ้านกลายเป็นชาวต่างแดน
ในช่วงทศวรรษ 1980–1990 เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ชาวเวียดนามจำนวนมากออกนอกประเทศหลังสงคราม หลายคนไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และยุโรป โดยเฉพาะชุมชนชาวเวียดนาม–อเมริกันในแคลิฟอร์เนียและเท็กซัสที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อชาวอันบ๊ะในต่างแดนมีฐานะดีขึ้น พวกเขาส่งเงินกลับมายังบ้านเกิดเพื่อสร้างสิ่งใหญ่โตให้บรรพบุรุษ—
สุสานหรูหราที่สะท้อนสถานะ ความกตัญญู และเกียรติของครอบครัว
เพียงไม่กี่สิบปี หมู่บ้านเล็ก ๆ จึงถูกปกคลุมด้วยสุสานขนาดมโหฬาร กลายเป็นภาพที่สื่อทั่วโลกขนานนามว่า “City of Ghosts” หรือ นครผี แต่คนท้องถิ่นกลับเรียกว่า “นครผู้ล่วงลับ” ด้วยความเคารพ
2. สถาปัตยกรรมสุสาน: ทำไมต้องใหญ่โตจนเกินมนุษย์สร้าง?
2.1 สถาปัตยกรรมแบบจักรพรรดิหมิง–เหงียน
สุสานอันบ๊ะมีเอกลักษณ์ชัดเจน ได้แก่
ยอดหลังคาแบบวัดพุทธ
รูปปั้นมังกรขนาดมหึมา
เสาหินสูงเทียบตึก
ประตูซุ้มคล้ายประตูพระราชวังจักรพรรดิ
กระเบื้องเคลือบลวดลายแบบศิลปะจีนตอนใต้
การใช้สีสด เช่น แดง น้ำเงิน เหลือง ม่วง
หลายสุสานมีลวดลายละเอียดระดับศิลป์เหมือนสร้างเพื่อราชวงศ์มากกว่าเพื่อชาวบ้านธรรมดา
2.2 สุสานราคาเท่าบ้านสองหลัง
ค่าใช้จ่ายในการสร้างสุสานหนึ่งหลังอาจสูงถึง
2–7 แสนดอลลาร์สหรัฐ
หรือราว 7–25 ล้านบาทไทย
ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้นักวิชาการหลายคนประหลาดใจว่าเหตุใดชุมชนชนบทจึงสามารถลงทุนได้มากขนาดนี้
2.3 ความเชื่อเรื่องหงสา (Phong Thủy)
ชาวเวียดนามเชื่อว่า
“ที่ฝังบรรพบุรุษดี ชีวิตลูกหลานดี”
ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มทุกสิ่งเพื่อสร้างสุสานที่สมบูรณ์แบบตามหลักฮวงจุ้ย ได้แก่
หันหาสายน้ำ
อยู่บนพื้นดินมั่นคง
มีภูมิหลังเป็นภูเขา
ประตูหันไปทิศมงคลปีเกิดของผู้ตาย
กล่าวกันว่า หากสุสานมีจุดฮวงจุ้ยดี ลูกหลานจะร่ำรวยและได้รับการคุ้มครองจากบรรพบุรุษ
3. ตำนานและเรื่องเล่าลึกลับ: สุสานที่มีดวงไฟ และรูปปั้นที่ขยับได้
ในชุมชนอันบ๊ะ ไม่ใช่เพียงความงดงามที่เป็นที่เลื่องลือ แต่ยังมีเรื่องเล่าลึกลับจำนวนมากที่สืบต่อกันมาหลายรุ่น
3.1 ดวงไฟสีฟ้าเหนือสุสาน
คนเฒ่าคนแก่เล่าว่า ในคืนที่มีหมอกลอยต่ำ บางสุสานมักปรากฏ “ดวงไฟสีฟ้าเล็ก ๆ” ลอยขึ้นจากยอดหลังคาแล้วหายไป ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร
แต่ชาวบ้านเรียกว่า
“ไฟวิญญาณผู้เฝ้าสุสาน”
นักวิทยาศาสตร์บางคนอธิบายว่าอาจเป็นก๊าซจากการย่อยซากอินทรีย์ แต่จำนวนดวงไฟที่พบมากผิดปกติทำให้คำอธิบายนี้ยังไม่สมบูรณ์
3.2 รูปปั้นสิงโตที่เฝ้าทางเดิน
มีเรื่องเล่าว่าคนงานก่อสร้างหลายคนเห็น “เงาคล้ายสิงโต” เดินผ่านระหว่างสุสาน แม้ว่าบริเวณนั้นมีแต่รูปปั้นหิน
ครั้งหนึ่งมีชาวบ้านอ้างว่าเห็นรูปสิงโตบนซุ้มประตู “หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง” ในเช้าวันถัดมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีใครเข้าไปแตะต้องมันเลย
3.3 เสียงคนเดินบนกระเบื้อง
ยามค่ำคืนในอันบ๊ะเงียบมาก หลายคนเล่าว่าเคยได้ยิน
เสียงรองเท้าเดินบนกระเบื้อง
ในสุสานที่ปิดตาย ไม่มีคนเข้าใกล้
บางคนอธิบายว่าอาจเป็นเสียงลม
แต่บางคนเชื่อว่าเป็น บรรพบุรุษที่ออกมาเดินตรวจเยี่ยมลูกหลาน
3.4 เงาของผู้ตายที่ไม่ตรงกับรูปถ่าย
หลายครั้งนักท่องเที่ยวอ้างว่าถ่ายรูปสุสานแล้วพบว่ามีเงาของ “คนยืนอยู่” ทั้งที่สถานที่ว่างเปล่า
ที่น่าสนใจคือบางครั้งเงานั้นสวมชุดเวียดนามโบราณแบบราชวงศ์เหงียน ซึ่งคนปัจจุบันไม่ได้สวมใส่แล้ว
4. ความลับทางสังคม–เศรษฐกิจ: ทำไมสุสานจึงต้องใหญ่โตขนาดนี้?
4.1 การแข่งขันทางเกียรติยศในหมู่ชาวเวียดนามโพ้นทะเล
ในชุมชนเวียดนาม–อเมริกัน มีธรรมเนียมว่า
“เมื่อพ่อแม่เสีย ลูกต้องสร้างสิ่งงดงามที่สุดให้”
เพราะเป็นเครื่องยืนยันว่าครอบครัวประสบความสำเร็จในต่างแดน
สุสานจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรี
ใครสร้างใหญ่เท่าราชวัง—ยิ่งได้รับความเคารพ
ใครสร้างเล็ก—ถูกมองว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อรากเหง้า
4.2 การกลับสู่มาตุภูมิหลังความตาย
แม้ลูกหลานจะอยู่ต่างประเทศ แต่ผู้สูงอายุในอันบ๊ะจำนวนมากขอเพียงสิ่งเดียวคือ
“อย่าให้ศพฉันไปอยู่ที่อื่น นอกจากบ้านเกิด”
เมื่อพวกเขาเสียชีวิต ครอบครัวในต่างแดนจึงโอนเงินเพื่อสร้างสุสานที่มั่นคงงดงามที่สุดให้
4.3 อุตสาหกรรมสุสานมูลค่าหลายพันล้านดอง
ปัจจุบัน อันบ๊ะมี
ช่างก่อสร้าง
ช่างแกะหิน
ช่างกระเบื้อง
ช่างปูนปั้นศิลปะโบราณ
ที่ทำงานเฉพาะสุสานเท่านั้น สร้างรายได้ให้คนท้องถิ่นจำนวนมาก
เรียกได้ว่าเศรษฐกิจหมู่บ้านนี้ขับเคลื่อนด้วย “งานศพ” อย่างแท้จริง
5. ปรัชญาความเชื่อเรื่องวิญญาณของชาวเวียดนาม
ชาวเวียดนามมีความเชื่อเกี่ยวกับความตายที่สืบต่อมาตั้งแต่ยุคจำปาและดองซอน
5.1 ความเชื่อเรื่อง “ดินแดนหลังความตาย”
เชื่อว่าผู้ตายยังคง “อยู่อีกโลกหนึ่ง” ที่คล้ายกับโลกมนุษย์ พวกเขาต้องการบ้าน อาหาร เสื้อผ้า และความเคารพ
สุสานจึงเปรียบเหมือน “บ้านหลังสุดท้าย”
5.2 การเซ่นไหว้บรรพบุรุษ
ครอบครัวเวียดนามเกือบทุกบ้านมีหิ้งบูชาบรรพบุรุษ เชื่อว่าผู้ล่วงลับสามารถ
ปกป้อง
นำโชค
เตือนภัย
หรือแม้แต่ลงโทษลูกหลาน
ได้เสมอ
สุสานที่งดงามจึงเป็นการแสดงความกตัญญูสูงสุด
5.3 ความเชื่อเรื่องวันที่ดวงวิญญาณกลับบ้าน
ทุกปีในเทศกาล Tết และวัน Vu Lan คนจะมาเยี่ยมสุสานจำนวนมาก
มีความเชื่อว่าในวันสำคัญ วิญญาณจะกลับมาพบลูกหลาน
บางครอบครัวเชื่อว่าหากละเลยสุสาน
โชคร้ายจะตามมาตลอดปี
6. สุสานอันบ๊ะในสายตาโลก: จากสถานที่แปลกตา สู่สัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรม
นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมายังอันบ๊ะเพราะ
ความใหญ่โตของสุสาน
ความลึกลับของเมืองคนตาย
ความงดงามของงานศิลป์
และบรรยากาศเหนือจริงราวกับเดินอยู่ในราชวงศ์โบราณ
สื่อหลากหลายสำนัก เช่น BBC, CNN, National Geographic ต่างถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับสุสานแห่งนี้
บางงานวิจัยยังวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของชุมชนเวียดนามโพ้นทะเลกับการสร้างสุสาน จนเป็นกรณีศึกษาด้านสังคมวิทยาระดับโลก
7. ปริศนายังคงอยู่: ทำไมบางสุสานไม่มีชื่อผู้ตายเลย?
หนึ่งในสิ่งลึกลับที่สุดของอันบ๊ะ คือ
สุสานจำนวนหนึ่งไม่มีป้ายชื่อ ไม่มีวันเกิด-วันตาย และไม่มีข้อมูลของผู้ล่วงลับ
สิ่งนี้ทำให้เกิดข้อสงสัย 3 ประการ
ทฤษฎีที่ 1: สร้างเก็บไว้ก่อน
เชื่อว่าบางครอบครัวสร้างสุสานไว้รอล่วงหน้า เพราะอยู่ต่างประเทศ ไม่สะดวกกลับมาสร้างภายหลัง
ทฤษฎีที่ 2: ผู้ตายไม่มีเอกสารสมัยสงคราม
ช่วงสงครามเวียดนาม เอกสารประชาชนหลายแห่งถูกทำลาย ชาวบ้านจึงสร้างสุสานให้บรรพบุรุษโดยไม่รู้ข้อมูลจริง
ทฤษฎีที่ 3: สุสานไม่ใช่ของมนุษย์
นี่คือเรื่องที่คนท้องถิ่นกระซิบกันเบา ๆ
พวกเขาเชื่อว่า บางสุสานสร้างให้วิญญาณที่ไม่มีญาติ หรือดวงวิญญาณเร่ร่อนที่ชาวบ้านพบเห็นบ่อย
เพื่อให้ “เขามีบ้านอยู่” ไม่ออกมารบกวนผู้คน
8. อนาคตของสุสานอันบ๊ะ: ความรุ่งเรืองหรือการเสื่อมสลาย?
แม้อันบ๊ะจะสวยงามและลึกลับ แต่ก็กำลังเผชิญปัญหาใหม่
8.1 พื้นที่เริ่มเต็ม
สุสานนับพันหลังใช้พื้นที่กว้างมหาศาล การขยายตัวเริ่มติดทะเลและพื้นที่ชุมชน ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องการวางผังเมือง
8.2 วิถีใหม่ของคนรุ่นหลัง
คนเวียดนามรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เชื่อเรื่องการสร้างสุสานใหญ่โต และต้องการใช้ชีวิตแบบทันสมัย
ทำให้เกิดคำถามว่าในอนาคต “วัฒนธรรมสุสานยักษ์” จะยังอยู่หรือไม่
8.3 แต่ความกตัญญูยังคงอยู่
แม้การเปลี่ยนแปลงจะมาถึง แต่คนท้องถิ่นยังคงศรัทธาว่า
สุสานคือประตูบานสุดท้ายของชีวิต และเป็นมรดกที่ลูกหลานต้องรักษาไว้
บทส่งท้าย: เมืองที่คนตายไม่เคยหลับ และคนเป็นไม่เคยลืมรากเหง้า
สุสานอันบ๊ะไม่ใช่เพียงสถานที่ฝังศพ
แต่มันคือ
สัญลักษณ์ของความกตัญญู
ความภาคภูมิใจของชุมชน
การสืบทอดวัฒนธรรมโบราณ
ปริศนาลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้
และความงามทางศิลปะที่หาไม่ได้จากที่อื่นในโลก
ขณะที่ยืนมองสุสานสูงตระหง่านเรียงกันเหมือนพระราชวังคู่ขนาน
คุณจะรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่ “นครที่เวลาไม่เคยเดินต่อ”
สถานที่ซึ่งคนตายยังคงเฝ้ามองลูกหลาน
และลูกหลานยังคงเดินกลับมาหาพวกเขาเสมอ
นี่คือความลับของสุสานอันบ๊ะ—
มหานครแห่งผู้ล่วงลับที่งดงาม ดำมืด และลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย
ความรู้รอบตัว
ชีวิต
เรื่องเล่า
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย