รมว.ท่องเที่ยวกางแผน ปั้มท่องเที่ยวไฮซีซัน รุกตลาดใหม่ ดันเปิดสำนักงานซาอุดีอาระเบีย
การท่องเที่ยวโค้งท้ายปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ไทยจะเร่งเครื่องอย่างไร และมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่ยังเหลือที่ต้องชงครม.ขับเคลื่อนยังเหลืออะไรบ้าง “อรรถกร ศิริลัทธยากร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีคำตอบ
รมว.ท่องเที่ยวกางแผน ปั้มท่องเที่ยวไฮซีซัน
นายอรรถกร ศิริลัทธยากร” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว เร่งกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
ในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก ผ่านโครงการ “ Thailand Summer Blast” สนับสนุนเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองรองระดับ 2-3 ของประเทศจีน เดินทางสู่จุดหมายปลายทางในไทย รวมถึงการทำ Joint Promotion ร่วมกับ Commercial Flight ของสายการบินระหว่างประเทศในภูมิภาคยุโรป และการสนับสนุนกลุ่ม Incentive ที่มีการเดินทางเป็นหมู่คณะจำนวนมากให้เดินทางจัดกิจกรรมในประเทศไทย ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
โดยสามารถดึงดูดเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากเมืองรองของจีน อาทิ ซีอาน เฉิงตู คุนหมิง ฉางชา อู๋ซี หลินอี๋ เดินทางเข้าประเทศไทย รวม 1,000 เที่ยวบิน และมีกรุ๊ป Incentive ทยอยเดินทางเข้าไทยกว่า 50,000 คน ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ขณะที่ร่วมกับสายการบิน Commercial Flight จากภูมิภาคต่าง ๆ จัดกิจกรรม Joint Promotion มียอดกระตุ้นการขายรวมแล้วกว่า 348,000 PAX
นอกจากนี้ ททท. ยังได้กระตุ้นตลาดด้วยการร่วมกับออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ซี่ (OTA) มอบส่วนลดสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวไทยให้กับการจองผ่านแพลตฟอร์ม ออนไลน์ อาทิ Ctrip, Tuniu, Fliggy, Qunar, Klook สร้างยอดขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์รวมทั้งสิ้นกว่า 8,000 ล้านบาท
จากการดำเนินการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง เริ่มเห็นแนวโน้มสัญญาณที่ดีของการท่องเที่ยวไทยในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า จากการที่สายการบินจากทุกภูมิภาคทั่วโลกมีการเปิดเส้นทางจบินใหม่สู่จุดหมายปลายทางในประเทศไทย และเพิ่มความถี่เที่ยวบินในช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2568 - มกราคม 2569 รวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 170 เที่ยวบิน/สัปดาห์
ตั้งสำนักงานซาอุดีอาระเบีย เปิดตลาดใหม่
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องการเน้นย้ำ คือ “การเปิดตลาดใหม่” ที่เป็นไปได้ โดยไม่ต้องการให้เกิดทัศนคติว่านักท่องเที่ยวจะมาประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ต้องช่วยกันคิดว่าจะ “ไปคว้าเขามา” นี่เองทำให้ทางประเทศไทย กำลังเร่งผลักดันการเปิดสำนักงาน ททท. ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผลักดันมานานกว่า 2 ปีตั้งแต่ฟื้นความสัมพันธ์ ขั้นตอนสุดท้าย คือรอการอนุมัติจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย และหากสถานที่สำนักงานหลักยังไม่พร้อม ก็อาจจะไปอยู่ในพื้นที่สถานทูตก่อน
นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบ 80% ปัจจุบัน ซาอุดีอาระเบีย เป็นประเทศในตะวันออกกลางที่ให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเที่ยวมากสุด แซงหน้าดูไบ และมีการใช้จ่ายอันดับ 1 ของโลก โดยนักท่องเที่ยวซาอุฯ มีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปสูงถึง 110,000 บาท ถือว่าสูงที่สุดในโลก แซงหน้ากลุ่มสแกนดิเนเวีย และนิยมมาพักผ่อนนานเกือบ 2 อาทิตย์ ชื่นชอบการช้อปปิ้ง ชายหาด และกลุ่มครอบครัว นอกจากนี้ยังเริ่มหันมาสนใจ Health and Wellness ด้วย
อีกทั้งจะผลักดันความร่วมมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน ซึ่งซาอุดีอาระเบีย มีความต้องการพัฒนาตัวเองให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว เพื่อแข่งขันกับดูไบและอาบูดาบีภายใน 10 ปีนี้ ซาอุฯ ได้ขอความร่วมมือจากไทยเพื่อส่งบุคลากรมาเรียนรู้ด้านการบริหารจัดการและการบริการ (Hospitality) ในประเทศไทย
ฟื้นฟูจีนเที่ยวไทย ปั้มนักท่องเที่ยวอินเดีย
ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจีน ต้องยอมรับว่าการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา มีโจทย์สำคัญคือ “ภาพลักษณ์” ซึ่งยากจะควบคุมได้ 100% เราจึงจำเป็นต้องเดินทางไปเยือนจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยมีเป้าหมายเชิงรุกในการทำงานร่วมกับมณฑลต่างๆ ในจีนเพื่อส่งเสริมและแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน และจะให้ความสำคัญกับการใช้ Influencer ของจีนในการโปรโมทการท่องเที่ยวไทย และในขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณของตลาดจีนเที่ยวไทยที่ดีขึ้น
อีกทั้งล่าสุดไทยได้รับเลือกเป็น “Country of Honor” ในงาน CITM (China International Travel Mart) ซึ่งเป็นงานท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของจีนด้วย ททท.คาดว่าปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะปิดที่ประมาณ 3.99 ล้านคน สำหรับปี 2569 มีความเป็นไปได้ที่จะถึง 8-9 ล้านคน หากไม่มีปัจจัยอะไรที่เป็นผลกระทบเกิดขึ้น
ทั้งนี้ในปีนี้แม้นักท่องเที่ยวจีนอาจชลอตัวไป แต่ก็ยังมีตลาดที่ในปีนี้เติบโตดี ไม่ว่าจะเป็น นักท่องเที่ยวอินเดียที่ปีนี้คาดว่าจะทะลุเป้าหมาย น่าจะจบที่ประมาณ 2.4-2.5 ล้านคน มากกว่าปี 2562 แล้ว มีค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวอินเดียอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาทที่จะใช้กลยุทธ์ Soft Power ดึงดูดตลาดอินเดียเข้าไทย โดยเน้นให้ความสำคัญกับวันสำคัญ เช่น Diwali และ Holi
นอกจากนี้ยังมีแผนจัดงานที่นำนักร้องดังของอินเดียมาแสดงในไทย เช่น นักร้องจากบอลลีวูด รวมไปถึงตลาดนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล อย่าง ยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ดันทัวร์ไทยคนละครึ่ง-ตั๋วฟรีในประเทศ
รวมไปถึงกระทรวงท่องเที่ยวฯอยู่ระหว่างผลักดัน 2 โครงการ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมเสนอครม. โดยตั้งเป้าจะเสนอเข้า ครม. ภายในเดือนธันวาคมนี้ ได้แก่ โครงการ“Buy International, Free Thailand Domestic Flights” ที่จะให้นักท่องเที่ยวต่างชาติซื้อตั๋วเครื่องบินจากต่างประเทศบินเข้าประเทศไทย
รัฐบาลสนับสนุนแจกตั๋วฟรีเส้นทางบินในประเทศ เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทย จำนวน 200,000 คน (400,000 เที่ยวบินแบบไปกลับ) ใช้งบประมาณ 700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะดำเนินโครงการในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2569
ทั้งยังผลักดันโครงการ “ทัวร์ไทยคนละครึ่ง” ซึ่งยังมีวงเงินจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เหลืออยู่ 500 ล้านบาท โดยโครงการนี้สนับสนุนค่าทัวร์สูงสุด 50% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อแพ็คเกจ โดยต้องมีการค้างคืน 1 วัน และเน้นการใช้งานในเมืองหลักและเมืองรอง ซึ่งจะเป็นโครงการใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ทั้งยังกำลังพิจารณาว่าจะต่อโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง(เฟส 2) หรือไม่
อีกทั้งยังจะเสนอครม.พิจารณามาตรการสนับสนุนการบิน ที่จะมีการเสนอขอสนับสนุนลดค่าหลุมจอดและค่าบริการสนามบิน สำหรับเที่ยวบินต่างประเทศ โดยเน้นช่วงที่ไม่ใช่ไฮซีซัน เพื่อให้ตั๋วเครื่องบินเข้าไทยมีราคาถูกลง
ผุดโครงการตามรอยหมอนทอง
ขณะเดียวกันผมยังมองถึงการสานต่อ Soft Power จากกีฬาท้องถิ่น ซึ่งททท.จะจัดทำโครงการ ตามรอย “หมอนทอง” เที่ยวบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะทีมฟุตบอล “หมอนทอง” ที่จะมีการจัดทำโครงการกึ่งสารคดี/ท่องเที่ยว โปรโมทวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของน้องๆ นักกีฬา และสถานท่องเที่ยวในอำเภอบางน้ำเปรี้ยว การต่อยอดกีฬา ที่จะเน้นการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาในพื้นที่
ดันอีเว้นท์สร้างจุดขายดึงนักท่องเที่ยว
สำหรับสิ่งที่ผมรู้สักกังวลในระยะยาว คือ ประเทศไทยขาดแคลนสิ่งดึงดูดการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เป็น “manmade” (สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น) การลงทุนของภาครัฐไม่มี มีแต่การลงทุนโดยภาคเอกชนรายใหญ่เท่านั้นทางออกหากไม่สามารถสร้างสิ่งดึงดูดใหม่ได้ จะต้องหันไปเน้นการจัดอีเว้นท์ต่างๆ
การเน้นการท่องเที่ยวแบบ Sport ไม่ใช่เชิงแข่งขัน แต่เน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วม และการพัฒนา โดยการเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ (Destination List) จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีความพร้อมด้าน Transportation (การขนส่ง) เป็นต้น
ในส่วนของกิจกรรมและอีเว้นต์ในช่วงปลายปีนี้ก็จะมีการจัดงานอย่างคึกคัก เพียงแต่ททท.ได้ปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ไม่ว่าจะเป็นงาน “วิจิตรเจ้าพระยา 2568” หรือ Vijit Chao Phraya 2025 ระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน - 23 ธันวาคม 2568 รวมระยะเวลา 45 คืนแห่งความงดงามที่จะเปลี่ยนบรรยากาศริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้สว่างไสวและเปี่ยมมนต์เสน่ห์ภายใต้แนวคิด “แสงแห่งสยาม แม่ของแผ่นดิน” โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานแล้วกว่า 183,000 คน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 102,200 คน และชาวต่างชาติ 80,800 คน สร้างกระแสเงินหมุนเวียนกว่า 703 ล้านบาท
การจัดงาน “Amazing Thailand Marathon 2025” เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งมี เอเลียด คิปโชเก้ นักวิ่งมาราธอนระดับโลกชาวเคนยาเข้าร่วมแข่งขัน ปัจจุบัน ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 มีนักวิ่งสมัครเข้าร่วมแข่งขันแล้วกว่า 48,000 คน สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ 36,000 คน และคาดว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 1,459 ล้านบาท
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ททท. เตรียมจัดงาน Amazing Thailand Phayao Countdown Flora Fest 2026 ระหว่างวันที่ 28-31 ธันวาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “Flora of Faith & Light - แสงแห่งรัก ดอกไม้แห่งศรัทธา ณ บริเวณกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา และงาน Amazing Thailand Su-Ngaikolok Countdown 2026 ณ อ.สุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส นอกจากนี้ยังสนับสนุนการจัดงาน Amazing Thailand Countdown Bangkok ของ ICONSIAM, Central World และ One Bangkok ตอกย้ำประเทศไทยในการเป็น Global Countdown Destination อีกด้วย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
