เมื่อวาน เวลา 04:49 • ธุรกิจ

สังเขปประวัติศาสตร์ไต้หวัน จากบ้านของชนออสโตรนีเซียนสู่เกาะที่หลอมจีนและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน

สถานการณ์ของวิกฤตทางการทูตจีน–ญี่ปุ่นในปัจจุบันขณะนี้นับว่าเป็นอะไรที่ยังคงตึงเครียด ถึงแม้ว่าระยะเวลาจะผ่านมากว่า 1 สัปดาห์แล้วที่นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่นคนแรกอย่างซานาเอะ ทาคาอิจิ ได้พูดถึงการส่งกองกำลังสนับสนุนไต้หวันหากตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากต่างชาติ ซึ่งทำให้ทางการจีนไม่พอใจกับคำพูดดังกล่าวของนางทาคาอิจิ ตลอดจนนำมาสู่การพูดถึงคำพูดดังกล่าวในหลากหลายแง่มุมด้วย
วิกฤตการทูตที่เกิดขึ้นนี้ได้ส่งผลต่าง ๆ มากมาย ทั้งการที่ทั้งสองฝ่ายต่างพากันเตือนพลเมืองของตนเกี่ยวกับการเดินทางไปมาหาสู่กันเพราะเกรงเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนี้ ตลอดจนในส่วนของตลาดหุ้นเอง หุ้นท่องเที่ยวและหุ้นค้าปลีกของญี่ปุ่นก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
1
ไต้หวัน ในมุมมองของแต่ละคนอาจจะมองแตกต่างกันไป บางคนอาจจะมองไต้หวันในฐานะ “ประเทศ” บางคนอาจจะมองในฐานะของ “จีนเดียว” แต่ทั้งนี้ ไต้หวันนับว่าเป็นเกาะที่มีความเป็นมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเราจะพบเห็นถึงการหลอมรวมระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในไต้หวัน แต่รู้หรือไม่ว่าในอดีตนั้นเกาะแห่งนี้ไม่ใช่บ้านของชาวจีน หากแต่เป็นบ้านเกิดของบรรพบุรุษชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปไกลจนถึงฝั่งทวีปออสเตรเลียเลยทีเดียว
📌บ้านของชนออสโตรนีเซียน
กล่าวกันว่าเกาะไต้หวันเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เก่าแก่เป็นอันดับแรก ๆ ที่พบการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ โดยมีการค้นพบฟอสซิลเผิงหู 1 ซึ่งเป็นฟอสซิลกระดูกส่วนกรามของสิ่งมีชีวิตในตระกูลโฮโม หรือก็คือกลุ่มสิ่งมีชีวิตเดียวกันกับมนุษย์นี่เอง ซึ่งมีอายุอยู่ราว 450,000 - 190,000 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ช่องแคบไต้หวันยังคงเป็นแผ่นดินอยู่นี่เอง
ราวช่วง 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล ได้ปรากฏการเกิดขึ้นของกลุ่มวัฒนธรรมในไต้หวันช่วงยุคหินใหม่ ซึ่งกลุ่มวัฒนธรรมนี้เชื่อกันว่าในปัจจุบันก็คือกลุ่มชนพื้นเมืองไต้หวัน ซึ่งกลุ่มชนพื้นเมืองเหล่านี้พวกเขาพูดภาษาตระกูล “ออสโตรนีเซียน” ไม่ใช่จีนทิเบตแต่อย่างใด
ด้วยเรื่องภาษานี่เองทำให้เชื่อมโยงได้ว่ากลุ่มผู้พูดภาษาตระกูลออสโตรนีเซียนนั้นน่าจะอพยพจากไต้หวันไปสู่พื้นที่อื่น ๆ คือที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไปไกลถึงออสเตรเลีย ทำให้ไต้หวันเป็นบ้านของกลุ่มชนออสโตรนีเซียนที่แตกออกไปหลากหลายสายในปัจจุบัน
📌เมื่อชาวจีนมาเยือน
1
การที่ชาวจีนได้เดินทางข้ามช่องแคบมายังเกาะไต้หวันนั้น ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่าเดินทางมาครั้งแรกเมื่อใด จากหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดก็ไม่ได้แน่ชัดว่าชาวจีนหมายถึงเกาะไต้หวันจริง ๆ หรือเปล่า
โดยในสมัยสามก๊กมีบันทึกทางการทหารของฝ่ายง่อก๊กระบุว่าได้เดินทางบุกเบิกไปยังเกาะแห่งหนึ่งนามว่า “อี้โจว”
นอกจากนี้ยังมีบันทึกสมัยราชวงศ์สุ่ยที่กล่าวถึงเกาะทางตะวันออกเหมือนกัน แต่เรียกว่า “หลิวซิว” ซึ่งสันนิษฐานกันว่าหลักฐานเหล่านี้ชี้ไปยังเกาะริวกิวมากกว่าที่จะเป็นเกาะไต้หวัน แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีนักวิชาการบางส่วนที่ตีความว่าเกาะที่ปรากฏในสมัยสามก๊กและในสมัยราชวงศ์สุ่ยนี้หมายถึงเกาะไต้หวัน
หลักฐานที่น่าจะใกล้เคียงกับการเดินทางไปยังไต้หวันของชาวจีนมากที่สุดน่าจะเป็นการตั้งถิ่นฐานของชาวประมงในช่วงศตวรรษที่ 11 บนเกาะเผิงหูที่อยู่ไม่ไกลจากไต้หวัน นอกจากนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังมีบันทึกเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดในบริเวณดังกล่าวด้วย
เข้ามาในสมัยราชวงศ์หยวน เริ่มมีหลักฐานชัดเจนขึ้นว่าชาวจีนเดินทางไปเหยียบเกาะไต้หวันแบบชัดเจน โดยในรัชสมัยของกุบไลข่าน ได้มีการส่งคนไปอาณาจักรริวกิวเพื่อสั่งให้ริวกิวยอมสวามิภักดิ์ ทว่าคนของกุบไลข่านหลงทิศหลงทางไปขึ้นฝั่งที่ไต้หวันด้วยนึกว่ามันเป็นเกาะริวกิว และต่อมาได้มีนักสำรวจคนสำคัญอย่างหวังต้าหยวนเดินทางมาและบันทึกเกี่ยวกับเกาะไต้หวันเอาไว้ แต่จากบันทึกมีระบุว่าเขาไปเจอเครื่องปั้นจากแผ่นดินใหญ่ใช้กันในเกาะไต้หวัน
จึงสันนิษฐานว่ามีพ่อค้าเดินทางมาไต้หวันก่อนหวังต้าหยวนอย่างแน่นอน อีกทั้งยังบันทึกว่าที่นี่เป็น “ดินแดนอื่น” เพราะที่นี่ไม่มีชาวจีนตั้งถิ่นฐานอยู่ โดยชาวจีนส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่เกาะเผิงหูกัน
ชาวจีนเริ่มเดินทางไปยังไต้หวันมากขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง มีตั้งแต่ชาวประมง พ่อค้า ไปจนถึงโจรสลัด เวียนวนไปมาที่บริเวณทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ
นอกจากนี้เกาะไต้หวันยังเป็นจุดภูมิศาสตร์สำคัญที่จีนจะมาพบปะและค้าขายกับญี่ปุ่นหรือกลุ่มริวกิวด้วยในอีกทางหนึ่ง
📌เมืองท่าสำคัญบนเส้นทางการค้าของ VOC
ชาวยุโรปได้บุกเบิกเอเชียมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 แน่นอนว่าไต้หวันเองก็ไม่ได้เป็นเกาะที่ตกสำรวจแต่อย่างใด โดยกะลาสีชาวโปรตุเกสเรียกขานเกาะไต้หวันว่า “ฟอร์โมซา” (Formosa - เกาะสวยงาม)
ก่อนที่ต่อมาทางบริษัทอินเดียตะวันออกของดัตช์ (VOC) จะเริ่มดำเนินการตั้งฐานอำนาจทางการค้าที่เอเชียตะวันออก
เดิมที VOC อยากจะได้มาเก๊าของโปรตุเกส ทว่ากลับรบแพ้ ก็เลยหันไปจะยึดเกาะเผิงหู แต่เกิดข้อพิพาทและปะทะกับฝ่ายหมิงจนถูกขับออกไป VOC จึงตัดสินใจที่จะสร้างป้อมปราการอยู่ที่อีกฝั่งหนึ่งของเกาะไต้หวันแทน การที่ดัตช์ได้ตั้งฐานอำนาจบนไต้หวันได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความช่วยเหลือของกลุ่มโจรสลัดในท้องที่ที่เข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยด้วย ซึ่งความสัมพันธ์ของ VOC กับโจรสลัดก็เป็นไปทั้งเป็นมิตรและเป็นศัตรูในเวลาเดียวกัน
การเข้ามาของ VOC นับว่าเป็นผลดีต่อการค้าจีน–ไต้หวัน ทว่ากลับเป็นผลเสียต่อการค้าญี่ปุ่น–ไต้หวัน เพราะทาง VOC ได้เข้ามาแทนที่ อย่างไรก็ดี การมีตัวตนของ VOC บนไต้หวันทำให้ทางฝ่ายสเปนไม่พอใจ เพราะมองว่าเป็นภัยต่ออาณานิคมฟิลิปปินส์ พวกเขาจึงพากันขึ้นมาตั้งฐานบนไต้หวันบ้าง แต่ทั้งนี้กลับไม่ได้รับการบำรุงที่ดีพอ ทำให้สุดท้ายแล้วสิ่งปลูกสร้างของสเปนบนไต้หวันก็โดน VOC เข้าตีและยึดครองไปหมด
พอนานวันเข้า จากที่เป็นแค่ที่ตั้งของ VOC ในเอเชียตะวันออก ไต้หวันก็เข้าสู่กระบวนการทำให้เป็นอาณานิคมโดย VOC โดยมีประชากรส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมือง และชาวจีนบางส่วน มีการพยายามชักชวนให้คนพื้นเมืองยกเลิกวิถีชีวิตแบบเก็บของป่าล่าสัตว์ให้หันมาทำการเกษตร (ซึ่งไม่ได้ผล) เริ่มมีระบบการจัดเก็บภาษี ตั้งโรงเรียนสอนเขียนตัวโรมัน ตลอดจนเผยแพร่ศาสนา แต่อย่างไรก็ดี ความพยายามของ VOC ก็เสียเปล่าไปโดยมาก
VOC ครองไต้หวันได้ไม่กี่สิบปี ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อเจิ้ง เฉิงกง ซึ่งเป็นผู้ภักดีต่อฝ่ายหมิงใต้ ทำการกบฏเพื่อแข็งข้อต่อการรุกรานของชิง ซึ่งเขาก็ได้ทำการเข้ามาโจมตีไต้หวันและขับไล่ VOC ออกไปได้ พร้อมกับตั้งอาณาจักรไต้หวันขึ้นมา อย่างไรก็ดี ราชวงศ์ของเขาดำรงอยู่ได้ไม่นานก็ล่มสลายลงจากการรุกรานของราชวงศ์ชิงที่ทำการรวมแผ่นดินได้สำเร็จ
📌จากต้าชิงถึงวงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพา
ไต้หวันได้ดำรงอยู่ภายใต้การปกครองของต้าชิงมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ซึ่งในระยะนี้ก็ได้มีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวจีนเป็นจำนวนมากบนเกาะไต้หวันซึ่งครอบคลุมทางตะวันตกของเกาะอย่างเบ็ดเสร็จ แต่อย่างไรก็ดี ในช่วงหนึ่งจีนก็ได้เกิดสงครามกับญี่ปุ่น ส่งผลให้เมื่อจบสงครามจีน–ญี่ปุ่น เกาะไต้หวันและเกาะเผิงหูได้ตกมาอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นตามสนธิสัญญาชิโมโนะเซกิ
ญี่ปุ่นได้ส่งต่อผู้คนและวัฒนธรรมเข้ามายังไต้หวันในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยไต้หวันภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นจะแบ่งเป็น 3 ยุค คือ ยุคปราบปราม ยุคกลืนชาติ และยุคทำให้เป็นญี่ปุ่น
แน่นอนว่าพอผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองใหม่ ไต้หวันก็มีท่าทีต่อต้านญี่ปุ่น ทำให้เกิดการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามการแข็งข้อที่จะลุกลามเป็นกบฏเหล่านี้ โดยนอกเหนือจากกลุ่มต่อต้านติดอาวุธแล้วก็ยังมีกลุ่มต่อต้านญี่ปุ่นที่ใช้วิธีอหิงสาเหมือนกัน เช่น กลุ่ม TCA เป็นต้น
ในส่วนของยุคกลืนชาตินี้เป็นยุคที่เกิดความคิดในกลุ่มปัญญาชนญี่ปุ่นที่เข้ามายังไต้หวันที่ปรารถนาที่จะอยู่ร่วมกันระหว่างคนญี่ปุ่นกับไต้หวัน
แต่ทั้งนี้ในระยะแรกญี่ปุ่นแบ่งแยกเชื้อชาติอย่างรุนแรงมาก ๆ ทำให้การกลืนชาติยังไม่เกิดขึ้น โดยแนวคิดกลืนชาติเริ่มปรากฏให้เห็นในระยะหลังที่มีชาวไต้หวันเดินทางไปเรียนที่ญี่ปุ่น และปรารถนาที่จะเป็นอย่างญี่ปุ่น อันนำมาสู่ยุคทำให้เป็นญี่ปุ่น ที่ปรารถนาให้ชาวไต้หวันกลายเป็นชาวญี่ปุ่นเต็มตัวในระดับที่สละชีพเพื่อชาติได้ด้วย เพื่อเป็นกำลังสำคัญของวงไพบูลย์ร่วมแห่งมหาเอเชียบูรพาในการต่อต้านจักรวรรดินิยมตะวันตก นี่เองทำให้ไต้หวันกลายเป็นหม้อหลอมที่หยิบเอาทั้งจีนและญี่ปุ่นมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันบนเกาะนี้
ครั้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 อุบัติขึ้นมาได้ชั่วระยะหนึ่ง การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกาได้ดลให้รัฐบาลจีนอย่างพรรคก๊กมินตั๋งทำการประกาศฉีกสนธิสัญญาทั้งหมดเกี่ยวกับไต้หวัน–ญี่ปุ่น เพื่อดึงไต้หวันให้กลับมาอยู่กับฝ่ายจีนอีกครั้งหนึ่งเพื่อร่วมสงคราม พอสงครามสิ้นสุดลงในปี 1945 หลังจากการถล่มฮิโรชิมาและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นยอมแพ้และถอนกองทัพออกจากจีนและไต้หวันอย่างเป็นทางการ เป็นอันสิ้นสุดของยุคสมัยญี่ปุ่น
📌ไต้หวัน — ปัจจุบันและอนาคต
หลังจากสิ้นสุดยุคสมัยของญี่ปุ่น ไต้หวันก็มามีบทบาทอีกครั้งหนึ่งหลังสงครามกลางเมืองระหว่างเจียงไคเช็กกับเหมาเจ๋อตง แผ่นดินใหญ่เปลี่ยนมาเป็นคอมมิวนิสต์ พรรคก๊กมินตั๋งและชาวจีนจำนวนไม่น้อยต่างพากันอพยพหนีลงมายังไต้หวัน
โดยมองว่าเป็นการตั้งรับและฟื้นฟูก่อนสวนกลับ ภายใต้แผน “เตรียมการ 1 ปี สวนกลับใน 2 ปี กำจัดศัตรูใน 3 ปี และประสบความสำเร็จใน 5 ปี” ไต้หวันถูกปกครองโดยก๊กมินตั๋งแบ่งแยกออกจากแผ่นดินใหญ่ ซึ่งก็มีการปฏิรูปการปกครองและพัฒนาประเทศอย่างขันแข็ง
แต่อย่างไรก็ดี การโจมตีกลับไม่ได้เกิดขึ้นตามแผนที่คาดการณ์เอาไว้แต่อย่างใด ทำให้เรื่องระหว่างไต้หวันกับจีนยังคงคุกรุ่นอยู่ไม่ได้จางหายไปไหน
ด้วยความที่ใช้การปกครองที่แตกต่างไปจากแผ่นดินใหญ่ ทำให้ไต้หวันเป็นเสมือนอีกหนึ่งจุดปลอดภัยและดูแตกต่าง ประชาธิปไตยในไต้หวันก็ยังคงดำเนินต่อมา อีกทั้งยังมีการปกครองตัวเองด้วยความก้าวหน้าและทันสมัยเรื่อยมา
 
ในปัจจุบันนี้ไต้หวันนับว่าเป็นอีกหนึ่งรัฐที่มีการปกครองตัวเองที่นับว่ามีสมรรถภาพสูงในระดับโลก ถึงแม้ว่าจะเป็นเกาะที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายก็ตาม ระบบต่าง ๆ ทั้งเศรษฐกิจและการเมืองของไต้หวันแตกต่างไปจากแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนเคยเป็น 4 เสือแห่งเอเชียทางด้านเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง
1
อีกทั้งยังมี GDP ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ ปี ทำให้ไต้หวันเป็นอีกหนึ่งรัฐที่มีความมั่งคั่งและมั่นคงด้วยอีกแห่งหนึ่ง และอาจจะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคต และได้แต่หวังว่าสถานการณ์ความตึงเครียดนี้จะผ่อนเบาบางลงได้บ้างในอนาคต
เรื่อง : ณัฐรุจา งาตา
ภาพประกอบ : บริษัท ก่อการดี จำกัด
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
#ประวัติศาสตร์ #จีน #ญี่ปุ่น #ไต้หวัน #การเมือง #ภูมิศาสตร์ #การค้า #Bnomics #BBL #BangkokBank #ธนาคารกรุงเทพ
โฆษณา