วันนี้ เวลา 13:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปเศรษฐกิจหาดใหญ่ เมืองที่โตเพราะรถไฟ ยิ่งใหญ่เพราะการค้า

หากพูดถึงภาคใต้ หลายคนก็ต้องนึกถึงจังหวัดภูเก็ต เป็นอันดับแรก ๆ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
แต่หากลองขยับมาทางภาคใต้ตอนล่าง
“หาดใหญ่” ก็มักจะเป็นชื่อแรกที่เรานึกถึง
เพราะหาดใหญ่ เป็นอีกหนึ่งเมืองเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจในภาคใต้ และถือเป็นเมืองที่สำคัญอีกแห่ง จนใครหลายคนคิดว่าหาดใหญ่เป็นจังหวัดด้วยซ้ำ
แล้วหาดใหญ่ มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ?
ทำไมถึงกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าย้อนกลับไป 100 กว่าปีก่อน หาดใหญ่ ไม่ได้เป็นเมืองหน้าด่าน ไม่ได้มีบทบาทสำคัญของรัฐทางใต้ในสมัยนั้นแต่อย่างใด
โดยในอดีตหาดใหญ่ เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ มีคนอาศัยอยู่น้อย และเดินทางยากลำบาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นป่าทึบ และสวนยางพารา
จุดเปลี่ยนของหาดใหญ่ ก็เริ่มมาจากสมัยรัชกาลที่ 6 ที่มีการเปิดสถานีชุมทางรถไฟหาดใหญ่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2465
ซึ่งสถานีชุมทางรถไฟหาดใหญ่ ก็มีเส้นทางที่ลากตรง ๆ มาจากกรุงเทพมหานคร มาบรรจบที่หาดใหญ่
แล้วที่มีเส้นทางแยกจากหาดใหญ่ ไปสุดที่ 3 เมือง นั่นก็คือ
- ที่ปาดังเบซาร์
- สุไหงโกลก
- ตัวอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา (แต่ปัจจุบันปิดให้บริการแล้ว)
และรถไฟชุมทางหาดใหญ่ ก็ได้มาพลิกโฉมหน้า ของการค้าในชายแดนภาคใต้ เพราะเส้นทางถูกลากจากกรุงเทพฯ ไปค้าขายยังเมืองชายแดนทั้ง 2 เมือง
ทำให้พื้นที่หมู่บ้านหาดใหญ่ กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการค้าขาย
โดยกลายเป็นฮับในการพักสินค้า ก่อนที่จะส่งออก ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และนำเข้าสินค้าจากชายแดนมาเลเซีย ส่งตรงไปที่กรุงเทพฯ
เมื่อการค้าข้ามชายแดนขยายตัว ตัวเมืองหาดใหญ่ ก็ขยายตัวมากขึ้น
จึงทำให้ผู้คนที่ประกอบอาชีพทำมาค้าขาย โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล ก็เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานรอบ ๆ ชุมทางสถานีรถไฟหาดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้จากพื้นที่ที่เคยเป็นหมู่บ้านธรรมดา ๆ ไม่มีอะไร กลายเป็นพื้นที่การค้าที่คึกคัก มีพ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ เข้ามาค้าขายตั้งถิ่นฐานที่นี่
โดยศูนย์กลางการค้าขายของเมืองหาดใหญ่ในยุคแรก ก็คือ “ตลาดกิมหยง” ตลาดเก่าแก่ ที่คนในพื้นที่รู้จักกันดี
ตลาดกิมหยง ได้ก่อตั้งขึ้น โดยนายกิมหยง แซ่ชี หนึ่งในผู้ประกอบการยุคแรก ที่มองเห็นศักยภาพของเมืองหาดใหญ่ โดยเขาได้รวบรวมที่ดินรอบสถานีรถไฟเป็นจำนวนมาก
เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เป็นย่านค้าขาย ก่อนที่จะก่อตั้งเป็นตลาด
เพื่อรวมสินค้าที่ถูกลำเลียงเข้ามาด้วยรถไฟ โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากมาเลเซีย ไม่ว่าจะเป็น อาหารแห้ง สมุนไพร และสินค้าแฟชั่นราคาค้าส่ง
นอกจากนี้ ตลาดกิมหยง ก็ยังเป็นแหล่งกระจายสินค้าเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ เช่น ยางพารา ผลไม้ และอาหารทะเลแปรรูปจากไทยไปยังมาเลเซีย
และลำเลียงผ่านรถไฟขึ้นไปยังกรุงเทพฯ
และต่อมา ชาวเมืองหาดใหญ่ ก็เริ่มมีการวางผังเมืองให้ถนน และพื้นที่รอบ ๆ สถานีรถไฟและตลาดกิมหยงให้ดูเป็นระเบียบ
ซึ่งถ้าใครเคยไปเที่ยวหาดใหญ่ หรือลองกาง Google Maps ดู ก็จะเห็นว่าโซนหาดใหญ่ใจกลางเมือง บริเวณหน้าสถานีรถไฟ บริเวณถนนนิพัทธ์อุทิศ
มีการจัดวางผังเมืองเป็นรูปแบบตาราง หรือเป็นรูปแบบกริด ซึ่งเกิดจากแรงผลักดันของพ่อค้า และชุมชนดั้งเดิมในยุคนั้น เพื่อต้องการให้เมืองมีความเป็นระเบียบและค้าขายได้คล่องที่สุด
เมื่อหาดใหญ่เติบโตจากการค้ามากขึ้น ก็เริ่มมีธุรกิจบริการ และท่องเที่ยว อย่างร้านอาหาร และโรงแรมเข้ามามากขึ้น เพื่อรองรับชาวต่างชาติ อย่างชาวจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์
จนกระทั่งหาดใหญ่ เริ่มเข้ามีบทบาทสำคัญ กลายเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจ และการศึกษา ของภาคใต้
โดยเริ่มมีการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือ ม.อ. ที่หาดใหญ่ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการศึกษา ในระดับอุดมศึกษาของภาคใต้
นอกจากมหาวิทยาลัยแล้ว ในหาดใหญ่ ก็ยังเป็นที่ตั้งสถานที่สำคัญอย่าง
- ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
เป็นฮับการบินของภาคใต้ตอนล่าง และเป็นหนึ่งในไม่กี่สนามบินของประเทศไทย ที่บริหารโดย บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT
โดยท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ มีจำนวนเครื่องบินขึ้นลง มากเป็นอันดับ 7 ของประเทศ
- ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคใต้
ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ที่หาดใหญ่นี้ ก็ได้กลายเป็นธนาคารกลาง ที่เข้ามาดูแลภาพรวมเศรษฐกิจของภาคใต้นั่นเอง
ซึ่งในหาดใหญ่ รอบ ๆ ก็ยังเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น
บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี บริษัทแปรรูปและส่งออกยางพาราระดับโลก
บมจ. หาดทิพย์ ผู้บรรจุและกระจายสินค้าน้ำอัดลม โค้กในภาคใต้
บมจ. โชติวัฒน์อุตสาหกรรมการผลิต ผู้ผลิตและแปรรูปอาหารทะเลแบบครบวงจร
รายใหญ่ของประเทศไทย
และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มาตั้งบริษัท หรือมาตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ภายในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหาดใหญ่มากนัก
จากการเติบโต ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า อุตสาหกรรม ไปจนถึงการท่องเที่ยวของหาดใหญ่
ก็ทำให้ขนาดเศรษฐกิจหรือ GPP ของจังหวัดสงขลา มีมูลค่ามากที่สุดในภาคใต้
ในปี 2566 จังหวัดสงขลา มีขนาดเศรษฐกิจอยู่ที่ 251,480 ล้านบาท ซึ่งมากเป็นอันดับ 15 ของประเทศ
โดยที่มาของ GPP 3 อันดับแรกของจังหวัดสงขลา มาจาก
- ภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่า 45,469 ล้านบาท
- ภาคการเกษตร คิดเป็นมูลค่า 31,106 ล้านบาท
- ด้านการค้าขาย ค้าส่ง ค้าปลีก คิดเป็นมูลค่า 26,187 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าภายในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ อาจจะไม่ได้มีรายงานขนาดเศรษฐกิจเฉพาะพื้นที่ แต่ในอำเภอหาดใหญ่ ก็ถือว่ามีบทบาทในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ให้กับทั้งจังหวัดสงขลามากพอสมควร
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนภาพการเติบโตของอำเภอหาดใหญ่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
และไม่ว่าเมืองหาดใหญ่ จะเติบโตมากขึ้นแค่ไหน
แต่สิ่งที่ชาวหาดใหญ่ต้องเจอซ้ำ ๆ ซาก ๆ ก็คือปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่ชาวหาดใหญ่ ต้องพบเจอมามากกว่า 30 ปีแล้ว
ถึงแม้ว่าในอดีตที่ผ่านมา ภาครัฐได้มีโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมมาแล้วอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น การขุดคลอง ร.1 ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อช่วยเร่งระบายน้ำออกจากตัวเมือง ออกสู่ทะเลสาบสงขลา
ไปจนถึงการอัปเกรดระบบระบายน้ำภายในตัวเมืองหาดใหญ่ ของกรมชลประทาน
และจะว่าไปจริง ๆ แล้ว น้ำท่วมหาดใหญ่ ก็เกิดจากสาเหตุหลาย ๆ อย่าง
ทั้งสภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะ การรับน้ำจากต้นน้ำบนเทือกเขา
หรือปริมาณฝนที่ตกลงภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ ที่มากสุดเป็นประวัติการณ์
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อรวมกัน ก็ยากที่จะรับมือ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคนเรา ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้
แต่สุดท้ายแล้ว ทางภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ก็ต้องหาวิธีการป้องกันน้ำท่วม ภายในตัวเมืองหาดใหญ่ และจังหวัดสงขลา ที่เปรียบเสมือนจุดไข่แดงทางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง ไม่ให้เกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพื่อไม่ให้มีความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สิน
และเพื่อให้เมืองหาดใหญ่ กลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวา เหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกครั้ง
โฆษณา