สวัสดีวันพุธ 🌍 | ทาน–ศีล–สมาธิ

💎 หยุดใจฐาน7 หายใจลึก วางโลก ดูใจ | ศีล5: ไม่ฆ่า ไม่ลัก ไม่ผิดศีล ไม่โกหก ไม่มัวเมา | 5ห้อง: ตื่น–พิจารณา–พอดี–สติ–สมบัติ | หลักเดียว: ไม่เดือดร้อนเรา–ไม่เบียดเบียนใคร | คาถานักชนะ: “ดีทุกวัน ไกลกว่าความเก่ง” 🚀
📌 อ่านต่อใต้คอมเมนต์👇
หมายเหตุพระไตรปิฎก 📜✨
 
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ 🪷
 
ที่มา : แอปพลิเคชัน E-Tipitaka 📱
 
คุณคิดว่า…✨ การควบคุมใจสำคัญกว่าการควบคุมกายไหม? 🧘‍♂️
 
🌈 แชร์ต่อได้เลย FC! 💬
#ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ #วัดพระธรรมกาย #ไทย #thailand #funny #world #spychannel #เทรนวันนี้ #ติดเทรนด์วันนี้ (พลวโรภิกขุเถระ)
หมายเหตุพระไตรปิฎก 📜✨
 
พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑ 🪷
 
ที่มา : แอปพลิเคชัน E-Tipitaka 📱
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอน
ปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการ
หยุดอยู่ แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอน
ปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการ
หยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๑๘. มนุสสิตถี ปมัตตะจตุกกะ [ยอนปาก]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก
ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการ
ถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก
ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่ ยินดี
การถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก
ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการ
ถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก
ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่
แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก
ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่
ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๑๙. มนุสสิตถี มตะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนวัจจ์]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่
ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอน ปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการ หยุดอยู่ แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอน ปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการ หยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๑๘. มนุสสิตถี ปมัตตะจตุกกะ [ยอนปาก] พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการ ถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว
ยินดีการหยุดอยู่ ยินดี การถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการ ถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก
พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่ แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้เผลอสติ แล้วให้ยอนปาก ด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๑๙. มนุสสิตถี มตะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนวัจจ์] พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด
ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
 
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดี
การหยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๒๑. มนุสสิตถี มตะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนปาก]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่
ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่
ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดีการ
หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่
แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้
ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่
ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๒๒. มนุสสิตถี มตะเยภุยยะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนวัจจ์]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการ
หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดี
การหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนปัสสาวมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดี การหยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๒๑. มนุสสิตถี มตะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนปาก] พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยิ
นดีการหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดีการ หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด
แล้วให้ ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่ แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัด แล้วให้ ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดีการหยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๒๒. มนุสสิตถี มตะเยภุยยะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนวัจจ์] พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก แล้วให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการ หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก แล้วให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดี การหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
๒๔. มนุสสิตถี มตะเยภุยยะอักขายิตะจตุกกะ [ยอนปาก]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่
ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการ
หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดี
การหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดี
การหยุดอยู่ แต่ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติปาราชิก
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วยังไม่ถูกสัตว์กัดโดยมาก
แล้วให้ยอนปากด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ไม่ยินดี
การหยุดอยู่ ไม่ยินดีการถอนออก ไม่ต้องอาบัติ.
๒๕. มนุสสิตถี มตะเยภุยยะขายิตะจตุกกะ [ยอนวัจจ์]
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วถูกสัตว์กัดโดยมาก แล้ว
ให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอยินดีการเข้าไป ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการหยุดอยู่
ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วถูกสัตว์กัดโดยมาก แล้ว
ให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป แต่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว ยินดีการ
หยุดอยู่ ยินดีการถอนออก
ต้องอาบัติถุลลัจจัย
พวกภิกษุผู้เป็นข้าศึก พาภิกษุมาในสำนักมนุษย์ผู้หญิงผู้ตายแล้วถูกสัตว์กัดโดยมาก แล้ว
ให้ยอนวัจจมรรคด้วยองค์กำเนิด ถ้าเธอไม่ยินดีการเข้าไป ไม่ยินดีการเข้าไปถึงที่แล้ว แต่ยินดี
การหยุดอยู่ ยินดีการถอนออก ต้องอาบัติถุลลัจจัย
🪷 การวิเคราะห์เชิงลึก “อาบัติปาราชิกข้อที่ ๑”
 
(กรณีภิกษุละเมิดทางเพศ มนุษย์ หญิง ชาย หรือศพมนุษย์)
 
---
🔹 สาระจากพระไตรปิฎก (วินัยปิฎก มหาวิภังค์ ภาค ๑)
 
ตอนนี้เป็นการแจกแจง “ปาราชิกข้อที่ ๑” ซึ่งว่าด้วย ภิกษุผู้กระทำกามกรรม ในลักษณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะกับ
 
มนุษย์หญิงที่มีสติหรือเผลอสติ
 
มนุษย์หญิงที่ถึงแก่ความตาย
 
หรือสภาพที่ยังไม่ถูกสัตว์กัดกิน
ถ้าภิกษุ “มีความยินดี” (คือเจตนาเสพกามด้วยความพอใจในทุกช่วงตอน) จะต้อง “อาบัติปาราชิก”
คือ ขาดจากความเป็นภิกษุทันที ไม่สามารถบวชใหม่ได้ตลอดชีวิต
 
แต่ถ้าไม่มีเจตนา ไม่มีความยินดีในกรรมดังกล่าว เช่น ถูกบังคับ หรือเผลอโดยไม่มีราคะในใจ — ไม่ถึงขั้นปาราชิก
 
---
🕊️ วิเคราะห์ทางพระพุทธศาสนา
 
1. หลักธรรมเรื่องเจตนา (เจตนาหัง ภิกขเว กมฺมํ วทามิ)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนาเป็นกรรม”
ดังนั้น การพิจารณาว่า “ต้องอาบัติหรือไม่” จึงอยู่ที่ เจตนาและความยินดีในจิตใจ
ไม่ใช่เพียงการกระทำภายนอก
 
2. ความบริสุทธิ์แห่งพรหมจรรย์
พรหมจรรย์ในพระวินัย คือการฝึกใจให้บริสุทธิ์ ไม่เพียงงดเว้นการกระทำทางกาย
แต่รวมถึงความคิด ความรู้สึก และการมองด้วยจิตที่ไม่เศร้าหมองด้วยกามราคะ
3. เจตนาแห่งศีลข้อปาราชิกข้อที่ ๑
เป็นการป้องกันมิให้ผู้บวชในเพศสมณะ กลับไปสู่ความเป็นคฤหัสถ์โดยกิเลสราคะ
เพราะเมื่อใจไปสู่กาม ความตั้งมั่นแห่งสมาธิและปัญญาจะเสื่อมลง
จึงถือว่าศีลนี้เป็น “รากฐานแห่งสมณะ”
 
---
📜 วิเคราะห์แนวคิดในอดีต
 
ในสมัยพุทธกาล สังคมอินเดียถือว่าผู้บวชเป็นสมณะต้องละทางโลกโดยสิ้นเชิง
การละเมิดทางเพศโดยสมณะถือเป็นการ เสื่อมเกียรติสูงสุด
เพราะสังคมถือว่าเป็นการ “หักคำสัตย์ต่อพระรัตนตรัย”
ซึ่งเป็นบาปหนักยิ่งกว่าฆ่าคนหรือพูดเท็จธรรมะ
 
ในคัมภีร์อรรถกถา มีคำอธิบายว่า
 
> “ผู้ใดมีราคะย่อมเศร้าหมองดุจผ้าที่ถูกย้อมด้วยน้ำมัน”
จิตของสมณะต้องใสเหมือนกระจก ถ้ามีราคะก็ไม่อาจเห็นธรรมได้
 
---
💭 วิเคราะห์แนวคิดในปัจจุบัน
 
1. สมัยใหม่มองว่า พระวินัยนี้คือระบบ “จรรยาบรรณสูงสุดของนักบวช”
เปรียบได้กับจรรยาบรรณของแพทย์ ครู หรือนักบวชในศาสนาอื่น
ที่ละเมิดแล้วไม่อาจกลับเข้าสู่สถานะเดิมได้อีก
 
2. เชิงจิตวิทยาและสังคมวิทยา
การรักษาพรหมจรรย์เป็น “การฝึกสมาธิระดับสูง”
ผู้มีสติรู้เท่าทันราคะย่อมมีพลังใจ สติ สมาธิ และเมตตาเพิ่มขึ้น
เป็นการ “ควบคุมพลังชีวิต” เพื่อยกระดับจิตเหนืออารมณ์ทางกาย
 
---
📚 วิเคราะห์ทางวิชาการและงานวิจัย
 
งานวิจัยด้านจิตวิทยาพุทธ เช่น
 
งานของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
อธิบายว่า “ศีลพรหมจรรย์เป็นเครื่องรักษาจิตให้บริสุทธิ์เพื่อให้เกิดสมาธิอย่างแท้จริง”
 
งานวิจัยด้านจิตประสาท (Neuroscience of Meditation) พบว่า
การระงับราคะทำให้สมองส่วนหน้ามีการทำงานสูงขึ้น (prefrontal cortex)
ส่งผลให้มีสมาธิและสติยิ่งขึ้น
 
---
⚖️ วิเคราะห์ทางกฎหมายไทย (อดีต)
 
ในสมัยอยุธยา – รัตนโกสินทร์ตอนต้น
 
พระสงฆ์ที่ละเมิดสิกขาบทเช่นนี้ จะต้อง ถูกปรับอาบัติ ขับจากสังฆมณฑลทันที
 
ใน “กฎหมายตราสามดวง” มีระบุว่า “ภิกษุผู้เสพเมถุนจักต้องสึกโดยทันที”
ถือว่าผิดทั้งศีลและกฎหมาย
 
---
⚖️ วิเคราะห์ทางกฎหมายไทย (ปัจจุบัน)
 
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม
กำหนดว่า พระสงฆ์ผู้ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง เช่น เสพเมถุน
ให้มหาเถรสมาคมมีอำนาจ “ให้สละสมณเพศ”
 
ถ้าเป็นกรณีล่วงละเมิดทางเพศผู้อื่น ยังมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276–285
ว่าด้วยความผิดทางเพศ ซึ่งมีโทษจำคุกเช่นเดียวกับฆราวาส
 
---
🩺 วิเคราะห์ทางการแพทย์
 
ทางการแพทย์มองว่า “การควบคุมพฤติกรรมทางเพศ”
ไม่ใช่การกดข่ม แต่คือ “การบริหารพลังจิตและฮอร์โมน”
ผู้มีสมาธิและสติจะสามารถเปลี่ยนพลังความใคร่ให้กลายเป็นพลังสร้างสรรค์ได้
เช่น พลังแห่งเมตตา ปัญญา และความสงบ
 
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ยังพบว่า
 
สมาธิช่วยปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ
 
ลดฮอร์โมนความเครียด (Cortisol)
 
เพิ่มสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งทำให้ใจสงบและสุขแท้จากภายใน
 
---
🎓 วิเคราะห์ทางการศึกษา
 
แนวคิดนี้สอนให้นักเรียนและเยาวชนเห็นว่า
 
การมีศีล ไม่ใช่การห้ามโดยข่ม
 
แต่คือการสร้าง “ภูมิคุ้มกันทางจิต”
รู้เท่าทันอารมณ์ ปรับความคิดให้ถูกต้องต่อเพศ
 
ในการศึกษาพุทธศาสนาเชิงจิตวิทยา
ศีลพรหมจรรย์ถือเป็น “ศิลปะแห่งการครองจิต”
ไม่ใช่เพียงการครองกาย
 
> ✨ “ใจที่บริสุทธิ์ คือพลังสูงสุดของมนุษย์”
✨ “การชนะราคะ ไม่ใช่การเกลียดมัน แต่คือการเข้าใจมันจนมันสงบเอง”
✨ “ศีลไม่ใช่กรอบจำกัดชีวิต แต่คือสะพานสู่เสรีภาพแท้จริง”
✨ “ผู้มีวินัยในกาย ย่อมมีอิสรภาพในใจ”
🪷
การรักษาพรหมจรรย์ในความหมายของพุทธศาสนา
จึงไม่ใช่เพียงการละเว้นเพศสัมพันธ์
แต่คือการ “เปลี่ยนพลังแห่งราคะให้เป็นพลังแห่งปัญญา”
เพื่อเข้าถึงธรรมะภายใน พระรัตนตรัยกลางกาย
โฆษณา