26 พ.ย. เวลา 04:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก CoreCivic คุกเอกชนมูลค่า 58,000 ล้านบาท ที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

“จะทำอย่างไร ให้การบริหารจัดการคุก มีต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อไม่ให้รบกวนเงินภาษีของประชาชนมากจนเกินไป พร้อมกับคืนคนดีสู่สังคม ?”
คำถามนี้ เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดไอเดียธุรกิจแปลกใหม่ขึ้นในสหรัฐฯ นั่นก็คือ ธุรกิจก่อสร้างและบริหารจัดการคุกแบบครบวงจร
โดยบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในวงการนี้ก็คือ บริษัทที่มีชื่อว่า CoreCivic ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
แล้วธุรกิจแบบนี้ จะช่วยให้การบริหารคุกมีประสิทธิภาพมากกว่าการที่รัฐบาลมาบริหารคุกเองได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
CoreCivic ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1983 โดยมีผู้ก่อตั้ง 3 คนด้วยกัน คือ คุณ Thomas W. Beasley ประธานพรรครีพับลิกัน สาขาเมืองเทนเนสซี
ส่วนอีก 2 คนคือคุณ Robert Crants อดีต CFO ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่ง และผู้ก่อตั้งคนที่ 3 คือคุณ T. Don Hutto ประธานสมาคมสถานกักกันผู้กระทำความผิดของสหรัฐฯ
โดยผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คน มีความเห็นตรงกันว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหานักโทษล้นคุก และคุกหลายแห่งในประเทศก็ถูกสร้างมานานแล้วจนเก่าเกินไป ทำให้การรักษาความปลอดภัยหละหลวม
ผู้ก่อตั้งทั้ง 3 คน จึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัท CoreCivic ขึ้นมา เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
โดยปัจจุบัน CoreCivic ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ
1. CoreCivic Safety ทำธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการคุก และสถานกักกันคนต่างด้าวเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทั้งสถานที่ที่บริษัทสร้างเอง รวมถึงสถานที่ของรัฐบาล
โดยบริษัทมีคุก และสถานกักกันต่างด้าวอยู่ภายใต้การบริหารจัดการในส่วนนี้ 42 แห่ง
2. CoreCivic Community ทำธุรกิจสถานบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความผิด ให้กลับไปใช้ชีวิตนอกเรือนจำได้อย่างราบรื่น
คนไทยส่วนใหญ่อาจจะไม่คุ้นกับธุรกิจแบบนี้ โดยสถานบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความผิด จะตั้งอยู่นอกเรือนจำ เอาไว้ให้คำปรึกษา และเยียวยาจิตใจเหล่าผู้ที่เพิ่งพ้นโทษมา
รวมถึงมีพื้นที่สำหรับการพักอาศัยให้อดีตนักโทษที่ยังหางานทำไม่ได้ ไม่มีที่อยู่ มาพักอาศัยที่นี่เป็นการชั่วคราวก่อนได้
บริษัทเป็นเจ้าของสถานบำบัดฟื้นฟูผู้กระทำความผิดประมาณ 21 แห่ง
3. CoreCivic Properties คือธุรกิจให้เช่าคุก รวมถึงบริการซ่อมแซม บำรุงรักษาคุก
ตรงนี้จะคล้าย ๆ กับการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วไป นั่นก็คือ บริษัทจะสร้างคุกขึ้นมา แล้วอาจจะให้ภาครัฐ หรือเอกชนเจ้าอื่นเข้ามาบริหาร ส่วนบริษัทก็จะได้รับเป็นเงินค่าเช่าไป
ซึ่งบริษัทมีคุกในส่วนนี้ทั้งหมด 6 แห่ง โดยในคุกที่บริษัทรับจ้างบริหาร จะมีทั้งเจ้าหน้าที่ของบริษัทเอง และเจ้าหน้าที่ภาครัฐร่วมกันทำงานอยู่ด้วย
เพราะพนักงานของบริษัทไม่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย แค่มาดูแลความปลอดภัย ความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิต รวมถึงเสริมทักษะให้นักโทษเท่านั้น หน้าที่ของการบังคับใช้กฎหมาย ยังเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่
สอดคล้องกับพันธกิจ หรือ Mission ของบริษัทที่ต้องการดูแลผู้ต้องขังให้ดีที่สุด ทั้งการดูแลความปลอดภัย การรักษาพยาบาล การจัดการความเครียด อาหารและโภชนาการ
ครอบคลุมไปถึงการจัดการฝึกอบรม สร้างทักษะให้นักโทษมีความรู้ติดตัวไปประกอบอาชีพสุจริตได้ในอนาคต รักษาอาการติดยาเสพติด รวมถึงทักษะการใช้ชีวิตด้วย
โดยนักโทษมีโอกาสได้รับใบรับรองจบการศึกษาเทียบเท่ามัธยมปลายเลย และมีโอกาสเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีได้อีกด้วย เพราะบริษัทมีโปรแกรมให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วย
สำหรับสัญญารับจ้างบริหารคุกจะมีอายุประมาณ 1 ถึง 5 ปี จากนั้นก็อาจจะมีการต่อสัญญาไปเรื่อย ๆ ก็ได้
อย่างไรก็ตามรัฐบาลสามารถยกเลิกสัญญาจ้างกับบริษัทได้ทุกเมื่อที่ต้องการ แต่บริษัทให้ข้อมูลว่า บริษัทมีอัตราการถูกต่ออายุสัญญาสูงถึง 96% ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
ส่วนการทำสัญญาเช่าคุก จะมีอายุที่ยาวกว่า โดยปกติจะมีอายุนานถึง 10 ปีกันเลยทีเดียว
ซึ่งบริษัทก็ได้อ้างว่า ธุรกิจของพวกเขาช่วยประหยัดภาษีของประชาชน ในการใช้บริหารจัดการคุกประมาณ 18% ถึง 58% ของงบประมาณที่รัฐเคยจ่ายเพื่อดูแลคุกเอง
นอกจากนี้ระยะเวลาที่บริษัทใช้ก่อสร้างคุกก็เร็วขึ้นมาก จากเดิมถ้าปล่อยให้หน่วยงานรัฐเป็นเจ้าภาพก่อสร้างคุกเอง ก็มักจะใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 4 ถึง 5 ปี แต่ CoreCivic ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 12 ถึง 18 เดือนเท่านั้น
ขณะที่การบริหารจัดการคุก ก็มีความโปร่งใส เพราะมีองค์กรภายนอกเข้ามาตรวจ และในคุกก็มีคนของเจ้าหน้าที่รัฐคอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังที่อยู่ในคุกเอกชนของสหรัฐฯ คิดเป็นเพียงแค่ 8% ของจำนวนนักโทษทั้งหมดของประเทศ แสดงให้เห็นว่ามีการให้สัมปทานเอกชนในบางพื้นที่เท่านั้น
เพราะถึงแม้ว่าคุกเอกชนจะช่วยให้การบริหารจัดการคุกมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน คนทั่วไปรวมถึงหน่วยงานรัฐหลายแห่งในสหรัฐฯ ก็ยังมีความเชื่อว่าคุกควรถูกบริหารจัดการโดยรัฐบาลมากกว่า
ทำให้สหรัฐฯ ยังไม่ได้เปิดให้บริษัทเอกชนเข้ามาช่วยบริหารคุกมากเท่าไรนัก
แต่ถึงแม้ตลาดคุกเอกชนจะยังไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่มากนัก เมื่อเทียบกับจำนวนคุกทั้งหมดในประเทศ
แต่บริษัทก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 55% ในแง่ของจำนวนเตียงนักโทษทั้งหมดของคุกเอกชนในสหรัฐฯ
ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการในช่วง 3 ปีย้อนหลังของบริษัทแห่งนี้กันเลยดีกว่า
- ปี 2022 รายได้ 60,000 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,000 ล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 61,600 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,200 ล้านบาท
- ปี 2024 รายได้ 63,700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,200 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่ารายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เนื่องจากสหรัฐฯ เอง ก็ยังไม่ค่อยเปิดรับให้เอกชนเข้ามาบริหารคุกมากเท่าไรนัก
เพียงแต่ใช้คุกของเอกชนเฉพาะในพื้นที่ที่หน่วยงานรัฐมีงบประมาณที่จำกัดเท่านั้น
นอกจากนี้ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการให้อำนาจบริษัทเอกชนเข้ามาบริหารคุกก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพราะในสมัยที่คุณโจ ไบเดน ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ก็เคยเสนอให้ยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้เอกชนเข้ามาบริหารคุกของหน่วยงานสังกัดกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ
ต่อมาเมื่อคุณโดนัลด์ ทรัมป์ กลับเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง ก็กลับมาอนุญาตให้เอกชนบริหารคุกให้กระทรวงยุติธรรมได้เหมือนเดิม
ดังนั้น ธุรกิจคุกเอกชนแบบนี้ ก็อาจจะไม่ได้เติบโตได้อย่างรวดเร็วนัก จากการถกเถียงกันในเรื่องการอนุญาตให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการคุก
ทั้งในระดับประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้มีอำนาจใน 2 พรรคการเมืองใหญ่ของสหรัฐฯ ด้วย
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ รู้ไหมว่า CoreCivic มีมูลค่าบริษัทประมาณ 58,000 ล้านบาท มากกว่าบริษัทอย่าง BTS ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าของไทยเสียอีก..
หมายเหตุ : บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ธุรกิจ
#หุ้นนอก
#CXW
References
- รายงานประจำปี 2024 ของบริษัท CoreCivic
โฆษณา