8 ธ.ค. เวลา 00:48 • ธุรกิจ

สรุปมหากาพย์ "ไดกิ้น 2025" เมื่อ "ทองคำ" กลายเป็นระเบิดเวลา และเดิมพันอนาคตคนนับพัน

หากใครขับรถผ่านนิคมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี ในช่วงสัปดาห์นี้ ภาพที่เห็นอาจไม่ใช่ความคึกคักของการผลิต แต่คือภาพของพนักงานกว่า 1,500 คน ที่ต้องออกมายืนเคว้งคว้างหน้าโรงงาน จากคำสั่ง "ปิดงานงดจ้าง" (Lockout) ที่รุนแรงที่สุดส่งท้ายปี 2568
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ "นายจ้างงก" หรือ "ลูกจ้างโลภ" อย่างที่หลายคนเข้าใจผิวเผิน
แต่มันคือโศกนาฏกรรมทางบัญชี ที่เกิดจาก "สัญญาในอดีต" กับ "ความเป็นจริงในปัจจุบัน"
แอดธี ขอพาย้อนเวลาไปแกะรอยปัญหานี้ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงวันที่คุยกันไม่รู้เรื่องถึง 11 ครั้ง
ยกที่ 1: กำเนิด "รางวัลมนุษย์ทองคำ" (ย้อนกลับไปปี 2558)
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ในปี 2558 บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้สร้างขวัญกำลังใจให้พนักงานด้วยการเขียน "คู่มือพนักงาน" โดยระบุสวัสดิการระดับพรีเมียม เพื่อกระตุ้นให้พนักงานมีวินัยขั้นสูงสุด
📜เงื่อนไขสุดหิน: พนักงานต้องรักษา "สถิติการมาปฏิบัติงานต่อเนื่อง"
✅ ไม่สาย
✅ ไม่ขาด
✅ ไม่ลาทุกประเภท (ยกเว้นพักร้อน)
🏆 รางวัลที่รออยู่ ไม่ใช่แค่ได้ตอนครบ 10 ปี แต่เป็นระบบ "ขั้นบันได" ที่เริ่มจ่ายตั้งแต่ปีที่ 5
- ครบ 5 ปี รับเงิน 5,000 + ทองคำ 1 บาท
- ครบ 6-9 ปี รับเงินเพิ่มขึ้น + ทองคำเพิ่มขึ้นทีละ 1 สลึง (สูงสุด 2 บาท)
- ครบ 10 ปี (แจ็คพอต) รับเงิน 10,000 + ทองคำ 3 บาท
ทำไมตอนนั้นบริษัทถึงกล้าจ่าย ? (อันนี้ แอดธี วิเคราะห์เองนะ)
เพราะในปี 2558 ราคาทองคำอยู่ที่ประมาณ 20,150 บาท เท่านั้น
การคำนวณต้นทุนในวันนั้น สมเหตุสมผลและ Win-Win ทั้งคู่ บริษัทได้คนขยัน พนักงานได้ทอง
ยกที่ 2: "ระเบิดเวลา" ที่ซ่อนอยู่ในหน้าที่ 119
สิ่งที่หลายคน (และอาจรวมถึงบริษัทในตอนนั้น) คาดไม่ถึง คือข้อความเล็กๆ ในคู่มือหน้าที่ 119 ข้อ 3 ที่ระบุว่า
"กรณีที่พนักงานยังคงสามารถรักษาสถิติการมาทำงานต่อเนื่องได้มากกว่า 10 ปี มูลค่าเงินรางวัล และทองคำจะยังคงเท่ากับสถิติ... 10 ปี"
แปลไทยเป็นไทยคือ
หลังจากปีที่ 10 ไปแล้ว... หากพนักงานยังรักษาวินัยได้ต่อเนื่อง ในปีที่ 11, 12, 13... บริษัทต้องจ่าย ทองคำ 3 บาท + เงิน 10,000 บาท "ในทุกๆ ปี" ต่อไปเรื่อยๆ
นี่ไม่ใช่แค่โบนัสก้อนเดียวจบ แต่มันคือ "ภาระผูกพันระยะยาวแบบทบต้น" ยิ่งพนักงานอยู่นาน ยิ่งวินัยดี ต้นทุนบริษัทยิ่งพุ่งสูงขึ้นแบบไม่มีเพดาน
ยกที่ 3: ปี 2568 เมื่อโลกเปลี่ยน แต่สัญญาเหมือนเดิม
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ธันวาคม 2568
สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจาก 2 ปัจจัยหลัก:
1.) ราคาทองคำพุ่งทะยาน 3 เท่า: จาก 20,000 บาท พุ่งมาแตะ 63,700 บาท (ราคา ณ 5 ธ.ค. 68)
2.) พนักงาน "วินัยเหล็ก" มีเยอะเกินคาด พนักงานไทยมีความอดทนสูงมาก มีคนจำนวนมากที่ทำตามเงื่อนไขนี้ได้สำเร็จ แอดธีก็ขอปรบมือให้เลย
ผลลัพธ์ทางบัญชี:
- จากเดิม ต้นทุนรางวัลปีที่ 10+ เคยอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท/คน
- ปัจจุบัน พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ ~201,100 บาท/คน/ปี
เมื่อเอาส่วนต่าง 130,000 บาท คูณด้วยจำนวนพนักงานหลักพันคน และคูณด้วยจำนวนปีที่จะต้องจ่ายต่อไปในอนาคต... ตัวเลขความเสียหายทางบัญชี อาจพุ่งไปถึง หลักร้อยล้านหรือพันล้านบาท ในระยะยาว
บริษัทจึงมองเห็นแล้วว่า "ถ้าระบบนี้ยังอยู่ บริษัทอาจอยู่ไม่ได้"
ยกที่ 4: การเจรจา 11 ครั้งที่ล้มเหลว และข้อเสนอ "ที่สวนทาง"
ในปี 2568 บริษัทและสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักข์เสรี ได้เปิดโต๊ะเจรจากันมาอย่างมาราธอนถึง 11 ครั้ง
📜 ข้อเสนอของบริษัท (เพื่อล้างระบบทองคำ):
- ขอยกเลิกการแจกทองคำทั้งหมด และเปลี่ยนเป็น "เงินสดเหมาจ่าย 40,000 บาท" แทน (รวมถึงปรับโบนัสเป็น 6 เดือน + เงิน 12,000 บาท)
💢 ทำไมสหภาพฯ รับไม่ได้ ?
- สำหรับพนักงานที่ทำมา 10 ปี มูลค่ารางวัลที่เขา "ควรจะได้" (ตามราคาทองปัจจุบัน) คือ 200,000 บาท
- ข้อเสนอ 40,000 บาท เท่ากับเงินหายไป 160,000 บาท หรือหายไปถึง 80%
** ในมุมพนักงาน: "เราทำตามกฎทุกอย่าง ห้ามลา ห้ามป่วยมา 10 ปี เพื่อสิ่งนี้ การมาขอลดดื้อๆ คือการผิดสัญญา"
ยกที่ 5: วันแตกหัก และ "การปิดงานงดจ้าง"
เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่อง ในวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ประธานบริษัท ไดกิ้นฯ ได้ลงนามในประกาศที่ D002-2025 เรื่อง "แจ้งปิดงานงดจ้าง"
โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์:
🛑 ใครโดนบ้าง: เฉพาะสมาชิกสหภาพแรงงานฯ (ประมาณ 1,500 คน) ส่วนพนักงานอื่นยังทำงานได้ปกติ
🛑 ไม่ให้เข้างาน: ห้ามสมาชิกสหภาพฯ เข้าทำงาน
🛑 ตัดท่อน้ำเลี้ยง: งดจ่ายค่าจ้างและสวัสดิการทุกชนิด
🛑 มีผล: ตั้งแต่ 6 ธันวาคม เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
แม้ทางสหภาพฯ จะพยายามยื่นหนังสือขอเจรจาเป็น ครั้งที่ 12 ในวันที่ 8 ธ.ค. แต่ดูเหมือนบริษัทจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้วที่จะ "Reset ระบบ" ครั้งนี้
และไม้ตายที่โหดที่สุดคือ:
บริษัทประกาศจัดงาน "Daikin Career Day 2025" ในวันที่ 11 และ 16 ธันวาคม ทันที!
เปิดรับสมัครพนักงานใหม่ทุกตำแหน่ง ตั้งแต่วิศวกรยันฝ่ายผลิต
เป็นการส่งสัญญาณกดดันขั้นสูงสุดว่า "ถ้าคนเก่าไม่ยอมรับเงื่อนไข... บริษัทพร้อมจะมีคนใหม่มาแทนที่เสมอ"
เสียงสะท้อนจากสังคม (เมื่อชาวเน็ตเสียงแตก)
เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่โลกออนไลน์แบ่งฝ่ายถกเถียงกันอย่างดุเดือด:
🔵 #ทีมเห็นใจบริษัท:
"ราคาทองขึ้น 3 เท่า ใครจะไปแบกไหว ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด"
"ปีที่ 10+ จ่ายปีละ 2 แสนทุกปี มันเกินโครงสร้างค่าจ้างปกติไปมาก"
"เศรษฐกิจแบบนี้ ได้เงินสด 40,000 ก็ดีกว่าตกงาน หรือบริษัทปิดกิจการ"
🔴 #ทีมเห็นใจพนักงาน:
"กฎเขียนไว้เอง พนักงานทำได้ก็ต้องจ่าย ไม่ใช่มาอ้างว่าแพงทีหลัง"
"วินัย 10 ปี ไม่ขาดไม่ลา คือที่สุดของความรับผิดชอบ รางวัล 2 แสนไม่แพงเลยสำหรับความซื่อสัตย์ขนาดนี้"
"บริษัทกำไรปีละเท่าไหร่? จะมาทุบหม้อข้าวพนักงานที่เป็นคนสร้างกำไรให้เหรอ?"
ถ้าแบบนี้ บทสรุป ทางออกอยู่ตรงไหน ?
สถานการณ์ขณะนี้ก็คงต้องเป็นทางตัน ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมองสวนทาง
- บริษัทถอยไม่ได้ เพราะถ้ายอมจ่ายทอง ระบบการเงินระยะยาวจะพัง
- พนักงานถอยไม่ได้ เพราะถ้ายอมรับ 40,000 เท่ากับยอมทิ้งเงินแสนที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ
ทางออกที่เป็นไปได้มากที่สุด อาจไม่ใช่การเลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่คือการ "พบกันครึ่งทาง"
เช่น การจบด้วยเงินสดที่สูงกว่า 40,000 บาท (Buyout ในราคาที่สมเหตุสมผลกว่านี้) เพื่อชดเชยความรู้สึกพนักงาน และปิดจบระบบทองคำให้บริษัทเดินหน้าต่อได้
จับตาดูกันต่อไปว่า การเจรจารอบที่ 12 จะแก้ปัญหาได้ทันก่อนงาน Career Day หรือไม่
เพราะถ้า "คนใหม่" ก้าวเท้าเข้าโรงงานเมื่อไหร่...
ตำนานพนักงานดีเด่น 10 ปีของคนเก่า อาจกลายเป็นเพียงอดีตตลอดกาล
ขอให้การเจรจาครั้งที่ 12 จบลงด้วยดี แบบที่ไม่มีใครต้องตกงานต้อนรับปีใหม่ครับ
ปล. แอดธี เพียงรวบรวมข้อมูลและสรุปจากข้อมูลข่าวที่เสนอมา อาจจะผิดพลาดได้ ขออภัยไว้ล่วงหน้าครับ
เรียบเรียงข้อมูลจาก: ประกาศบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย), คู่มือพนักงานไดกิ้น,สัมภาษณ์จากรายการของคุณสรยุทธ, ข้อเรียกร้องสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักข์เสรี และข้อมูลราคาทองคำสมาคมค้าทองคำ
โฆษณา