Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนแมน
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
วันนี้ เวลา 07:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ
แบกแล้ว แบกขึ้นอีก พนักงานเงินเดือนสูง เตรียมโดนลดหย่อนภาษี ได้น้อยกว่าเดิม 30%
ตั้งแต่ลงทุนแมน พบนโยบายภาษีมา ต้องยอมรับว่า คราวนี้แปลกใจที่สุด
เรียกได้ว่าเป็นนโยบายที่ขาดการสร้างกำลังใจให้กับกลุ่มบุคคลที่เป็นคนเสียภาษีมากที่สุดในไทย ที่หลายคนเรียกว่าเป็น “ตัวแบก” ประเทศ
กลุ่มบุคคลนี้ คือ กลุ่มพนักงานเงินที่อยู่ในระบบ ที่มีเงินเดือนสูงมากกว่า 120,000 บาท
กลุ่มนี้มีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับคนทั้งประเทศ
แต่คนกลุ่มนี้กำลังจ่ายภาษีมากกว่าคนอื่นที่เหลือ
และพวกเขากำลังโดนลดสิทธิ การลดหย่อนภาษีจากเดิมที่เคยได้ ให้น้อยลง 30% ในปีหน้า ในการซื้อกองทุนลดหย่อน
เรื่องนี้น่าแปลกใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
คนไทยวัยทำงานมี 40,000,000 คน
อยู่ในระบบภาษี 10,000,000 คน
และเป็นพนักงานเงินเดือนสูงเกิน 100,000 บาท
มีอยู่ประมาณ 300,000 คน คิดเป็นเพียง 0.5% ของประชากรทั้งประเทศ
คนกลุ่มนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวแบกในการจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ของโครงสร้างภาษีประเทศไทยอยู่แล้ว เพราะคนกลุ่มจะเสียอัตราภาษีที่สูง 25%ไปจนถึง 35%
ซึ่งเป็นอัตราภาษีที่มากกว่าทุกคน รวมถึงทุกนิติบุคคลในระบบภาษีด้วย
ตอนนี้บริษัทขนาดใหญ่ เสียภาษีนิติบุคคลอัตรา 20%
และยังมีคนนอกระบบรายได้สูงจำนวนมากไม่เสียภาษี หรือเสียในอัตราที่น้อยมาก
เรียกว่าเป็นตัวแบกในการเสียภาษีอัตราที่สูงจริง ๆ
แต่ล่าสุด รมว. คลัง ดร.เอกนิติ ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังเสนอเรื่องนี้เข้า ครม. เพื่ออนุมัติในวันที่ 9 ธ.ค.นี้
-คนที่มีเงินได้สูงกว่าปีละ 1.5 ล้านบาท (คำนวนเงินได้ต่อเดือนสูงกว่า 125,000 บาท) ตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป เมื่อซื้อกองทุน จะลดหย่อนได้เพียง 0.7 เท่า..
-โดยคนที่มีเงินได้ต่ำกว่าปีละ 1.5 ล้านบาท เมื่อซื้อกองทุน จะลดหย่อนได้ 1.3 เท่า
เรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะตั้งใจอธิบายว่า รัฐอยากเอาสิทธิ 0.3 เท่าของคนมีเงินได้สูงกว่า 1.5 ล้านบาท ไปใส่ให้คนที่มีเงินได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท
แต่พอมาคิดดี ๆ แล้ว
หากเราเป็นวัยทำงาน ที่กำลังพยายามถีบตัวเอง จนมีเงินเดือนมากกว่า 125,000 บาท
เราคงฉุกคิดว่าแทนที่เราจะดีใจ แต่กลับถูก “ทำโทษ” ด้วยการหักลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีลง 30% ทันที..
ถ้าคนกลุ่มนี้ อยากลดหย่อนภาษีได้เท่าเดิม
เทียบเป็นตัวเลข แบบเข้าใจง่าย ๆ ว่าต้องการลดหย่อนภาษี 100,000 บาท
1
แบบเดิม
-ซื้อกองทุน 100,000 บาท ลดหย่อนได้ 100,000 บาท
แบบใหม่
-คนเงินเดือนต่ำกว่า 125,000 บาท (1.30 เท่า)
ต้องซื้อกองทุนราว 76,923 บาท เพื่อลดหย่อน 100,000 บาท
-คนเงินเดือนสูงกว่า 125,000 บาท (0.7 เท่า)
ต้องซื้อกองทุน 142,857 บาท พูดง่าย ๆ คือต้องลงทุนเพิ่มขึ้น 42% เพื่อให้สิทธิเหมือนแต่ก่อน..
ตอนนี้คงเริ่มมีคำถามกันแล้วว่าสรุป คนทำงานดี ได้เงินเดือนเกิน 125,000 บาท แต่ดันซวยที่อยู่ในระบบ เลยโดนหักสิทธิ แล้วมองออกไปคนนอกระบบ ได้รายได้เกินเลขนี้ต่อเดือนมีเยอะแยะ แต่โชคดีที่อยู่นอกระบบ เลยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้
คนที่มีเงินได้ 125,000 บาทต่อเดือน อาจจะดูเหมือนรวย แต่เขาอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานคนเดียว ทุกคนในครอบครัวไม่มีเงินได้ เขาอาจจะเป็นวัยที่มีภาระ ทั้งข้างบนที่ต้องเก็บเงินรักษาพ่อแม่ ทั้งข้างล่างที่ต้องเก็บเงินจ่ายค่าเล่าเรียนลูก
2
กลุ่มนี้ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย แถมยังโดนลดสิทธิ มันผิดที่เกิดมาขยันทำงานได้เงินเดือนสูง หรือผิดที่อยู่ในระบบที่คอยกัดกินจากเขา
ความเจ็บปวดของมนุษย์เงินเดือนกลุ่มนี้พอมองออกไป คนอีกกลุ่มที่รายได้มหาศาล แต่ "ลอยตัว" อยู่เหนือระบบภาษี เช่น
-พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยอดขายหลักล้าน
-ธุรกิจเงินสดเศรษฐกิจนอกระบบ
1
คนเหล่านี้อาจมีรายได้สุทธิ มากกว่ามนุษย์เงินเดือนระดับผู้บริหารเสียอีก
แต่กลับเสียภาษีน้อยมาก หรือไม่เสียเลย เพราะรัฐ "ตามเก็บยาก" หรือ "ไม่มีข้อมูล"
นอกจากนั้นก็ยังมีคนถือบัตรสวัสดิการรัฐอีกเป็นสิบล้านคนที่รอคอยรับเงินช่วยเหลือ
ในทางกลับกัน มนุษย์เงินเดือนกลับเป็นของตายให้รัฐ เพราะมีข้อมูลรายได้โชว์อยู่ในระบบ
รัฐจึงเลือกเล่นท่าง่ายด้วยการรีดภาษี และตัดสิทธิจากคนกลุ่มนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แทนที่จะทุ่มเทกำลังไปดึงคนนอกระบบเข้ามาให้ถูกต้อง
สถานการณ์แบบนี้ไม่ต่างอะไรไปจาก การบีบคั้นชนชั้นกลางที่อยู่ในระบบ ที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนองค์กรและเศรษฐกิจให้รู้สึกไม่เป็นธรรมมากขึ้น
เมื่อความพยายามในการหารายได้เพิ่ม หมายถึงการถูกเพ่งเล็งและตัดสิทธิ แรงจูงใจในการทำงานหนักก็จะลดลง
และต่อไปการเลี่ยงภาษีแบบถูกกฎหมายอาจมีมากขึ้น ผู้มีเงินได้สูงจะเริ่มจดทะเบียนบริษัทรับเงินแทน เพื่อเสียภาษีในอัตรา 20% แทนที่จะยอมเสีย 35% ในนามบุคคลธรรมดา
แต่วิธีนี้ก็ทำได้เฉพาะคนที่มีอาชีพอิสระ แต่พนักงานในระบบก็จะทำไม่ได้และถูกบีบอยู่ดี
การกระจายรายได้และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นเรื่องที่ดี แต่มันควรมาจากภาษีของแรงงานส่วนใหญ่ในระบบหรือไม่ ไม่ใช่ประชากรเพียงหยิบมือ ที่แต่เดิมเขามีสิทธิที่จะลดหย่อนภาษีจากเงินลงทุนเพื่อใช้ในยามเกษียณของเขา และกลับมาลดสิทธิซ้ำเติม
และเมื่อพวกเขาไม่มีเงินในยามเกษียณมากพอ ในอนาคตรัฐกลับจะเสียมากกว่าได้ เพราะต้องแบ่งงบประมาณมาช่วยเหลือ ทั้งที่คนเหล่านี้เขาอาจจะอยู่ได้ด้วยตัวเองหากสามารถสะสมเงินได้มากพอ
นอกจากนั้นก็จะมีคำถามที่สงสัยมากมายว่า รัฐเอาเงินภาษีไปทำอะไรที่เกิดประโยชน์ ดูจากโครงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ มีความโปร่งใสสำหรับคนเสียภาษีหรือไม่
ปิดท้ายด้วยคำพูดที่น่าสนใจของ ดร.เอกนิติ รมต. คลัง ว่า “ปัจจุบันมีผู้เสียภาษีประมาณ 300,000 คน นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อหน่วยลงทุนมาหักลดหย่อนภาษี ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท”
2
แค่ฟังจากพูดก็รู้แล้ว ว่า ดร.เอกนิติ ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของผู้เสียภาษี 300,000 คนกลุ่มนี้ และคิดว่าการเก็บเงินได้ 10,000 ล้านบาทต่อปีจากคนกลุ่มนี้ มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มาก สำคัญกว่าการสร้างแรงจูงใจให้ 300,000 คนนี้อยากที่จะอยู่ในระบบต่อไป
ลงทุนแมนแนะนำว่า สิทธิอะไรที่พวกเขาเคยได้ อย่างน้อยควรได้เท่าเดิมเพื่อรักษากำลังใจหรือไม่ มันคุ้มค่ากับเงิน 10,000 ล้านบาทเพื่อรัฐจะเอาไปจัดจ้างแปลก ๆ ในโครงการใหม่ ๆ ได้มากขึ้นขนาดนั้นเลยหรือ ?
5
ในเมื่อมุมมองการเก็บภาษีของกลุ่มในระบบ 300,000 คนเป็นแบบนี้
แทนที่จะให้เหรียญรางวัลดีเด่น แต่กลับบอกว่า
คุณทำดีน้อยไป จากแบกแล้ว ต้องแบกเพิ่มนะ
คำถามง่าย ๆ คือ
พอแนวคิดรัฐเป็นแบบนี้ คนที่มีเงินได้สูง ใครคนไหน ? จะอยากเข้ามา อยู่ในระบบ ที่คอยจะหาช่องให้แบกเพิ่มอยู่ตลอดเวลา..
1
เศรษฐกิจ
33 บันทึก
54
8
87
33
54
8
87
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย